Merkle Weekly Snapshot 23th - 27th September 2024

กันยายน 25, 2024

thumbnail

Merkle Weekly Snapshot

 

23th - 27th September 2024

 

บทวิเคราะห์มุมมองการลงทุนในสัปดาห์นี้

 


 

หมายเหตุ : บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นในทุกวันจันทร์ ดังนั้นบทความบางส่วนอาจจะมีความคลาดเคลื่อนของข้อมูลได้

 

MACROECONOMICS

 

Key Takeaways

  • CB Consumer Confidence มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย
  • Durable Goods Order MoM มีแนวโน้มที่จะลดลงอย่างมาก
  • GDP Growth Rate QoQ มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น
  • Core PCE Price Index MoM มีแนวโน้มที่จะคงที่เท่าเดิม
  • Personal Income มีแนวโน้มที่จะคงที่เท่าเดิม
  • Personal Spending มีแนวโน้มที่จะลดลง

 

WEEKLY TONE: BUY WEEK

 

  CB Consumer Confidence ที่เพิ่มขึ้นหมายถึงการที่ผู้บริโภคและนักลงทุนเชื่อมั่นในเศรษฐกิจมากขึ้นและอาจลงทุนมากขึ้น แต่การที่ Durable Goods Orders มีแนวโน้มที่จะลดลงอย่างมากก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่น่ากังวล แต่ด้วยการที่ Core PCE นั้นคงที่หมายถึงอัตราเงินเฟ้อนั้นกำลังคงที่อยู่หรือกำลังเพิ่มขึ้นอย่างเล็กน้อยและด้วยตัวชี้วัดที่ออกมาประมาณนี้ สามารถแสดงให้เห็นถึงการที่นักลงทุนสามารถเข้าทำการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงได้ จุดนี้ถือว่าเป็นอีกหนึ่งจุดที่สามารถเข้าทำการเข้าลงทุนได้เช่นกัน

 


 

Important Economic Data this week :

 

1. CB Consumer Confidence

 

  รายงานความเชื่อมั่นของผู้บริโภคของคณะกรรมการการประชุม หรือ Conference Board (CB) Consumer Confidence โดยจะวัดระดับค่าความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในระบบเศรษฐกิจและเป็นดัชนีสำคัญเนื่องจากเป็นดัชนีที่ทำนายการใช้จ่ายของผู้บริโภค

 

คาดการณ์จาก Tradingeconomic: CB Consumer Confidence มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นจาก 103.3 เป็น 104

 

ตีความอย่างไรต่อตลาด

  การมีแนวโน้มในการเพิ่มขึ้นของ CB Consumer Confidence สามารถส่งผลต่อตลาดการลงทุนได้ โดยที่จะส่งผลทำให้ตลาดมีแรงผันผวนที่เพิ่มมากขึ้น อีกทั้งผู้บริโภคยังมีความต้องการในการลงทุนเพิ่มขึ้นอีกด้วย

 

2. Durable Goods Orders MoM

 

  Durable Goods Orders คือยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทน เป็นดัชนีชี้วัดถึงกิจกรรมการผลิตที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยจะเป็นตัววัดปริมาณของการสั่งสินค้า การส่งสินค้าโดยจะเป็นตัววัดถึงภาคการผลิตซึ่งหากว่าเศรษฐกิจมีปัญหาจะส่งผลให้ปริมาณการสั่งสินค้าลดลง

 

คาดการณ์จาก: Tradingeconomic: Durable Goods Orders มีแนวโน้มที่จะลดลงจาก 9.9% เป็น -2.2%

 

Source : https://tradingeconomics.com/united-states/durable-goods-orders

 

ตีความอย่างไรต่อตลาด

  การลดลงของ Durable Goods Orders อาจส่งผลต่อตลาดแรงงาน โดยที่แรงงานที่ผลิตสินค้าจำพวกสินค้าคงทนอาจสูญเสียงานในอุตสาหกรรมได้ อีกทั้งการลดตัวลงในดัชนีนี้ยังสามารถบ่งบอกถึงเศรษฐกิจ เนื่องจากธุรกิจอาจมีความเชื่อมั่นในความต้องการในอนาคตน้อยลงและจึงตัดลดการลงทุน การชะลอตัวของเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้นอาจทำให้นักลงทุนมีความเสี่ยงน้อยลง ซึ่งนำไปสู่การขายสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง

 

3. Core PCE Price Index

 

  United States Core PCE Price Index (Personal Consumption Expenditures Price Index) คือดัชนีราคาที่ใช้วัดการเปลี่ยนแปลงในระดับราคาของสินค้าและบริการที่บรรจุในการบริโภคของประชากรในสหรัฐอเมริกา โดยไม่รวมราคาของอสังหาริมทรัพย์ และค่าประกันสุขภาพ และราคาของสินค้า และบริการที่เป็นผลมาจากราคาของพลังงาน และอาหารที่มีความผันผวนมาก

 

คาดการณ์จาก Tradingeconomic: Core PCE Price Index มีแนวโน้มที่จะคงที่เท่าเดิมที่ 0.2%

 

Source : https://tradingeconomics.com/united-states/core-pce-price-index-mom

 

ตีความอย่างไรต่อตลาด

  การที่ Core PCE Price Index มีแนวโน้มที่จะคงที่เท่าเดิม สามารถส่งผลโดยตรงได้ต่ออัตราเงินเฟ้อ โดยการที่ Core PCE มีแนวโน้มที่จะคงที่นั้นสามารถบ่งบอกได้ถึงอัตราเงินเฟ้อนั้นคงที่เช่นเดียวกัน

 

 


 

CRYPTOCURRENCY EVENT THIS WEEK

Credit from Coindar

 

Key Event ที่น่าสนใจที่จะเกิดขึ้นในสัปดาห์และอาจจะทำให้เกิดความผันผวนกับสินทรัพย์ดิจิทัล

 

    24 กันยายน

  • $LSK - เปิดโหวตการเบิร์นเหรียญ 100M $LSK
  •  

    25 กันยายน

  • $VENOM - ปลดล็อคเหรียญ 12.84% ของอุปทานหมุนเวียน
  • $EOS - อัพเกรด Hard Fork
  •  

    26 กันยายน

  • $BNB - อัพเกรด Bohr Hard Fork
  • $HMSTR - TGE และแจก Airdrop

 

 

Weekly Crypto Must Watch

 

Source : https://www.coinglass.com/FundingRateHeatMap

 

  ในส่วนของ Funding rate สำหรับอาทิตย์นี้มีการปรับตัวขึ้นเล็กน้อย หลายเหรียญมีการปรับตัวขึ้นเป็นบวก แต่ก็ยังถือว่าเป็นระดับที่ต่ำอยู่ บ่งบอกถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนในตลาดที่เพิ่มขึ้น โดยมีการเปิดสถานะลองมากกว่าสถานะชอร์ต ประกอบกับการที่ราคาของ Bitcoin และหลายเหรียญปรับตัวขึ้น สามารถตีความได้ว่า แรงซื้อส่วนใหญ่มาจากการเปิดสถานะ Spot มากกว่า Futures ซึ่งเป็นสภาพตลาดที่ค่อนข้างดี

 

Source : https://www.coinglass.com/BitcoinOpenInterest

 

  ในฝั่งของ Bitcoin Open Interest มีการปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย ถึงแม้จะยังไม่ได้สูงเท่ากับช่วง All Time High แต่ก็แสดงถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่เพิ่มขึ้น หลังจากการประกาศลดอัตราดอกเบี้ยของ Fed ถึง 50 bps พร้อมกับความั่นใจว่าเศรษฐกิจยังแข็งแกร่ง และมีโอกาสที่จะเกิด Recession ต่ำ

 

Source : https://farside.co.uk/?p=997

 

  ในส่วนของ Bitcoin ETF Flow ในสัปดาห์ที่ผ่านมามีกระแสเงินไหลเข้าจาก Spot Bitcoin ETFs รวมเป็นจำนวนทั้งสิ้น 397.2 ล้านเหรียญ โดยแรงซื้อไม่ได้จาก IBIT แต่กลับเป็น FBTC และ ARKB แสดงถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนสถาบันที่กลับมา จากสาเหตุความกังวลเรื่อง Macroeconomics ที่ลดลง

 

Source : https://farside.co.uk/?p=1518

 

  ในส่วนของ Ethereum ETF Flow ในสัปดาห์ที่ผ่านมามีกระแสเงินไหลออกทั้งสิ้น 26.2 ล้านเหรียญ ซึ่งยังคงเป็นแรงเทขายจาก ETHE เป็นหลัก ประกอบกับแรงซื้อจากเจ้าอื่นที่มีเข้ามาเพียงเล็กน้อย ทำให้ภาพรวมยังคงดูแย่สำหรับ Ethereum

 

Stablecoin Liquidity Rises

 

  หลังจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 50 bps ของ Fed ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ตลาดคลายกังวลเรื่อง Recession ลงได้บ้าง และส่งผลให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนกลับมา ตลาดจึงค่อนข้างมี Sentiment ที่ดี ราคาเหรียญปรับตัวขึ้น ปัจจัยหนึ่งที่สำคัญคือ สภาพคล่อง ซึ่งในตลาดคริปโตเคอร์เรนซี ตัวชี้วัดสภาพคล่องที่ดี คือ อุปทานของ Stablecoin ในตลาด

 

  ปัจจุบัน Stablecoins Supply อยู่ในระดับสูงเทียบเท่ากับ All Time High ช่วงต้นปี 2022 เลยทีเดียว ซึ่งการที่มีปริมาณ Stablecoins เพิ่มขึ้น สามารถบ่งบอกถึง Demand ในการลงทุนคริปโตเคอร์เรนซีผ่านเม็ดเงินใหม่ที่ไหลเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นจากนักลงทุนสถาบันหรือนักลงทุนรายย่อยเองก็ตาม โดยเม็ดเงินเหล่านี้พร้อมที่จะ Risk-on ในการเข้าซื้อเหรียญเมื่อมีปัจจัยบวกเข้ามาส่งเสริม

 

Source : https://insights.glassnode.com/the-week-onchain-week-38-2024/

 

  หากสังเกตจาก Stablecoin Supply Ratio (SSR) ซึ่งคำนวณจากการนำมูลค่าตลาดของ Bitcoin มาหารด้วยมูลค่าตลาดของ Stablecoin จะสามารถบ่งบอกได้ว่า Stablecoin มีกำลังในการซื้อมากน้อยแค่ไหนเมื่อเทียบกับ Bitcoin โดยปัจจุบันดัชนีนี้มีค่าค่อนข้างต่ำ สามารถตีความได้ว่า Stablecoin ที่อยู่ในตลาดมีกำลังซื้อที่สูงขึ้น หากเม็ดเงินเหล่านี้ Risk-on จากความมั่นใจทางเศรษฐกิจ ก็จะสามารถกลายเป็นแรงซื้อที่สำคัญในการผลักดันตลาดขาขึ้นนั่นเอง

 

Source : https://insights.glassnode.com/the-week-onchain-week-38-2024/

 

 


 

WEEKLY TECHNICAL ANALYSIS

by Cryptomind Advisory

 

BTC/USDT

 

  $BTC มีการ Breakout ระยะสั้นออกจากกรอบ Descending Triangle เป็น Momentum ขาขึ้นที่ดี ในระยะสั้น $BTC อาจมีการย่อตัวลงมาเพื่อพักตัวได้ โดยอาจเป็นการย่อเพื่อขึ้นต่อเท่านั้น จุดสำคัญของการย่อคือไม่ปิดตัวลงไปต่ำกว่า $60,000 เพราะจะทำให้กลับตัวได้ หากการย่อนั้นยังสูงกว่าแนวรับ $60,000 - $61,000 ก็มีแนวโน้มสูงที่ $BTC จะขึ้นต่อได้ในช่วงสัปดาห์ข้างหน้า

 

แนวต้าน : $67,000 | $72,000 | $76,500

แนวรับ : $61,000 | $56,500 | $52,000

 

ETH/USDT

 

  $ETH นั้นกลับขึ้นมาเหนือ $2,400 ได้ โดยในระยะสั้นมีการขึ้นมาถึงแนวต้าน Sideway Down หากราคาสามารถ Breakout ขึ้นไปได้ $ETH ในมีการกลับตัวเป็นขาขึ้นและมี Momentum ที่ Bullish ในกรณีที่ราคานั้นยังไม่สามารถ Breakout ออกไปได้ อาจจะลงมา Retest $2,400 อีกครั้งหนึ่ง โดยจุดสำคัญคือไม่ปิดต่ำกว่าแนวดังกล่าวเพราะจะทำให้ $ETH นั้นเคลื่อนที่แบบ Sideway Down ต่อไปอีกได้

 

แนวต้าน : $2,800 | $3,350 | $3,700

แนวรับ : $2,400 | $2,150 | $1,880

 

 


 

ASSET ALLOCATION

by Cryptomind Advisory

 

  ตลาดกำลังมองเห็นโอกาสของเกิด Soft landing ของเศรษฐกิจสหรัฐหลังจากการลดดอกเบี้ยของ FED ทำให้ตลาดเริ่มเปิดความเสี่ยงมากขึ้น ขณะที่ Bitcoin Dominance ปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงมากกว่า 50% ผนวกกับการมาของ Ethereum และ Bitcoin spot ETF / Options และมุมมองเชิงบวกมากๆต่อตลาดคริปโทโดยรวม ในสหรัฐในเชิงการเมืองที่อาจจะเห็นภาพชัดเจนในไตรมาสที่ 4 และเมื่อพิจารณาตัวเลขเศรษฐกิจที่ผันผวนในสัปดาห์นี้ จึงแนะนำให้นักลงทุนถือสัดส่วนของ Bitcoin เอาไว้เพื่อลด Drawdown โดยรวมของพอร์ต และเพิ่มสัดส่วนของ Ethereum ในพอร์ตเพิ่มขึ้น บวกกับถือสัดส่วนของ Altcoins ที่มีพื้นฐานที่ดีรับสัญญาณของ Altcoins season และเก็บ Stablecoin ที่เป็น USD เพื่อใช้เป็นไม้สำรอง

 

BITCOIN 40%
SELECTIVE LARGE MARKET CAP (30-35%)
SELECTIVE SMALL-MID MARKET CAP ALTCOINS (10-15%)
STABLECOINS 15%

 

คริปโทเคอร์เรนซีมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวน

 

ผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอนาคต

เรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

Merkle Capital คือผู้จัดการเงินทุนสินทรัพย์ดิจิทัลแห่งแรกในประเทศไทย ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานก.ล.ต. บริษัทให้การดูแลและบริหารเงินลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลแก่ลูกค้าด้วยกลยุทธ์ที่หลากหลายโดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนและการบริหารจัดการ