Merkle Weekly Snapshot 2nd - 6th September 2024

September 04, 2024

thumbnail

Merkle Weekly Snapshot

 

2nd - 6th September 2024

 

บทวิเคราะห์มุมมองการลงทุนในสัปดาห์นี้

 


 

หมายเหตุ : บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นในทุกวันจันทร์ ดังนั้นบทความบางส่วนอาจจะมีความคลาดเคลื่อนของข้อมูลได้

 

MACROECONOMICS

 

Key Takeaways

  • ISM Manufacturing PMI มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น
  • JOLTs Job Opening มีแนวโน้มที่จะลดลง
  • ISM Services PMI มีแนวโน้มที่จะลดลงเล็กน้อย
  • Non Farm Payrolls มีแนวโน้มที่จะลดลง
  • Unemployment Rate มีแนวโน้มที่จะคงที่

 

WEEKLY TONE : MONITOR WEEK

 

  สัปดาห์แรกของเดือน กันยายน ได้มีการประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจหลายตัวเลขและส่วนใหญ่เป็นตัวเลขทางฝั่งแรงงาน การลดการจ้างงานและการลงทุน บ่งบอกถึงความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ เมื่ออัตราการว่างงานคงที่แต่มีการจ้างงานลดลง อาจเกิดแรงกดดันต่อแรงงาน เนื่องจากมีการแข่งขันเพื่อชิงงานมากขึ้นอีกด้วย และการลดลงของการจ้างงานและการลงทุนอาจทำให้ตลาดหุ้นผันผวน เนื่องจากนักลงทุนอาจมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจ รวมไปถึงตลาดสินทรัพย์เสี่ยงอย่างคริปโตฯ การชะลอตัวของเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้น และสภาวะตลาดแรงงานที่ไม่แน่นอน อาจเพิ่มความเสี่ยงในการลงทุนในคริปโตฯ

 


 

Important Economic Data this week :

 

1. JOLTs Job Opening

 

  ตัวเลขการสำรวจการจ้างงานทุกตำแหน่ง (ที่ยังว่างอยู่) ในทุกวันสุดท้ายของเดือน เป็นส่วนหนึ่งของการสำรวจ "Job Openings and Labor Turnover Survey (JOLTS)" การสำรวจนี้จะรวบรวมข้อมูลจาก 16,400 หน่วยงานนอกภาคเกษตรกรรม ซึ่งรวมถึงร้านค้าและโรงงาน รวมถึงหน่วยงานรัฐบาลระดับกลาง ภาครัฐ ท้องถิ่นใน 50 รัฐ และดิสทริคต์ออฟคอลัมเบีย

 

คาดการณ์จาก Tradingeconomic : JOLTs Job Opening มีแนวโน้มที่จะลดลงจาก 8.148M เป็น 8.09M

 

Source : https://tradingeconomics.com/united-states/job-offers

 

ตีความอย่างไรต่อตลาด

  การที่มีแนวโน้มว่า JOLTs Job Opening ปรับตัวลดลง หมายถึงความต้องการของตลาดแรงงานที่ลดตัวลง อาจบ่งชี้ถึงการที่ภาคธุรกิจนั้นได้จ้างคนน้อยลงเพราะการชะลอตัวของเศรษฐกิจ และยังนำไปสู่การเติบโตของค่าจ้างที่ลดตัวลงมาอีกด้วย เมื่อการแข่งขันในการหางานน้อยลง อาจทำให้ผู้ประกอบการไม่มีแรงจูงใจที่ต้องดึงตัวพนักงานไว้ เพราะเขานั้นสามารถหาพนักงานใหม่ได้ โดยรวมแล้วอาจแสดงให้เห็นถึงว่าเศรษฐกิจนั้นกำลังชะลอตัวอยู่ก็เป็นได้

 

2. Non Farm Payrolls

 

  ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม เป็นรายงานการจ้างงานที่ถูกปล่อยออกมาเป็นระยะ ๆ โดยทั่วไปจะออกในวันศุกร์แรกของทุกเดือน มีผลกระทบมากต่อดอลลาร์ของสหรัฐ ตลาดหุ้น และตลาดหลักทรัพย์ Current Employment Statistics (CES) จากหน่วยงานสถิติแรงงานของกรมแรงงานของสหรัฐ ทำการสำรวจประมาณ 141,000 ธุรกิจ หน่วยงานรัฐบาล และ 486,000 ธุรกิจส่วนตัว เพื่อให้ข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับอุตสาหกรรมการจ้างงาน ชั่วโมงทำงาน และรายได้ของคนงานในกลุ่มที่ไม่ใช่ภาคเกษตร

 

คาดการณ์จาก: Tradingeconomic : Non Farm Payrolls มีแนวโน้มที่จะลดตัวลงจาก 114K เป็น 100K

 

Source : https://tradingeconomics.com/united-states/non-farm-payrolls

 

ตีความอย่างไรต่อตลาด

  การมีแนวโน้มที่จะลดลงของจำนวนคนงานที่ได้รับการจ้างงานในภาคธุรกิจและบริการต่าง ๆ นอกเหนือจากภาคเกษตรกรรม สามารถสร้างผลกระทบได้ การลดลงของการจ้างงานมักเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจกำลังชะลอตัว เนื่องจากธุรกิจลดการลงทุนและการจ้างงาน และเมื่อผู้คนว่างงานหรือมีความไม่มั่นคงทางการเงิน การใช้จ่ายของผู้บริโภคมักจะลดลง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจและเศรษฐกิจโดยรวม

 

3. Unemployment Rate

 

  Unemployment rate คือ อัตราการว่างงานเป็นสัดส่วนจากประชาการที่อยู่ในวัยทำงานทั้งหมด ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดถึงสภาพตลาดแรงงาน และสะท้องถึงกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวม อัตราว่างงานที่สูงบ่งบอกถึงสภาวะเศรษฐกิจที่จะลอตัวลงหรือแม้กระทั้งหดตัวลง

 

คาดการณ์จาก Tradingeconomic : Unemployment Rate มีแนวโน้มที่จะคงที่ที่ 4.3%

 

Source : https://tradingeconomics.com/united-states/unemployment-rate

 

ตีความอย่างไรต่อตลาด

  การที่อัตราการว่างงานนั้นมีแนวโน้มที่จะคงที่เท่าเดิมนั้น เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่บ่งชี้ว่าตลาดแรงงานนั้นแข็งแกร่งอย่างมากและมีเสถียรภาพ ซึ่งอาจส่งผลดีต่อความมั่นใจของผู้บริโภคและนักลงทุน และด้วยการที่อัตราการว่างงานนั้นต่ำกว่า 5% นับว่าเป็นเรื่องที่ดีต่อเศรษฐกิจของประเทศ และยังถือว่าเป็นอัตราการว่างงานที่ต่ำอีกด้วย

 


 

CRYPTOCURRENCY EVENT THIS WEEK

Credit from Coindar

 

Key Event ที่น่าสนใจที่จะเกิดขึ้นในสัปดาห์และอาจจะทำให้เกิดความผันผวนกับสินทรัพย์ดิจิทัล

 

    2 กันยายน

  • $WINR - เปิดตัว JustBet บน Mainnet
  •  

    3 กันยายน

  • $ARB - เปิดตัว Stylus Mainnet
  •  

    4 กันยายน

  • $RUNE - Hard Fork
  • $MATIC - เปลี่ยน $MATIC เป็น $POL
  •  

    5 กันยายน

  • $TAIKO - ปลดล็อคเหรียญ $19.32M
  •  

    6 กันยายน

  • $MODE - ปลดล็อคเหรียญ $6.24M
  •  

     

    Weekly Crypto Must Watch

     

    Source : https://www.coinglass.com/FundingRateHeatMap

     

      ในส่วนของ Funding rate สำหรับอาทิตย์นี้มีการปรับตัวลงเล็กน้อย หลายเหรียญมี Funding rate ติดลบ แสดงถึงตลาดที่เป็นภาพของปรับตัวลงเล็กน้อย นักลงทุนมีมุมมองเชิงลบต่อตลาด และทำการเปิดสถานะชอร์ตมากกว่าสถานะลอง

     

    Source : https://www.coinglass.com/BitcoinOpenInterest

     

      ในฝั่งของ Bitcoin Open Interest มีการปรับตัวลดลง บ่งบอกถึงการลดความเสี่ยงของนักลงทุนในระยะสั้น ทั้งนี้ อาจจะมาจากเหตุผลเรื่องความไม่แน่นอนทาง Macroeonomics และทำให้นักลงทุนจับตามองการประกาศของ Fed กลางเดือนนี้ ว่าจะมีการดำเนินนโยบายอัตราดอกเบี้ยอย่างไร

     

    Source : https://farside.co.uk/?p=997

     

      ในส่วนของ Bitcoin ETF Flow ในสัปดาห์ที่ผ่านมามีกระแสเงินไหลออกจาก Spot Bitcoin ETFs รวมเป็นจำนวนทั้งสิ้น 277.2 ล้านเหรียญ ซึ่งนับว่าเป็นครั้งแรกที่เห็นแรงขายสุทธิจาก IBIT แรงขายจากนักลงทุนสถาบันบ่งบอกถึงการ Risk-off ของนักลงทุน ที่อาจจะมาจากความกังวลเรื่อง Recession ทำให้สินทรัพย์เสี่ยงอย่างคริปโตเคอร์เรนซีถูกเทขายออกมาก่อน

     

    Source : https://farside.co.uk/?p=1518

     

      ในส่วนของ Ethereum ETF Flow ในสัปดาห์ที่ผ่านมามีกระแสเงินไหลออกทั้งสิ้น 12.4 ล้านเหรียญ ซึ่งยังคงเป็นแรงเทขายจาก ETHE เป็นหลัก แต่ก็มีปริมาณการขายที่ลดลงเมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อน ๆ อย่างไรก็ตาม แรงซื้อจากเจ้าอื่นมีปริมาณต่ำมาก อาจเป็นผลกระทบจากความกังวลของภาพเศรษฐกิจโดยรวม และนักลงทุนที่รอให้แรงขายจาก ETHE น้อยลง เพื่อ Timing ตลาดและหาจุดเข้าซื้อที่ดีในอนาคต

     

    More Liquidity To Come

     

      ตลาดคริปโตเคอร์เรนซีในปัจจุบันขึ้นอยู่กับข้อมูล Macroeconomics มากขึ้น เนื่องจากนักลงทุนมีความกังวลเรื่อง Recession ทำให้การจับตามองการดำเนินนโยบายอัตราดอกเบี้ยของ Fed ส่งผลกระทบต่อการลงทุน ดังนั้น การดูข้อมูลเศรษฐกิจมหภาครวมกับข้อมูล On-chain จึงเป็นปัจจัยสำคัญในการจับจังหวะซื้อขายที่ดี

     

    Source : https://thedefireport.io

     

      เนื่องจากปัจจุบัน ตลาดได้มีการ Priced in ไปแล้วว่า Fed จะทำการลดอัตราดอกเบี้ยทั้งสิ้น 9 ครั้ง และไปหยุดอยู่ที่อัตราดอกเบี้ย 3% ในช่วงปลายปี 2025 ส่งผลให้ดัชนี U.S. Dollar Index (DXY) ปรับตัวลดลงจากจุดพีคในเดือนตุลาคม 2022 ที่ 112 มาอยู่ที่ 101 ในปัจจุบัน และเมื่อนำมาเปรียบเทียบกับ Global Liquidity Index จะพบว่า เริ่มมีสัญญาณการปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันหลังจากที่ DXY พีค

     

    Source : https://thedefireport.io

     

      ทั้งสอง Index สามารถบ่งบอกถึงสภาพตลาดที่กำลังรอ Liquidity เข้ามามากขึ้นได้ เมื่อ Fed ทำการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง และมีการอัดฉีดเม็ดเงินเข้ามาในระบบมากขึ้น เม็ดเงินของนักลงทุนจะกลับมา Risk-on มากขึ้นในระยะยาว

     

    ส่วนความกังวลในระยะสั้นเรื่องของ Recession นั้น มองว่ามีโอกาสที่จะเกิดขึ้นน้อย เนื่องจากการทำ Fiscal policy ของรัฐบาลสหรัฐที่ยังคงเป็น Budget Deficit หรือสามารถตีความได้ว่า มีการอัดฉีดเม็ดเงินเข้ามาในระบบเรื่อย ๆ ซึ่งในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา มีการอัดฉีดมากถึง $244 พันล้านเหรียญ อย่างไรก็ตาม ภาพดังกล่าวสามารถเปลี่ยนได้เสมอ ดังนั้นจึงต้องมีการติดตามอย่างใกล้ชิด

     

    Source : https://tokenterminal.com

     

      เมื่อนำภาพของ Liquidity ทั่วโลกมาประกอบกับสินทรัพย์อย่างคริปโตเคอร์เรนซี จะพบว่า ปัจจุบัน Stablecoin Supply มีปริมาณเกือบเท่ากับ All Time High เดิม ทำให้การดันราคาของ Bitcoin ให้ผ่านช่วง $73,000 ยังเป็นไปได้ยาก เนื่องจากเม็ดเงินในตลาดยังเท่ากับ Cycle ที่แล้ว อย่างไรก็ตาม การที่ Bitcoin สามารถขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่ได้ ทั้งที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 5%-5.25% นั้น เป็นเรื่องที่น่าประทับใจมาก และแนวโน้มที่จะมีการลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคตก็จะเป็นภาพที่ Bullish กับตลาดโดยรวม

     

    Source : https://studio.glassnode.com

     

      จากการสังเกตพฤติกรรมของนักลงทุนระยะยาว พบว่ามีการเทขายเพื่อทำกำไรออกมาในช่วงไตรมาส 1 ปี 2024 ซึ่งสามารถบอกจุดสูงสุดได้ค่อนข้างแม่นยำ หลังจากนั้น ตลาดก็มีการ Sideways down จนถึงปัจจุบัน แต่เมื่อไม่นานมานี้ เกิดการทะยอยเข้าเก็บสะสมของนักลงทุนกลุ่มนี้ขึ้นจนเกือบเท่ากับระดับก่อนหน้า สามารถตีความทางอ้อมได้ว่า Smart Money เริ่มเก็บสะสมและคิดว่าตลาดจะสามารถไปต่อได้ในอนาคต

     

    Source : https://studio.glassnode.com

     

      หากพิจารณา MVRV Z-Score หรือดัชนีชี้วัดกำไรของนักลงทุนเทียบกับต้นทุน จะสังเกตได้ว่า จุดพีคของตลาดในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา MVRV ขึ้นไปสูงสุดที่ 3 ซึ่งนับว่าเป็นจุดที่ค่อนข้างสูงและเป็นจุดเดียวกับในปี 2019 ที่หลังจากนั้นก็มีการพักตัว ก่อนที่จะเกิดตลาดกระทิงรอบใหญ่ในปี 2021 โดยในปัจจุบันได้มีการย่อตัวลงมาอยู่ที่ 1.6 ซึ่งเป็นจุดที่ค่อนข้างกึ่งกลาง ไม่ได้มีการ Overbought หรือ Oversold จนเกินไป เป็นภาพที่คล้ายคลึงกับปี 2019 ที่เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงตลาดกระทิงในอนาคต

     


     

    WEEKLY TECHNICAL ANALYSIS

    by Cryptomind Advisory

     

    BTC/USDT

     

      $BTC มีการปรับตัวลดลงมาอีกครั้ง โดยในภาพรวมแล้วเป็นการทำ Lower High ซึ่งเป็นการสร้าง Momentum ขาลงให้กับ $BTC ในช่วงข้างหน้านั้นจุดสำคัญคือการที่ราคาไม่ปรับตัวลงต่ำกว่า $56,000 เพราะจะทำให้ราคามีโอกาสลงต่อสูง ถ้าหากราคาสามารถยืนอยู่เหนือแนวรับดังกล่าวได้ $BTC ก็อาจมีการทำชุดสะสม Sideway ไปก่อนในช่วงสัปดาห์ข้างหน้า

     

    แนวต้าน : $61,000 | $67,000 | $73,500

    แนวรับ : $56,500 | $52,500 | $48,000

     

    ETH/USDT

     

      $ETH มีการปรับตัวลงจากกรอบสะสมระยะสั้นอีกครั้ง อย่างไรก็ตามราคาได้ลงมาถึงแนวรับสำคัญบริเวณ $2,400 อีกครั้ง ซึ่งหากสามารถยืนอยู่เหนือราคานี้ได้ก็มีโอกาสที่จะะเกิดการกลับตัวของราคาได้ซึ่งอาจจะอยู่ในรูปแบบ Sideway Up อย่างไรก็ตามหากราคามีการปิดตัวต่ำกว่าแนวรับดังกล่าวก็มีโอกาสที่ $ETH จะย่อไปจนถึง $2,100 ได้เลยเช่นกัน

     

    แนวต้าน : $2,870 | $3,350 | $3,700

    แนวรับ : $2,400 | $2,125 | $1,870

     

     


     

    ASSET ALLOCATION

    by Cryptomind Advisory

     

      “มีความเป็นไปได้สูง” ของการลดดอกเบี้ยของ FED จะมาถึงในเดือนกันยายน และ Bitcoin Dominance ปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงมากกว่า 50% และการมาของ Ethereum spot ETF และมุมมองเชิงบวกมากๆต่อตลาดคริปโทในสหรัฐในเชิงการเมืองที่อาจจะเห็นภาพชัดเจนในไตรมาสที่ 4 และเมื่อพิจารณาตัวเลขเศรษฐกิจที่ผันผวนในสัปดาห์นี้ จึงแนะนำให้นักลงทุนถือสัดส่วนของ Bitcoin เอาไว้เพื่อลด Drawdown โดยรวมของพอร์ต และเพิ่มสัดส่วนของ Ethereum ในพอร์ตเพิ่มขึ้น บวกกับถือสัดส่วนของ Altcoins ที่มีพื้นฐานที่ดีรับสัญญาณของ Altcoins season และเก็บ Stablecoin ที่เป็น USD เพื่อใช้เป็นไม้สำรอง

     

    BITCOIN 40%

    SELECTIVE ALTCOINS (ETH, LAYER 2 ,LSD) 40%

    STABLECOIN 20%

    คริปโทเคอร์เรนซีมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวน

     

    ผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอนาคต

เรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

Merkle Capital คือผู้จัดการเงินทุนสินทรัพย์ดิจิทัลแห่งแรกในประเทศไทย ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานก.ล.ต. บริษัทให้การดูแลและบริหารเงินลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลแก่ลูกค้าด้วยกลยุทธ์ที่หลากหลายโดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนและการบริหารจัดการ