มกราคม 22, 2025
หมายเหตุ : บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นในทุกวันจันทร์
ดังนั้นบทความบางส่วนอาจจะมีความคลาดเคลื่อนของข้อมูลได้
WEEKLY TONE: BUY WEEK
ด้วยความที่สัปดาห์นี้ไม่ได้มีตัวชี้วัดสำคัญออกมา ทำให้เหล่านักลงทุนต้องจับตามองที่ตลาดเป็นหลัก และด้วยการที่ CPI ของสัปดาห์ที่แล้วมีการออกมาและเรียกได้ว่าตรงตามความต้องการของนักลงทุน ทำให้ตลาดมีแรงซื้อกลับ ณ เวลานี้นักลงทุนสามารถเปิดโหมด Risk On กับสินทรัพย์ดิจิทัลได้ แต่ด้วยการที่ยังมีปัจจัยการพูดของ FED ในปลายเดือน อาจทำให้นักลงทุนต้องเหลือทุนสำรองไว้ในกรณีตลาดปรับตัวลง
Initial Jobless Claims หรือ Unemployment Claims คือจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานรายสัปดาห์ ซึ่งเป็นตัวเลขที่สะท้อนค่าใช้จ่ายของรัฐได้ชัดกว่าอัตราการว่างงาน เพราะยิ่งตัวเลขนี้สูงขึ้นนั่นหมายความว่าค่าใช้จ่ายของภาครัฐ หรือ Government Expenditure ถูกใช้ไปในการช่วยเหลือกลุ่มคนว่างงานมากขึ้น เศรษฐกิจมีแนวโน้มที่จะหดตัว และยังแสดงให้เห็นถึงช่องว่างความเหลื่อมล้ำในประเทศอีกด้วย โดยตัวเลขนี้จะมีประกาศทุก ๆ วันพฤหัสบดี
คาดการณ์จาก Tradingeconomic: Unemployment Claims มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นจาก 217k เป็น 219k
ตีความอย่างไรต่อตลาด
การคาดการณ์การเพิ่มขึ้นของ Unemployment Claims แสดงให้เห็นถึงการที่มีคนมาขอสวัสดิการคนว่างงานใหม่เพิ่มมากขึ้น แต่ด้วยการเพิ่มขึ้นเพียงนิดเดียวอาจไม่สามารถส่งผลอย่างมีนัยสำคัญต่อตลาดสินทรัพย์เสี่ยงได้
Flash Manufacturing PMI (Purchasing Managers' Index) คือดัชนีการจัดการผลิตเบื้องต้น ที่เผยแพร่ก่อนรายงานหลักเพื่อให้สังเกตเห็นแนวโน้มทันทีก่อนการเผยแพร่ของข้อมูลหลักในท้ายเดือน โดยดัชนีที่ใช้วัดระดับของกิจกรรมการผลิตในส่วนการผลิตของประเทศสหรัฐอเมริกา ดัชนีนี้ถูกสร้างขึ้นโดย IHS Markit ใช้วัดการเปลี่ยนแปลงในระดับของกิจกรรมการผลิตโดยสำรวจความคิดเห็นของผู้จัดการซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับการผลิตในธุรกิจ โดยค่า PMI ที่มากกว่า 50 จะแสดงถึงการขยายของกิจกรรมการผลิต ค่าที่ต่ำกว่า 50 จะแสดงถึงการย่อลงของกิจกรรมการผลิต
คาดการณ์จาก Tradingeconomic: Flash Manufacturing PMI มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นจาก 49.4 เป็น 49.6
ตีความอย่างไรต่อตลาด
การคาดการณ์ในการเพิ่มขึ้นของ Flash Manufacturing PMI แสดงให้เห็นถึงการขยายตัวอย่างช้า ๆ ของภาคการผลิต และสามารถส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวมได้ แต่ด้วยการที่ค่าการคาดการณ์ของดัชนีนี้ยังไม่ข้าม 50 ก็อาจแสดงให้เห็นว่าภาคการผลิตยังไม่เติบโตไปอย่างเต็มที่
Flash Services PMI (Purchasing Managers' Index) ดัชนีการจัดการบริการเบื้องต้น ที่เผยแพร่ก่อนรายงานหลักเพื่อให้สังเกตเห็นแนวโน้มทันทีก่อนการเผยแพร่ของข้อมูลหลักในท้ายเดือน โดยดัชนีที่ใช้วัดระดับของกิจกรรมในส่วนการบริการของประเทศสหรัฐอเมริกา ดัชนีนี้ถูกสร้างขึ้นโดย IHS Markit ใช้วัดการเปลี่ยนแปลงในระดับของกิจกรรมการบริการโดยสำรวจความคิดเห็นของผู้จัดการซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับการบริการ โดยค่า PMI ที่มากกว่า 50 จะแสดงถึงการขยายของกิจกรรมการบริการ ค่าที่ต่ำกว่า 50 จะแสดงถึงการย่อลงของกิจกรรมการบริการ
คาดการณ์จาก Tradingeconomic: Flash Services PMI มีแนวโน้มที่จะลดลงจาก 56.8 เป็น 56.6
ตีความอย่างไรต่อตลาด
แม้จะมีการคาดการณ์การลดตัวลงของ Flash Services PMI แต่ด้วยการที่ดัชนีนี้ได้มีค่ามากกว่า 50 แสดงให้เห็นถึงภาคการบริการที่แข็งแกร่ง แม้จะมีการลดลงที่แสดงให้เห็นถึงภาคการบริการได้มีการหดตัวลงเล็กน้อย แต่ภาพรวมยังถือว่าภาคการบริการยังเป็นปัจจัยสำคัญต่อเศรษฐกิจอยู่
Key Event ที่น่าสนใจที่จะเกิดขึ้นในสัปดาห์และอาจจะทำให้เกิดความผันผวนกับสินทรัพย์ดิจิทัล
20 มกราคม
21 มกราคม
22 มกราคม
23 มกราคม
24 มกราคม
ในส่วนของ Funding Rate สำหรับอาทิตย์นี้ยังคงอยู่ในระดับที่สูงกว่าปกติ แสดงถึงความ Bullish ของนักลงทุนในตลาด โดยมีการเปิดสถานะลองมากกว่าสถานะชอร์ต โดยที่วันนี้จะเป็นวันที่ ทรัมป์ จะเข้า พิธีสาบานตนรับ เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
ในฝั่งของ Bitcoin Futures Open Interest มีการทำ All Time High ใหม่ ซึ่งสอดคล้องกับราคาและข้อมูลอื่นๆ กล่าวคือ นักลงทุนมีการ Risk-on หรือเปิดสถานะ เนื่องจากตลาดเกิดการ คาดหวัง เนื่องจาก ทรัมป์ ได้เข้ามาดำรงตำแหน่ง วันจันทร์วันแรก อย่างไรก็ตาม หากมองในภาพใหญ่ Open Interest ของ Bitcoin ยังถือว่าอยู่ในระดับที่สูงมาก
ในส่วนของ Bitcoin ETF Flow ในสัปดาห์ที่ผ่านมามีกระแสเงินไหลเข้าสุทธิ 1,713.5 ล้านเหรียญ นับว่าเป็นสัปดาห์ที่มี Inflow ค่อนข้างมาก และมีการซื้อเพิ่มของนักลงทุนกลุ่มนี้ในช่วงปลายสัปดาห์ เนื่องจากมีการ คาดหวังในตัวของ โดนัลด์ ทรัมป์ ที่อาจเป็นแรงผลักดันในตลาดคริปโตส่งผลให้ตลาดลงทุนคาดหวังเกี่ยวกับ Bitcoin reserve ที่อาจจะมีในอนาคต
ในส่วนของ Ethereum ETF Flow ในสัปดาห์ที่ผ่านมา มีกระแสเงินไหลเข้าสุทธิที่ 143.5 ล้านเหรียญ แสดงถึงแนวโน้มเชิงบวกต่อ Ethereum เล็กน้อย ซึ่งเป็นภาพเดียวกันกับ Bitcoin Spot ETF และตลาดคริปโตเคอร์เรนซีโดยรวม ที่ยังอยู๋ในช่วงของการ คาดหวัง และรอปัจจัยของ โดนัลด์ ทรัมป์ที่มีต่อ นโยบาย คริปโต ที่จะทำให้นักลงทุน Risk-On มากขึ้นกว่าเดิม
โดยที่ผ่านมา ทรัมป์มีท่าที ที่ไม่สนับสนุนต่อบิตคอยน์ โดยเขาเคยบอก บิตคอยน์ว่าเป็นภัยคุกคามต่อเงินดอลลาร์สหรัฐ แต่ล่าสุด ทรัมป์ได้แสดงให้เห็นมุมมองที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ในงานประชุม Bitcoin Conference โดยทรัมป์ได้กล่าวถึงแนวคิดการจัดตั้ง “Federal Bitcoin Reserve” ซึ่งอาจจะเป็นสิ่งที่ช่วยยกระดับบิตคอยน์ให้มีบทบาทในฐานะสินทรัพย์ระดับโลก และจะที่ยืนสำหรับ อุสหกรรมในวงการคริปโตเคอเรนซี
โดยชัยชนะของทรัมป์ในการเลือกตั้งส่งผลให้ราคามีมคอยน์พุ่งสูงขึ้นในเดือนพฤศจิกายน 2024 ซึ่งสะท้อนถึงความมั่นใจของนักลงทุนที่กลับมาอีกครั้ง นอกจากนี้ การแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีที่สนับสนุนคริปโตของทรัมป์ยังช่วยสร้างความเชื่อมั่นในอนาคตของบิตคอยน์
และที่ สำคัญ การแต่งตั้งบุคคลสำคัญ เช่น พอล แอทกินส์ (Paul Atkins) ในตำแหน่งประธาน ก.ล.ต. (SEC) ซึ่งมีจุดยืนสนับสนุนการลดกฎระเบียบ ซึ่งสิ่งนี้ จะส่งผลดีต่อบิตคอยน์ด้วยการเพิ่มความชัดเจนให้กับนักลงทุนสถาบัน
ในด้านกระบวนการยุติธรรมหรือ การออกกฎหมาย เช่น คำตัดสินของศาลในสหรัฐฯ ที่ล้มเลิกการคว่ำบาตร Tornado Cash โดยระบุว่าสัญญาอัจฉริยะที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ไม่ถือเป็น “ทรัพย์สิน” ตามคำจำกัดความของ OFAC นอกจากนี้ นโยบายด้านกฎหมาย เช่น SAB 121 ซึ่งห้ามไม่ให้ธนาคารถือสินทรัพย์คริปโตแบบ off-balance-sheet มีแนวโน้มที่จะถูกยกเลิกภายในไตรมาสเดียว รวมถึงการปรับปรุงกฎระเบียบด้าน stable coin ภายใต้ Clarity for Payment Stablecoins Act ของวุฒิสมาชิก Hagerty ที่อาจเปิดโอกาสให้ธนาคารที่ได้รับใบอนุญาตจากรัฐสามารถออก stable coin ได้โดยไม่ต้องผ่านการอนุมัติจากธนาคารกลางสหรัฐ
การที่ฝ่ายบริหารของทรัมป์สนับสนุนคริปโต เปิดโอกาสให้มีการเติบโตในอุตสาหกรรมนี้ ตัวอย่างเช่น สกอตต์ เบสเซนต์ (Scott Bessent) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้กล่าวว่า “ทุกอย่างนี้สำหรับบิตคอยน์” นอกจากนี้ สมาชิกคณะรัฐมนตรีที่มีชื่อเสียงหลายคนยังถือคริปโตเคอเรนซี ซึ่งสะท้อนถึงศักยภาพในการเติบโตของอุตสาหกรรม ทั้งการพัฒนาด้านกฎระเบียบที่สนับสนุน Ethereum และ Solana ETP ในปี 2025 ยังสามารถเพิ่มสภาพคล่องและดึงดูดเงินทุนสถาบันเข้าสู่แอปพลิเคชันแบบกระจายศูนย์
ยิ่งไปกว่านั้น รัฐบาลของทรัมป์อาจออกคำสั่งผู้บริหารที่เกี่ยวข้องกับคริปโตในวันแรกที่ดำรงตำแหน่ง คำสั่งเหล่านี้อาจครอบคลุมถึง
การออกคำสั่งเหล่านี้สะท้อนถึงเป้าหมายของรัฐบาลทรัมป์ในการผลักดันให้สหรัฐฯ เป็นผู้นำระดับโลกในด้านคริปโตฯ และนวัตกรรมบล็อกเชน เพื่อสร้างสัญญาณที่ชัดเจนให้แก่นักลงทุนสถาบันและนักลงทุน
$BTC ย่อลงมาถึงแนวรับ Trendline ที่ Breakout ออกมาซึ่งหากราคานั้นยังคงยืนอยู่เหนือ $100,000 ได้ก็มีโอกาสที่จะขึ้นต่อไปได้ โดยแนวต้านที่สำคัญจะอยู่ที่บริเวณ $108,000 ทีเป็นบริเวณ All-Time High อย่างไรก็ตามหากวันนี้ราคาย้อนกลับมาอยู่ใต้ $100,000 ก็อาจเป็นสัญญาณ False Break ได้และ BTC อาจมีโอกาส Sideway ออกข้างต่อไปอีกในสัปดาห์ข้างหน้านี้
แนวต้าน : $108,000 | $120,000 | $135,000
แนวรับ : $100,000 | $92,000 | $88,000
$ETH ปัจจุบัน Sideway Down อยู่ในกรอบชุดสะสม Falling Wedge โดยจุดเปลี่ยนสำคัญของราคาหลังจากนี้คือการ Breakout ออกจากกรอบดังกล่าว ในระยะสั้นนั้นหากราคานั้นมีการปรับตัวลดต่ำกว่า $3,100 ราคาก็อาจมีการปรับตัวลงต่อได้ ซึ่งอาจเพิ่มแนวโน้มโอกาสที่ราคาจะ Breakout ออกด้านล่างอีกด้วย แต่หากราคาสามารถทรงตัวในกรอบต่อไปได้ ก็เป็นโอกาสที่ ETH จะกลับตัวขึ้นมาเพื่อ Breakout จากกรอบด้านบนต่อไปได้
แนวต้าน : $3,400 | $3,700 | $4,000
แนวรับ : $3,100 | $2,870 | $2,400
Bitcoin Dominance ปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงมากกว่า 50% ผนวกกับการมาของ Ethereum และ Bitcoin spot ETF / Options และมุมมองเชิงบวกมากๆต่อตลาดคริปโทโดยโดนัล ทรัมป์ และเมื่อพิจารณาตัวเลขเศรษฐกิจที่ผันผวนในสัปดาห์นี้และสถานการณ์เงินเฟ้อที่ยังไม่สู้ดีนัก จึงแนะนำให้นักลงทุนถือสัดส่วนของ Bitcoin เอาไว้เพื่อลด Drawdown โดยรวมของพอร์ต บวกกับถือสัดส่วนของ Altcoins ที่มีพื้นฐานที่ดีรับสัญญาณของ Altcoins season และเก็บ Stablecoin ที่เป็น USD เพื่อใช้เป็นไม้สำรอง
Disclaimer