October 16, 2024
หมายเหตุ : บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นในวันอังคาร ดังนั้นบทความบางส่วนอาจจะมีความคลาดเคลื่อนของข้อมูลได้
WEEKLY TONE: BUY WEEK
สัปดาห์กลางเดือน ตุลาคม 2024 และด้วยการที่มีตัวชี้วัดออกมาน้อย อย่างแรกคือ Core Retail Sales ที่มีแนวโน้มที่จะลดลง และอาจทำให้นักลงทุนนั้นหันไปถือครองสินทรัพย์ที่ปลอดภัยแทนที่สินทรัพย์เสี่ยง และการที่มีการคาดการณ์ว่า Unemployment Claims มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น อีกทั้งตอนนี้ตลาดหุ้นและตลาดคริปโทฯ นั้นมีการเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกันในระดับหนึ่ง สัปดาห์นี้จึงควรจับตามองคริปโทฯ ไว้ก่อนทำการเข้าซื้อในช่วงเวลาที่ตลาดเริ่มรับข่าวถัดไป
Core Retail Sales MoM หรือ ดัชนียอดค้าปลีก เป็นการวัดค่าการเปลี่ยนแปลงในมูลค่ายอดขายทั้งหมดในระดับการค้าปลีก ซึ่งเป็นดัชนีที่สำคัญมากที่สุดที่บ่งชี้ถึงการใช้จ่ายของผู้บริโภคซึ่งคิดเป็นส่วนสำคัญมากที่สุดของกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวม สำหรับ Retail Sales ที่ไม่รวมการซื้อรถ จะเรียกว่า Core Retail Sales
คาดการณ์จาก Tradingeconomic: Core Retail Sales มีแนวโน้มที่จะลดลงจาก 0.2% เป็น 0.1%
ตีความอย่างไรต่อตลาด
การคาดการ์ณว่า Core Retail Sales มีแนวโน้มที่จะลดลงนั้นสามารถส่งผลเสียต่อตลาดคริปโทฯ ได้ นักลงทุนอาจหันไปถือครองสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงน้อยกว่าคริปโทฯ แต่ด้วยการที่มีการคาดการ์ณว่าจะลดลงนั้นก็เป็นอีกหนึ่งแรงที่จะช่วยยืนยันการที่ FED หรือ ธนาคารกลางสหรัฐฯ มีโอกาสที่จะลดอัตราดอกเบี้ยลงในการประชุมครั้งถัดไปก็เป็นได้
Initial Jobless Claims หรือ Unemployment Claims คือจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานรายสัปดาห์ ซึ่งเป็นตัวเลขที่สะท้อนค่าใช้จ่ายของรัฐได้ชัดกว่าอัตราการว่างงาน เพราะยิ่งตัวเลขนี้สูงขึ้นนั่นหมายความว่าค่าใช้จ่ายของภาครัฐ หรือ Government Expenditure ถูกใช้ไปในการช่วยเหลือกลุ่มคนว่างงานมากขึ้น เศรษฐกิจมีแนวโน้มที่จะหดตัว และยังแสดงให้เห็นถึงช่องว่างความเหลื่อมล้ำในประเทศอีกด้วย โดยตัวเลขนี้จะมีประกาศทุก ๆ วันพฤหัสบดี
คาดการณ์จาก Tradingeconomic: Unemployment Claims มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นจาก 258K เป็น 269K
ตีความอย่างไรต่อตลาด
การเพิ่มขึ้นของ Unemployment Claims เป็นการแสดงถึงการที่ผู้คนนั้นตกงานมากเพิ่มขึ้นและ ได้มีคนได้ขอรับสวัสดิการจากรัฐบาลเพิ่มมากขึ้น ผลกระทบหลัก ๆ ก็คือการที่ผู้คนนั้นจะใช้จ่ายน้อยลง และอาจจะลงทุนน้อยลงอีกด้วย
Key Event ที่น่าสนใจที่จะเกิดขึ้นในสัปดาห์และอาจจะทำให้เกิดความผันผวนกับสินทรัพย์ดิจิทัล
14 ตุลาคม
15 ตุลาคม
16 ตุลาคม
17 ตุลาคม
ในส่วนของ Funding rate สำหรับอาทิตย์นี้มีการปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ยังอยู่ในระดับปกติ บ่งบอกถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนในตลาด โดยมีการเปิดสถานะลองมากกว่าสถานะชอร์ต แต่ไม่ได้มีความร้อนแรงจนเกินไป แสดงถึงช่องว่างของ Upside ที่ยังคงมีอยู่
ในฝั่งของ Bitcoin Open Interest มีการปรับตัวสูงมาก แสดงถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่เพิ่มขึ้น หลังจากการย่อตัวลงเพียงเล็กน้อยในช่วงที่มีข่าวเรื่องสงครามตะวันออกกลาง นักลงทุนกลับมาเปิดสถานะมากขึ้น และให้ความสำคัญกับข่าวสงครามเพียงระยะสั้นเท่านั้น
ในส่วนของ Bitcoin ETF Flow ในสัปดาห์ที่ผ่านมามีกระแสเงินไหลเข้าจาก Spot Bitcoin ETFs รวมเป็นจำนวนทั้งสิ้น 589.7 ล้านเหรียญ โดยแรงซื้อส่วนใหญ่มาจากทาง FBTC ส่งผลให้ราคาของ Bitcoin ฟื้นตัวขึ้นมาจากความกังวลเรื่องสงครามและแนวโน้มตัวเลข Macroeconomics
ในส่วนของ Ethereum ETF Flow ในสัปดาห์ที่ผ่านมามีกระแสเงินไหลเข้าทั้งสิ้น 4.6 ล้านเหรียญ ถึงแม้จะเป็นเม็ดเงินที่ค่อนข้างน้อย และยังไม่ได้ส่งผลอย่างมีนัยยะสำคัญต่อมูลค่าตลาดของ Ethereum แต่การฟื้นตัวของตลาดในช่วงที่ผ่านมา Ethereum กลับสามารถ Outperform Bitcoin ได้ แสดงถึงความแข็งแกร่งของนักลงทุนรายย่อยที่สูงขึ้น
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดมีการฟื้นตัวขึ้นมาจนสามารถ Reclaim ราคาต้นทุนของนักลงทุนระยะสั้นที่ระดับประมาณ $62,000 สังเกตได้จาก Short-Term Holder MVRV ที่มีอัตราส่วนมากกว่า 1 บ่งบอกถึงความกดดันของนักลงทุนระยะสั้นที่ลดลง
เมื่อพิจารณาอัตราดอกเบี้ยในการกู้ยืม Stablecoin เทียบกับ Fed Funds Rate จะเห็นได้ว่า ในช่วงที่ผ่านมา อัตราดอกเบี้ยมีการปรับตัวขึ้นไปทำจุดสูงสุดในรอบ 70 วันที่ผ่านมาที่ 7% ต่อปีเนื่องจากตลาดในการกู้ยืม Stablecoin เป็นตลาดเสรี ทำให้อัตราดอกเบี้ยถูกกำหนดโดยอุปทานและอุปสงค์ที่แท้จริง ดังนั้น การพุ่งขึ้นของอัตราดอกเบี้ยแสดงถึงอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้น และจากข้อมูลในอดีต ราคาของ Bitcoin และอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวมักจะไปในทิศทางเดียวกัน เหตุการณ์นี้จึงบ่งบอกว่า Sentiment ของตลาดเป็นไปในทางบวก
อย่างไรก็ตาม การปรับตัวขึ้นของตลาดในระยะสั้นครั้งนี้ นักลงทุนมีการเปิด Leverage Position ค่อนข้างเยอะ ทำให้การฟื้นตัวครั้งนี้อาจจะไม่ได้ Organic มาก และเป็นปัจจัยที่ควรระวังในอนาคต เนื่องจากการใช้ Leverage จำนวนมาก จะทำให้ตลาดตอบสนองต่อการผันผวนของราคาอย่างรุนแรง หากมีการ Liquidate อาจจะทำให้เกิดการบังคับปิดสถานะรัวๆ และเกิดการ Cascade ของราคาได้
$BTC มีการทำ Higher Low แล้วในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา หากราคาสามารถขึ้นไปยืนเหนือ $66,000 - $67,000 ได้ในสัปดาห์ข้างหน้า จะเป็นมุมมองที่ Bullish อย่างมากกับตัว $BTC และราคาจะมีโอกาสวิ่งต่อได้ อย่างไรก็ตามหากยังคงติดแนวต้านดังกล่าวราคาก็จะยังคง Sideway ออกไปก่อนในช่วงนี้
แนวต้าน : $67,000 | $73,000 | $76,500
แนวรับ : $62,000 | $60,000 | $57,500
$ETH มีแนวโน้มในการทำ Inverse H&S โดยราคามีการทำ Higher Low แล้วบนแนวรับบริเวณ $2,340 และได้ขึ้นมา ในช่วงสัปดาห์ข้างหน้าหากราคาสามารถยืนเหนือ $2,700 ได้จะเป็น Momentum ที่ Bullish กับ $ETH อย่างมาก ซึ่งจะสอดคล้องกับ RSI ที่ยก Low มาได้เรื่อยๆ อีกด้วย อย่างไรก็ตามหากราคายังไม่ Breakout ก็จะยัง Sideway Down ออกไปก่อนในช่วงข้างหน้าได้เช่นกัน
แนวต้าน : $2,700 | $2,870 | $3,250
แนวรับ : $2,400 | $2,150 | $1,880
ตลาดกำลังมองเห็นโอกาสของเกิด Soft landing ของเศรษฐกิจสหรัฐหลังจากการลดดอกเบี้ยของ FED ทำให้ตลาดเริ่มเปิดความเสี่ยงมากขึ้น ขณะที่ Bitcoin Dominance ปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงมากกว่า 50% ผนวกกับการมาของ Ethereum และ Bitcoin spot ETF / Options และมุมมองเชิงบวกมากๆต่อตลาดคริปโทโดยรวม ในสหรัฐในเชิงการเมืองที่อาจจะเห็นภาพชัดเจนในไตรมาสที่ 4 และเมื่อพิจารณาตัวเลขเศรษฐกิจที่ผันผวนในสัปดาห์นี้ จึงแนะนำให้นักลงทุนถือสัดส่วนของ Bitcoin เอาไว้เพื่อลด Drawdown โดยรวมของพอร์ต และเพิ่มสัดส่วนของ Ethereum ในพอร์ตเพิ่มขึ้น บวกกับถือสัดส่วนของ Altcoins ที่มีพื้นฐานที่ดีรับสัญญาณของ Altcoins season และเก็บ Stablecoin ที่เป็น USD เพื่อใช้เป็นไม้สำรอง
Disclaimer