July 24, 2024
หมายเหตุ : บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นในทุกวันจันทร์ ดังนั้นบทความบางส่วนอาจจะมีความคลาดเคลื่อนของข้อมูลได้
WEEKLY TONE: BUY WEEK
สัปดาห์สุดท้ายของเดือน กรกฎาคม มีการประกาศของ GDP Advance Growth Rate MoM ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดสำคัญในของ GDP ก่อนการประกาศตัวเลข GDP จริง ตัวเลขนั้นได้มีการประมาณการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นพอสมควรสะท้อนให้เห็นถึงเศรษฐกิจที่ดีขึ้นมาอย่างชัดเจน Core PCE มีแนวโน้มที่จะเท่าเดิม Personal Income มีแนวโน้มที่จะลดลง Personal Spending มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย และ Durable Goods Orders มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเช่นเดียวกัน แสดงให้เห็นถึงการที่ฝั่งผู้บริโภคนั้นมีรายได้ที่ลดลงจากเดือนก่อนหน้า อีกทั้งการที่ Core PCE เท่าเดิมยังแสดงให้เห็นถึงการที่ผู้บริโภคนั้นไม่ได้ใช้จ่ายเยอะกว่าเดือนก่อนหน้าอีกด้วย แต่อย่างไรก็ตาม ในภาคธุรกิจ มีการขยับตัวเล็กน้อย และได้ซื้อสินค้าคงทนเข้ามาเสริมในภาคธุรกิจอีกด้วย และปัจจัยทั้งหมดสามารถส่งผลให้ FED นั้นอาจมีการลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ 1-2 ครั้ง และการที่มีการคาดการณ์ว่า FED จะลดดอกเบี้ยในปีนี้ทำให้ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลหรือ Cryotocurrency ได้รับผลพลอยได้ไปได้ โดยจากการคาดการณ์แล้ว FED จะลดดอกเบี้ยลงในเดือน กันยายน หลังจากนั้นเราอาจได้เห็นตลาดคริปโตฯ ที่เข้าสู่ช่วงตลาดกระทิงแล้วก็เป็นได้
GDP หรือ Gross Domestic Product คือ มูลค่าตลาดของสินค้าและบริการขั้นสุดท้ายที่ผลิตในประเทศในช่วงเวลาหนึ่งๆ โดยไม่คำนึงว่าผลผลิตนั้นจะเป็นผลผลิตที่ได้จากทรัพยากรภายในหรือภายนอกประเทศ และ Advance GDP หมายถึง การประมาณการของ GDP โดยอิงจากข้อมูลที่ต้นฉบับที่ยังไม่สมบูรณ์และตัวข้อมูลนั้นอาจได้รับการแก้ไข
คาดการณ์จาก Tradingeconomic: GDP Advance Growth Rate มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นจาก 1.4% เป็น 2.5%
การคาดการณ์
การที่ Advance GDP เพิ่มขึ้นนั้นสามารถตีความได้หลากหลายรูปแบบ แน่นอนว่าการเพิ่มขึ้นคือการที่ผู้บริโภคใช้จ่ายมากขึ้น การลงทุนในภาคเอกชนเพิ่มขึ้น และการส่งออกเพิ่มมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม การเพิ่มขึ้นของ Advance GDP อาจแสดงถึงความเหลื่อมล้ำในสังคมของประเทศ แม้ว่าเศรษฐกิจจะเติบโต แต่ผู้คนบางกลุ่มก็ไม่ได้รับผลประโยชน์จากการเติบโตนั้น
Core PCE หรือ Core Personal Consumption Expenditure คือ รายงานดัชนีราคาจากรายจ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล จะวัดค่าการเปลี่ยนแปลงในราคาของสินค้าและบริการที่ผู้บริโภคได้สั่งซื้อเพื่อการบริโภคซึ่งไม่รวมถึงสินค้าประเภทอาหารและพลังงาน โดยได้กำหนดราคาตามรายจ่ายทั้งหมดต่อรายการสินค้า ดัชนีนี้จะวัดค่าการเปลี่ยนแปลงราคาจากมุมมองของผู้บริโภค เป็นวิถีทางสำคัญที่จะวัดค่าการเปลี่ยนแปลงในแนวโน้มการสั่งซื้อและภาวะเงินเฟ้อ
คาดการณ์จาก Tradingeconomic: Core PCE มีแนวโน้มที่จะคงที่เท่าเดิมที่ 0.1%
ตีความอย่างไรต่อตลาด
การที่ Core PCE เท่าเดิมนั้นแสดงให้เห็นถึงฝั่งแรงงานที่ประชากรนั้นมีการว่างงานอยู่และยังไม่มีเงินเพื่อใช้จ่ายมากกว่าเดิม ผู้บริโภคเลยไม่กล้าใช้จ่ายมากเท่าที่ควร และในขณะที่อัตราดอกเบี้ยนั้นสูง ผู้คนจึงไม่กล้ากู้ยืมเงินจากธนาคาร เพราะดอกเบี้ยที่ต้องชำระก็จะสูงเช่นเดียวกัน การที่ Core PCE นั้นคงที่เท่ากับเดือนก่อนหน้ายังสามารถกดดันต่อ FED ให้มีการลดดอกเบี้ยอีกด้วย
รายงานยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทน หรือ Durable Goods Orders จะวัดค่าการเปลี่ยนแปลงในมูลค่าทั้งหมดของคำสั่งซื้อใหม่ในสินค้าคงทนที่รวมถึงสินค้าสำหรับการขนส่ง
คาดการณ์จาก Tradingeconomic : Durable Goods Orders มีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นจาก 0.1% เป็น 0.3%
ตีความอย่างไรต่อตลาด
การเพิ่มขึ้นของ Durable Goods Orders แสดงให้เห็นถึงการที่ฝั่งภาคการผลิตได้ขยายตัว ในธุรกิจมีการซื้อสินค้าคงทนเพิ่มมากขึ้นและการลงทุนในภาคธุรกิจเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน ยังแสดงให้เห็นถึงการที่ภาคธุรกิจนั้นมีความมั่นใจว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้นในอนาคต
Key Event ที่น่าสนใจที่จะเกิดขึ้นในสัปดาห์และอาจจะทำให้เกิดความผันผวนกับสินทรัพย์ดิจิทัล
24 กรกฎาคม
25 กรกฎาคม
27 กรกฎาคม
ในส่วนของ Funding rate สำหรับอาทิตย์นี้มีการปรับตัวขึ้นเพียงเล็กน้อย แต่ภาพรวมยังคงถือว่าต่ำกว่าปกติ ซึ่งแสดงถึงมุมมองของตลาดในเชิงบวกขึ้นเล็กน้อยในระยะสั้น แต่โดยรวมสภาพตลาดยังคงแย่กว่าช่วงไตรมาส 1
ในฝั่งของ Open Interest ปริมาณเงินเพิ่มขึ้นมากจนเทียบเท่ากับระดับ All Time High ช่วงเดือนมีนาคม แสดงถึงการเก็งกำไรและความมั่นใจของนักลงทุนที่จะเปิดสถานะมากขึ้น
ในส่วนของ Bitcoin ETF Flow ในสัปดาห์ที่ผ่านมามีกระแสเงินไหลเข้าจาก Spot Bitcoin ETFs รวมเป็นจำนวนทั้งสิ้น 1,241.1 ล้านเหรียญ ซึ่งแรงซื้อส่วนใหญ่มาจาก IBIT และ FBTC ในขณะที่ GBTC มีแรงเทขายที่น้อยกว่าปกติ นับว่ามีแรงซื้อสุทธิในปริมาณมาก จนทำให้ราคาของ bitcoin กลับตัวเป็นขาขึ้น
เมื่อเปรียบเทียบผลตอบแทนของ $BTC, $ETH, $BNB และ $SOL เหรียญ 4 อันดับแรกตามมูลค่าตลาดในระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา จะสังเกตได้ว่า Ethereum เป็นเหรียญที่ Underperform ที่สุด ถึงแม้จะมีการพัฒนามากมาย ไม่ว่าจะเป็น L2 หรือการ Restake แต่ทำไมยังให้ผลตอบแทนที่ต่ำกว่าเหรียญอื่น
ข้อมูล On-chain แสดงให้เห็นว่า ความสนใจต่อนักลงทุนที่มีต่อ Ethereum ยังต่ำ อย่าง Volume เงินเข้าออกจากกระดานเทรดของ Ethereum นั้นค่อนข้างต่ำ เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงพีคของ Cycle ที่แล้ว Volume นี้มีปริมาณที่เกือบเทียบเท่า Bitcoin เลยทีเดียว สามารถตีความได้ว่า นักลงทุนยังไม่ได้ให้ความสนใจกับ Ethereum มากนัก และยังมี Upside ที่สามารถไปต่อได้
นอกจากนี้ เมื่อดูในระยะสั้น จะสังเกตได้ว่า Option Open Interest ของ Ethereum ลดลงไปมากกว่า 50% จากจุดพีคเมื่อเดือนมีนาคม และยังไม่มีแนวโน้มการฟื้นตัวเหมือน Bitcoin แสดงถึงแรงเก็งกำไรและความสนใจของนักลงทุนใน Ethereum ที่ยังค่อนข้างต่ำ อาจเป็นจุดเข้าสะสมที่ดี
บวกกับการอนุมัติ Spot Ethereum ETF อย่างเป็นทางการของ SEC ในวันที่ 23 กรกฎาคม 2567 อาจเป็นการเปิดประตูให้กับนักลงทุนสถาบันที่ต้องการเข้ามากระจายความเสี่ยงและแบ่งสัดส่วนมายังคริปโตเคอร์เรนซี โดยมีการคาดการณ์จากนักวิเคราะห์หลายเจ้า ว่ายอด Inflow อาจสูงถึง $1B ต่อเดือน ซึ่งเป็นการคำนวณจากการเทียบมูลค่าตลาดกับ Bitcoin
การไหลเข้าของเม็ดเงินจากนักลงทุนสถาบัน ประกอบกับปัจจัยเรื่องของอุปทานที่หมุนเวียนในตลาดของ Ethereum ที่มีน้อยกว่า Bitcoin เพราะมีนักลงทุนจำนวนหนึ่งนำไป stake ไว้ ทำให้อาจส่งผลกระทบกับราคาของ Ethereum ได้มากกว่านั่นเอง
$BTC มีการทำขาขึ้นมาถึงบริเวณแนวต้าน $67,000 อีกครั้งหนึ่ง โดยในช่วงข้างหน้าหากราคาสามารถยืนอยู่ในบริเวณ $66,000 - $67,000 ได้ $BTC ก็จะมีโอกาสขึ้นไปต่อได้ อย่างไรก็ตามหาก ราคามีการลดต่ำลงหรือไม่สามารถยืนราคาอยู่บริเวณนี้ได้ ราคาก็มีโอกาสที่จะลดต่ำลงหรือ Sideway ออกไปก่อนในช่วงเวลาข้างหน้า
แนวต้าน: $67,000 | $73,000 | $76,500
แนวรับ: $61,000 | $56,500 | $52,000
ในช่วงสัปดาห์ข้างหน้าของ $ETH ถ้าหากราคาสามารถยืนอยู่เหนือแนวรับ $3,350 ได้ ก็มีโอกาสที่จะขึ้นไปถึง $3,700 หรือ Breakout จากกรอบ Descending Triangle ได้ ซึ่งถ้าหากมีการออกจากกรอบจริง จะทำให้ราคานั้นมีโอกาสขึ้นไปเกิน $4,000 ได้เลย อย่างไรก็ตามหากราคานั้นมีการหลุดกลับลงมาต่ำกว่า $3,350 ก็จะทำให้ $ETH ในช่วงข้างหน้านั้นอาจจะ Sideway Down ออกไปก่อน
แนวต้าน: $3,700 | $4,020 | $4,470
แนวรับ: $3,350 | $2,870 | $2,400
"มีความเป็นไปได้สูง" ของการลดดอกเบี้ยของ FED จะมาถึงในเดือนกันยายน และ Bitcoin Dominance ปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงมากกว่า 50% และการมาของ Ethereum spot ETF และมุมมองเชิงบวกมากๆต่อตลาดคริปโทในสหรัฐในเชิงการเมืองที่อาจจะเห็นภาพชัดเจนในไตรมาสที่ 4 และเมื่อพิจารณาตัวเลขเศรษฐกิจที่ผันผวนในสัปดาห์นี้ จึงแนะนำให้นักลงทุนถือสัดส่วนของ Bitcoin เอาไว้เพื่อลด Drawdown โดยรวมของพอร์ต และเพิ่มสัดส่วนของ Ethereum ในพอร์ตเพิ่มขึ้น บวกกับถือสัดส่วนของ Altcoins ที่มีพื้นฐานที่ดีรับสัญญาณของ Altcoins season และเก็บ Stablecoin ที่เป็น USD เพื่อใช้เป็นไม้สำรอง
Disclaimer