Merkle Weekly Snapshot 25th - 29th November 2024

November 27, 2024

Analysis
Insight
Knowledge
thumbnail

Merkle Weekly Snapshot

 

25th - 29th November 2024

 

บทวิเคราะห์มุมมองการลงทุนในสัปดาห์นี้

 


 

หมายเหตุ : บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นในทุกวันจันทร์

ดังนั้นบทความบางส่วนอาจจะมีความคลาดเคลื่อนของข้อมูลได้

 

MACROECONOMICS

 

Key Takeaways

  • CB Consumer Confidence มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น
  • Core PCE Price Index มีแนวโน้มที่จะคงที่เท่าเดิม
  • Durable Goods Orders มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น
  • Personal Income มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น
  • Personal Spending มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น

 

WEEKLY TONE: BUY WEEK

 

  ในสัปดาห์นี้มีตัวชี้วัดมากมายที่แสดงให้เห็นถึงเศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังไปในทางที่ดี โดยที่ CB Donsumer Confidence, Durable Goods Orders, Personal Income, Personal Spending มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น และ Core PCE Price Index มีแนวโน้มที่จะคงที่เท่าเดิม แสดงให้เห็นถึงเศรษฐกิจที่กำลังแข็งแกร่ง สำหรับตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลก็ยังสามารถที่จะลงทุนได้โดยเฉพาะฝั่งของ Bitcoin ที่กำลังมี Sentiment ที่ดีรวมไปถึง Altcoins ที่มีแรงซื้อเข้าแต่ยังมี Upside ที่สูง

 


 

Important Economic Data this week :

 

1. CB Consumer Confidence

 

  รายงานความเชื่อมั่นของผู้บริโภคของคณะกรรมการการประชุม หรือ Conference Board (CB) Consumer Confidence โดยจะวัดระดับค่าความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในระบบเศรษฐกิจ และเป็นดัชนีสำคัญเนื่องจากเป็นดัชนีที่ทำนายการใช้จ่ายของผู้บริโภค

 

คาดการณ์จาก Tradingeconomic : CB Consumer Confidence มีแนวโน้มที่จะเพิ่มจาก 108.7 เป็น 110

 

ตีความอย่างไรต่อตลาด

  การคาดการณ์การเพิ่มขึ้นของ CB Consumer Confidence เป็นการคาดการณ์ถึงความมั่นใจของนักลงทุนต่อตลาดสินทรัพย์ต่าง ๆ รวมไปถึงสินทรัพย์เสี่ยง แสดงให้เห็นถึงการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจ ที่ทำให้นักลงทุนนั้นมั่นใจต่อการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง รวมไปถึงการบ่งบอกว่านักลงทุนมากมายได้เริ่มเปิดความเสี่ยงกันแล้ว อีกทั้งการเพิ่มขึ้นของ CB Consumer Confidence ยังสามารถส่งผลต่อการตัดสินใจในการลดอัตราดอกเบี้ยของ FED ได้อีกด้วย

 

2. Core PCE Price Index

 

  United States Core PCE Price Index (Personal Consumption Expenditures Price Index) คือดัชนีราคาที่ใช้วัดการเปลี่ยนแปลงในระดับราคาของสินค้าและบริการที่บรรจุในการบริโภคของประชากรในสหรัฐอเมริกา โดยไม่รวมราคาของอสังหาริมทรัพย์ และค่าประกันสุขภาพ และราคาของสินค้า และบริการที่เป็นผลมาจากราคาของพลังงาน และอาหารที่มีความผันผวนมาก

 

คาดการณ์จาก Tradingeconomic: Core PCE Price Index มีแนวโน้มที่จะคงที่ที่ 0.3%

 

Source : https://tradingeconomics.com/united-states/core-pce-price-index-mom

 

ตีความอย่างไรต่อตลาด

  Core PCE Price Index ที่มีแนวโน้มที่จะคงที่เท่าเดิมแสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้ในการลดความผันผวนของตลาดสินทรัพย์เสี่ยง และยังส่งผลต่อการตัดสินใจในการลดอัตราดอกเบี้ยของ FED อีกด้วย การคงตัวของ Core PCE Price Index ยังสามารถดึงดูดนักลงทุนให้นักลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลเพิ่มมากขึ้นได้ และยังสร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุนในการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล

 

3. Durable Goods Orders

 

  Durable Goods Orders คือยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทน เป็นดัชนีชี้วัดถึงกิจกรรมการผลิตที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยจะเป็นตัววัดปริมาณของการสั่งสินค้า การส่งสินค้าโดยจะเป็นตัววัดถึงภาคการผลิตซึ่งหากว่าเศรษฐกิจมีปัญหาจะส่งผลให้ปริมาณการสั่งสินค้าลดลง

 

คาดการณ์จาก Tradingeconomic: Durable Goods Orders มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นจาก -0.7% เป็น 0.3%

 

Source : https://tradingeconomics.com/united-states/durable-goods-orders

 

ตีความอย่างไรต่อตลาด

  การเพิ่มขึ้นของ Durable Goods Orders แสดงให้เห้นถึงเศรษฐกิจที่กำลังแข็งตัวในระดับหนึ่ง สำหรับสินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้นจะได้รับผลกระทบในเชิงบวก แต่ในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลนั้นจะไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง แต่จะมีโอกาสที่จำนวนนักลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลจะเพิ่มขึ้น และการที่เศรษฐกิจกำลังโต สามารถดึงดูดนักลงทุนน่าใหม่ให้เข้ามาลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลได้

 

 


 

CRYPTOCURRENCY EVENT THIS WEEK

Credit from LayerGG

 

Key Event ที่น่าสนใจที่จะเกิดขึ้นในสัปดาห์และอาจจะทำให้เกิดความผันผวนกับสินทรัพย์ดิจิทัล

 

    27 พฤศจิกายน

  • $YGG - ปลดล็อคเหรียญ 3.55% ของอุปทานหมุนเวียน
  • $APEX - ปลดล็อคเหรียญ 19.09% ของอุปทานหมุนเวียน
  •  

    29 พฤศจิกายน

  • $IMX - ปลดล็อคเหรียญ 1.50% ของอุปทานหมุนเวียน

 

 

Weekly Crypto Must Watch

 

Source : https://www.coinglass.com/FundingRateHeatMap

 

  ในส่วนของ Funding Rate สำหรับอาทิตย์นี้มีการปรับตัวลดลงเล็กน้อย แต่ยังคงอยู่ในระดับที่สูงกว่าปกติ แสดงถึงความ Bullish ของนักลงทุนในตลาด เนื่องจากมีการเปิดสถานะ Long มากกว่า Short หากเปรียบเทียบกับการวิ่งขึ้นของตลาดในเดือนมีนาคมที่ Funding Rate สูงกว่านี้มาก จะพบว่า Upside ในความร้อนแรงของตลาดยังมีอีกมาก

 

Source : https://www.coinglass.com/BitcoinOpenInterest

 

  ในฝั่งของ Bitcoin Futures Open Interest มีการปรับตัวสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จนทะลุ All Time High อย่างต่อเนื่อง แสดงถึงการเก็งกำไรของนักลงทุนผ่านสัญญา Futures ที่เพิ่มขึ้น ตลาดมีความร้อนแรงหลังจากข่าวดีเรื่องการเลือกตั้งสหรัฐฯ แต่การใช้ Leverage ของตลาดในปริมาณมาก ก็อาจจะทำให้เกิดความผันผวนที่ตามมาเช่นกัน

 

Source : https://farside.co.uk/?p=997

 

  ในส่วนของ Bitcoin ETF Flow ในสัปดาห์ที่ผ่านมามีกระแสเงินไหลเข้าจาก Spot Bitcoin ETFs รวมเป็นจำนวนทั้งสิ้น 3,353.1 ล้านเหรียญ ซึ่งนับว่าเป็นแรงซื้อมหาศาลจากนักลงทุนรายใหญ่ติดต่อกันเป็นเวลาหลายวัน เนื่องจากหลังการเลือกตั้งสหรัฐฯ นักลงทุนสถาบันต่างก็พบว่าตัวเองไม่ได้มี Exposure กับ Bitcoin ที่มากพอ ทำให้เกิดการแห่กันซื้ออย่างล้นหลาม อย่างไรก็ตาม หากเปรียบเทียบกับปริมาณเงินที่ Top500 ผู้จัดการสินทรัพย์ของอเมริกามี เม็ดเงินที่ถูกแบ่งมาซื้อ Bitcoin คิดเป็นเพียงแค่ 0.02% ของเงินทั้งหมดเท่านั้น ทำให้ Upside ที่เป็นไปได้ในระยะยาวยังคงมีอีกมาก

 

Source : https://farside.co.uk/?p=1518

 

  ในส่วนของ Ethereum ETF Flow ในสัปดาห์ที่ผ่านมา มีกระแสเงินไหลออกทั้งสิ้น 68.4 ล้านเหรียญ ซึ่งแสดงถึงแนวโน้มเชิงลบต่อ Ethereum เล็กน้อย ซึ่งการเทขายอาจจะมาจากเหตุผลที่ Ethereum ไม่ได้ให้ผลตอบแทนที่ดีเท่า Bitcoin หรือเหรียญอื่น แต่ในสัปดาห์ที่ผ่านมา Futures Open Interest ของ Ethereum บนกระดานเทรดมีการพุ่งทำจุดสูงสุดใหม่กว่า 2 หมื่นล้านเหรียญ อาจจะสามารถตีความได้ว่า แรงซื้อส่วนใหญ่ไม่ได้มาจากนักลงทุนสถาบันแต่เป็นนักลงทุนรายย่อย

 

Sell Pressure Meets Demand

 

  การที่ Bitcoin ยังคงทำจุดสูงสุดใหม่เรื่อยๆ จนล่าสุดไปแตะ $99,000 ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งผลให้นักลงทุนระยะยาวทุกคนต่างก็มีกำไร โดยหากพิจารณาจาก Long Term Holder MVRV ที่ปัจจุบันมีค่าสูงถึง 3.94 หมายความว่า นักลงทุนระยะยาวถือกำไรโดยเฉลี่ย 294% ซึ่งสูงกว่าช่วงที่มีการเทขายเพื่อทำกำไรในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

 

 

  ดังนั้น การที่ราคา Bitcoin ปรับตัวสูงขึ้น ทำให้แนวโน้มที่จะมีนักลงทุนบางส่วนขายเพื่อทำกำไรก็เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักลงทุนระยะยาวที่ต่างก็มีกำไรกันถ้วนหน้า ได้มีการขายออกมาในปริมาณพอสมควร สังเกตได้จาก Long Term Holder Supply ที่มีการปรับตัวลดลงเหมือนกับช่วงเดือนมีนาคม

 

 

  อย่างไรก็ตาม การขายเพื่อทำกำไรของนักลงทุนระยะยาวในรอบนี้ไม่ได้ทำให้เกิดการปรับฐานของราคาเหมือนอย่างที่เห็นกันในครั้งก่อนๆ เนื่องจากยังมีแรงซื้อมหาศาลจากนักลงทุนสถาบันผ่าน Spot Bitcoin ETF เข้ามา ทำให้เกิดเป็นการเปลี่ยนมือของนักลงทุนในตลาดเท่านั้น แต่หากราคาของ Bitcoin ยังคงสูงขึ้นเรื่อยๆ อาจจะทำให้เกิดแรงเทขายที่มากกว่า Demand ได้ เหตุผลมาจากการที่นักลงทุนระยะยาวถืออุปทานในสัดส่วนมาก ดังนั้น นักลงทุนควรจับตามองแรงเทขายของนักลงทุนกลุ่มนี้ให้ดี

 

 

 

 


 

WEEKLY TECHNICAL ANALYSIS

by Cryptomind Advisory

 

BTC/USDT

 

  $BTC นั้นมีการ Sideway Up ขึ้นมาต่อเนื่องในสัปดาห์และขึ้นมาบริเวณ $99,000 ในปัจจุบัน ในภาพระยะกลางนั้นยังคงมีความเป็นไปได้ที่สูงที่ราคาจะขึ้นไปถึง $100,000 ได้ อย่างไรก็ตามในระยะสั้นนั้น $BTC อาจมีการ Sideway บริเวณนี้ก่อนเพื่อสร้างชุดสะสมก่อนที่จะเกิดการ Breakout โดยอาจย่อตัวถึงบริเวณ $93,000 ได้ในการ Sideway ครั้งนี้

 

แนวต้าน : $100,000 | $112,000 | $120,000

แนวรับ : $93,000 | $87,000 | $83,000

 

 

ETH/USDT

 

  $ETH นั้นในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาทำราคาขึ้นไปยังแนวต้านบริเวณ $3,400 ได้อีกครั้งหนึ่งแต่ยังมีการ Reject ระยะสั้นลงมา ในช่วงข้างหน้าหากราคาสามารถสร้างฐานบริเวณดังกล่าวได้ ก็จะทำให้ $ETH มีโอกาสขึ้นต่อได้โดยแนวต้านถัดไปคือบริเวณ $3,700 อย่างไรก็ตามหากราคานั้นยังไม่สามารถสร้างฐานได้ ก็อาจจะ Sideway ออกไปก่อนในช่วงข้างหน้านี้

 

แนวต้าน : $3,400 | $3,700 | $4,000

แนวรับ : $3,000 | $2,850 | $2,700

 


 

ASSET ALLOCATION

by Cryptomind Advisory

 

  ตลาดกำลังมองเห็นโอกาสของเกิด Soft landing ของเศรษฐกิจสหรัฐหลังจากการลดดอกเบี้ยของ FED ทำให้ตลาดเริ่มเปิดความเสี่ยงมากขึ้น ขณะที่ Bitcoin Dominance ปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงมากกว่า 50% ผนวกกับการมาของ Ethereum และ Bitcoin spot ETF / Options และมุมมองเชิงบวกมากๆต่อตลาดคริปโทโดยโดนัล ทรัมป์ และเมื่อพิจารณาตัวเลขเศรษฐกิจที่ผันผวนในสัปดาห์นี้ จึงแนะนำให้นักลงทุนถือสัดส่วนของ Bitcoin เอาไว้เพื่อลด Drawdown โดยรวมของพอร์ต และเพิ่มสัดส่วนของ Ethereum ในพอร์ตเพิ่มขึ้น บวกกับถือสัดส่วนของ Altcoins ที่มีพื้นฐานที่ดีรับสัญญาณของ Altcoins season และเก็บ Stablecoin ที่เป็น USD เพื่อใช้เป็นไม้สำรอง

 

BITCOIN 40%
SELECTIVE LARGE MARKET CAP (30-35%)
SELECTIVE SMALL-MID MARKET CAP ALTCOINS (10-15%)
STABLECOINS 15%

 

คริปโทเคอร์เรนซีมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวน

 

ผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอนาคต

เรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

Merkle Capital คือผู้จัดการเงินทุนสินทรัพย์ดิจิทัลแห่งแรกในประเทศไทย ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานก.ล.ต. บริษัทให้การดูแลและบริหารเงินลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลแก่ลูกค้าด้วยกลยุทธ์ที่หลากหลายโดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนและการบริหารจัดการ