มีนาคม 26, 2025
หมายเหตุ : บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นในทุกวันจันทร์
ดังนั้นบทความบางส่วนอาจจะมีความคลาดเคลื่อนของข้อมูลได้
WEEKLY TONE: MONITOR WEEK
ในสัปดาห์นี้ดัชนีส่วนใหญ่แสดงให้เห็นถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ อย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม Core PCE ไม่ได้มีการคาดการณ์ว่าจะลดลง แต่มีการคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น ทำให้ตอนนี้หนึ่งในเรื่องที่ไม่แน่นอนในสหรัฐฯ คืออัตราเงินเฟ้อ นักลงทุนควรจับตามองอัตราเงินเฟ้อและการลดอัตราดอกเบี้ยอย่างใกล้ชิด
Durable Goods Orders คือยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทน เป็นดัชนีชี้วัดถึงกิจกรรมการผลิตที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยจะเป็นตัววัดปริมาณของการสั่งสินค้า การส่งสินค้าโดยจะเป็นตัววัดถึงภาคการผลิตซึ่งหากว่าเศรษฐกิจมีปัญหาจะส่งผลให้ปริมาณการสั่งสินค้าลดลง
คาดการณ์จาก Tradingeconomic: Durable Goods Orders มีแนวโน้มที่จะลดลงจาก 3.1% เป็น -1.2%
ตีความอย่างไรต่อตลาด
การคาดการณ์การลดตัวลงอย่างมีนัยสำคัญของ Durable Goods Orders แสดงให้เห็นถึงเศรษฐกิจที่กำลังชะลอตัวในระยะสั้น ในตลาดสินทรัพย์เสี่ยง นักลงทุนอาจปิดความเสี่ยงและไปหาลงทุนในสินทรัพย์ที่ปลอดภัยกว่า
รายงานผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) จะวัดค่าการเปลี่ยนแปลงในมูลค่าทั้งหมดของสินค้าและบริการทั้งหมดที่เกิดขึ้นในระบบเศรษฐกิจใน Quarter ก่อน เป็นการวัดค่ากิจกรรมแบบกว้างๆ และเป็นตัวชี้วัดพื้นฐานที่จะทราบถึงภาวะเศรษฐกิจ
คาดการณ์จาก Tradingeconomic: GDP Growth Rate QoQ Final มีแนวโน้มที่จะลดลงจาก 3.1% เป็น 2.3%
ตีความอย่างไรต่อตลาด
การคาดการณ์การลดตัวลงของ GDP Growth Rate QoQ Final แสดงให้เห็นถึงเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่ชะลอตัวลงอย่างชัดเจน อีกทั้งนักลงทุนยัง Risk Off เพื่อรักษาเงินทุนไว้เพื่อรอจังหวะเพื่อกลับมาลงทุน แต่อย่างไรก็ตาม การคาดการณ์การลดตัวลงของ GDP Growth Rate QoQ Final เป็นการกดดันให้ FED ได้มีการลดอัตราดอกเบี้ย
United States Core PCE Price Index (Personal Consumption Expenditures Price Index) คือดัชนีราคาที่ใช้วัดการเปลี่ยนแปลงในระดับราคาของสินค้าและบริการที่บรรจุในการบริโภคของประชากรในสหรัฐอเมริกา โดยไม่รวมราคาของอสังหาริมทรัพย์ และค่าประกันสุขภาพ และราคาของสินค้า และบริการที่เป็นผลมาจากราคาของพลังงาน และอาหารที่มีความผันผวนมาก
คาดการณ์จาก Tradingeconomic: Core PCE มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นจาก 0.3% เป็น 0.4%
ตีความอย่างไรต่อตลาด
การคาดการณ์การเพิ่มขึ้นของ Core PCE Price Index แสดงให้เห็นถึงความไม่แน่นอนในอัตราเงินเฟ้อ แต่อย่างไรก็ตามนี้เป็นเพียงแค่การคาดการณ์เท่านั้น การติดตามดัชนีนี้จึงถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญในสัปดาห์นี้
Key Event ที่น่าสนใจที่จะเกิดขึ้นในสัปดาห์และอาจจะทำให้เกิดความผันผวนกับสินทรัพย์ดิจิทัล
25 มีนาคม
27 มีนาคม
28 มีนาคม
ในส่วนของ Funding rate สำหรับอาทิตย์นี้ปรับตัวลงเล็กน้อย แต่ไม่ได้มีความร้อนแรงมากจนเกินไป แสดงถึงช่องว่างของ Upside ที่ยังคงมีอยู่ หลายเหรียญยังคงมี Funding rate ติดลบ และนักลงทุนยังคงต้อง monitor และควรเฝ้าระวังสัญญาณเงินเฟ้อในเดือนถัดไป
ในฝั่งของ Bitcoin Open Interest มีการปรับตัวขึ้นเล็กน้อย บ่งบอกถึงการเปิดความเสี่ยงของนักลงทุนที่ทะยอยเพิ่มขึ้นมา แต่ก็ยังมีสัดส่วนที่น้อย โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมามีการประชุม FOMC และ FED ยังคงดอกเบี้ย ทำให้นักลงทุนกลับมาเปิดสถานะมากขึ้น
ในส่วนของ Bitcoin ETF Flow ในสัปดาห์ที่ผ่านมา มีกระแสเงินไหลเข้าสุทธิที่ 744.3 ล้านเหรียญ นับเป็นสัปดาห์แรกในรอบเดือน หลังการประชุม FOMC เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่ FED ยังคงการปรับลงอัตราดอกเบี้ย และให้ความสำคัญกับอัตราเงินเฟ้อในการตัดสินใจครั้งถัดไป ส่งผลให้สินทรัพย์ต่าง ๆ ปรับตัวขึ้นในระยะสั้น
ในส่วนของ Ethereum ETF Flow ในสัปดาห์ที่ผ่านมา มีกระแสเงินไหลออกสุทธิที่ 102.9 ล้าน เหรียญซึ่งยังคงเป็นอีกหนึ่งอาทิตย์ที่ ไม่มีการไหลเข้าของเงินทุน และยังคงมีเผชิญแรงเทขายอย่างต่อเนื่อง โดยแทบไม่มีเม็ดเงินไหลเข้า เนื่องจากนักลงทุนหันไปให้ความสนใจกับเหรียญใหญ่ เช่น BTC ส่งผลให้ส่วนแบ่งของ ETH ลดลง
ปริมาณการซื้อขายรายวันในตลาดได้ลดลงจากจุดสูงสุดหลังการเลือกตั้ง โดยปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 35 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งใกล้เคียงก่อนที่ ทรัมป์จะชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดี โดย หลังการเลือกตั้ง ปริมาณการซื้อขายพุ่งขึ้นถึง 126 พันล้านดอลลาร์ ท่ามกลางการเก็งกำไรของตลาด โดยการลดลงครั้งนี้คิดเป็นประมาณ 70% จากจุดสูงสุด นำตลาดกลับสู่ภาวะปกติก่อนการเลือกตั้งในระยะเวลาอันสั้น
อย่างไรก็ตาม การลดปริมาณการซื้อขายอาจเป็นสัญญาณของพัฒนาการบางอย่างในตลาด ในอดีต ช่วงเวลาที่ปริมาณการซื้อขายลดลงต่อเนื่อง มักนำไปสู่การเคลื่อนไหวของราคาครั้งใหญ่ เนื่องจากสภาพคล่องที่ลดลงทำให้การเคลื่อนย้ายของนักลงทุนรายใหญ่ส่งผลต่อราคามากขึ้นโดย นักลงทุนในตลาดอาจกำลังรอความชัดเจนเกี่ยวกับนโยบายของรัฐบาลทรัมป์ต่อการกำกับดูแลคริปโตเคอร์เรนซีก่อนจะกลับมาทำการซื้อขายอย่างจริงจังอีกครั้ง และยังคงจับตามอง อัตราเงินเฟ้อที่ FED ต้องการเงินเฟ้อที่ 2%
เมื่อวิเคราะห์พฤติกรรมของ Long-Term Holders พบว่าแรงขายจากกลุ่มนี้เริ่มลดลงอย่างเห็นได้ชัด โดยพิจารณาจาก Binary Spending Indicator ซึ่งเป็นตัวชี้วัดการใช้จ่ายหรือการขายเหรียญของนักลงทุนระยะยาว ขณะนี้ดัชนีดังกล่าวกำลังชะลอตัวและปรับลดลง
ในขณะเดียวกัน ปริมาณเหรียญที่ถือโดยนักลงทุนระยะยาวเริ่มเพิ่มขึ้นอีกครั้ง หลังจากลดลงอย่างต่อเนื่องมาหลายเดือน สะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนกลุ่มนี้เริ่มมีแนวโน้ม HODL มากกว่าการขาย ซึ่งอาจบ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงในมุมมองของพวกเขาที่ให้ความเชื่อมั่นและถือครองสินทรัพย์มากขึ้น
$BTC เริ่มขยับตัวออกจากกรอบขาลงแล้วโดยในระยะสั้นอยู่ใน Parallel Channel ขาขึ้น ในระยะสั้นนี้มุมมองต่อ BTC นั้นมีความ Bullish มากขึ้นโดยต้องดูว่าแท่งเทียน 1D นั้นจะปิดเหนือ $87,000 ได้หรือไม่ ถ้าทำได้จะเป็นมุมมองการ Retrace ที่ดีกับ BTC อย่างไรก็ตามหากยังไม่สามารถขึ้นไปยืนได้ ราคาก็อาจจะย่อตัวออกไปก่อนแต่มีสิทธิจะเป็นการ Sideway แทนในช่วงสัปดาห์ข้างหน้านี้
แนวต้าน : $87,000 | $92,000 | $100,000
แนวรับ : $83,000 | $78,500 | $73,000
$ETH มีการทำ Bullish Divergence แล้วและระยะสั้นมีการเคลื่อนตัวแบบ Sideway Up โดยแนวต้านในระยะสั้นตอนนี้อยู่ที่ $2,100 หาก Breakout ขึ้นไปได้จะเป็น Momentum การขึ้นที่ดีของ $ETH อย่างไรก็ตาม ในภาพรวมราคายังคงอยู่ในกรอบขาลงระยะยาวที่อาจจะทำให้เกิดการย่อได้หากขึ้นไปถึงแนวต้านของกรอบดังกล่าวที่บริเวณ $2,150
แนวต้าน : $2,150 | $2,400 | $2,870
แนวรับ : $2,000 | $1,870 | $1,550
Bitcoin Dominance ปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงมากกว่า 50% และเมื่อพิจารณาตัวเลขเศรษฐกิจที่ผันผวนในสัปดาห์นี้และสถานการณ์เงินเฟ้อที่ยังไม่สู้ดีนัก จึงแนะนำให้นักลงทุนถือสัดส่วนของ Bitcoin เอาไว้เพื่อลด Drawdown โดยรวมของพอร์ต บวกกับถือสัดส่วนของ Altcoins ที่มีพื้นฐานที่ดี และเก็บ Stablecoin ที่เป็น USD เพื่อใช้เป็นไม้สำรอง
Disclaimer