กันยายน 04, 2024
หมายเหตุ : บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นในทุกวันจันทร์ ดังนั้นบทความบางส่วนอาจจะมีความคลาดเคลื่อนของข้อมูลได้
WEEKLY TONE : MONITOR WEEK
สัปดาห์แรกของเดือน กันยายน ได้มีการประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจหลายตัวเลขและส่วนใหญ่เป็นตัวเลขทางฝั่งแรงงาน การลดการจ้างงานและการลงทุน บ่งบอกถึงความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ เมื่ออัตราการว่างงานคงที่แต่มีการจ้างงานลดลง อาจเกิดแรงกดดันต่อแรงงาน เนื่องจากมีการแข่งขันเพื่อชิงงานมากขึ้นอีกด้วย และการลดลงของการจ้างงานและการลงทุนอาจทำให้ตลาดหุ้นผันผวน เนื่องจากนักลงทุนอาจมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจ รวมไปถึงตลาดสินทรัพย์เสี่ยงอย่างคริปโตฯ การชะลอตัวของเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้น และสภาวะตลาดแรงงานที่ไม่แน่นอน อาจเพิ่มความเสี่ยงในการลงทุนในคริปโตฯ
ตัวเลขการสำรวจการจ้างงานทุกตำแหน่ง (ที่ยังว่างอยู่) ในทุกวันสุดท้ายของเดือน เป็นส่วนหนึ่งของการสำรวจ "Job Openings and Labor Turnover Survey (JOLTS)" การสำรวจนี้จะรวบรวมข้อมูลจาก 16,400 หน่วยงานนอกภาคเกษตรกรรม ซึ่งรวมถึงร้านค้าและโรงงาน รวมถึงหน่วยงานรัฐบาลระดับกลาง ภาครัฐ ท้องถิ่นใน 50 รัฐ และดิสทริคต์ออฟคอลัมเบีย
คาดการณ์จาก Tradingeconomic : JOLTs Job Opening มีแนวโน้มที่จะลดลงจาก 8.148M เป็น 8.09M
ตีความอย่างไรต่อตลาด
การที่มีแนวโน้มว่า JOLTs Job Opening ปรับตัวลดลง หมายถึงความต้องการของตลาดแรงงานที่ลดตัวลง อาจบ่งชี้ถึงการที่ภาคธุรกิจนั้นได้จ้างคนน้อยลงเพราะการชะลอตัวของเศรษฐกิจ และยังนำไปสู่การเติบโตของค่าจ้างที่ลดตัวลงมาอีกด้วย เมื่อการแข่งขันในการหางานน้อยลง อาจทำให้ผู้ประกอบการไม่มีแรงจูงใจที่ต้องดึงตัวพนักงานไว้ เพราะเขานั้นสามารถหาพนักงานใหม่ได้ โดยรวมแล้วอาจแสดงให้เห็นถึงว่าเศรษฐกิจนั้นกำลังชะลอตัวอยู่ก็เป็นได้
ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม เป็นรายงานการจ้างงานที่ถูกปล่อยออกมาเป็นระยะ ๆ โดยทั่วไปจะออกในวันศุกร์แรกของทุกเดือน มีผลกระทบมากต่อดอลลาร์ของสหรัฐ ตลาดหุ้น และตลาดหลักทรัพย์ Current Employment Statistics (CES) จากหน่วยงานสถิติแรงงานของกรมแรงงานของสหรัฐ ทำการสำรวจประมาณ 141,000 ธุรกิจ หน่วยงานรัฐบาล และ 486,000 ธุรกิจส่วนตัว เพื่อให้ข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับอุตสาหกรรมการจ้างงาน ชั่วโมงทำงาน และรายได้ของคนงานในกลุ่มที่ไม่ใช่ภาคเกษตร
คาดการณ์จาก: Tradingeconomic : Non Farm Payrolls มีแนวโน้มที่จะลดตัวลงจาก 114K เป็น 100K
ตีความอย่างไรต่อตลาด
การมีแนวโน้มที่จะลดลงของจำนวนคนงานที่ได้รับการจ้างงานในภาคธุรกิจและบริการต่าง ๆ นอกเหนือจากภาคเกษตรกรรม สามารถสร้างผลกระทบได้ การลดลงของการจ้างงานมักเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจกำลังชะลอตัว เนื่องจากธุรกิจลดการลงทุนและการจ้างงาน และเมื่อผู้คนว่างงานหรือมีความไม่มั่นคงทางการเงิน การใช้จ่ายของผู้บริโภคมักจะลดลง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจและเศรษฐกิจโดยรวม
Unemployment rate คือ อัตราการว่างงานเป็นสัดส่วนจากประชาการที่อยู่ในวัยทำงานทั้งหมด ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดถึงสภาพตลาดแรงงาน และสะท้องถึงกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวม อัตราว่างงานที่สูงบ่งบอกถึงสภาวะเศรษฐกิจที่จะลอตัวลงหรือแม้กระทั้งหดตัวลง
คาดการณ์จาก Tradingeconomic : Unemployment Rate มีแนวโน้มที่จะคงที่ที่ 4.3%
ตีความอย่างไรต่อตลาด
การที่อัตราการว่างงานนั้นมีแนวโน้มที่จะคงที่เท่าเดิมนั้น เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่บ่งชี้ว่าตลาดแรงงานนั้นแข็งแกร่งอย่างมากและมีเสถียรภาพ ซึ่งอาจส่งผลดีต่อความมั่นใจของผู้บริโภคและนักลงทุน และด้วยการที่อัตราการว่างงานนั้นต่ำกว่า 5% นับว่าเป็นเรื่องที่ดีต่อเศรษฐกิจของประเทศ และยังถือว่าเป็นอัตราการว่างงานที่ต่ำอีกด้วย
Key Event ที่น่าสนใจที่จะเกิดขึ้นในสัปดาห์และอาจจะทำให้เกิดความผันผวนกับสินทรัพย์ดิจิทัล
2 กันยายน
3 กันยายน
4 กันยายน
5 กันยายน
6 กันยายน
ในส่วนของ Funding rate สำหรับอาทิตย์นี้มีการปรับตัวลงเล็กน้อย หลายเหรียญมี Funding rate ติดลบ แสดงถึงตลาดที่เป็นภาพของปรับตัวลงเล็กน้อย นักลงทุนมีมุมมองเชิงลบต่อตลาด และทำการเปิดสถานะชอร์ตมากกว่าสถานะลอง
ในฝั่งของ Bitcoin Open Interest มีการปรับตัวลดลง บ่งบอกถึงการลดความเสี่ยงของนักลงทุนในระยะสั้น ทั้งนี้ อาจจะมาจากเหตุผลเรื่องความไม่แน่นอนทาง Macroeonomics และทำให้นักลงทุนจับตามองการประกาศของ Fed กลางเดือนนี้ ว่าจะมีการดำเนินนโยบายอัตราดอกเบี้ยอย่างไร
ในส่วนของ Bitcoin ETF Flow ในสัปดาห์ที่ผ่านมามีกระแสเงินไหลออกจาก Spot Bitcoin ETFs รวมเป็นจำนวนทั้งสิ้น 277.2 ล้านเหรียญ ซึ่งนับว่าเป็นครั้งแรกที่เห็นแรงขายสุทธิจาก IBIT แรงขายจากนักลงทุนสถาบันบ่งบอกถึงการ Risk-off ของนักลงทุน ที่อาจจะมาจากความกังวลเรื่อง Recession ทำให้สินทรัพย์เสี่ยงอย่างคริปโตเคอร์เรนซีถูกเทขายออกมาก่อน
ในส่วนของ Ethereum ETF Flow ในสัปดาห์ที่ผ่านมามีกระแสเงินไหลออกทั้งสิ้น 12.4 ล้านเหรียญ ซึ่งยังคงเป็นแรงเทขายจาก ETHE เป็นหลัก แต่ก็มีปริมาณการขายที่ลดลงเมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อน ๆ อย่างไรก็ตาม แรงซื้อจากเจ้าอื่นมีปริมาณต่ำมาก อาจเป็นผลกระทบจากความกังวลของภาพเศรษฐกิจโดยรวม และนักลงทุนที่รอให้แรงขายจาก ETHE น้อยลง เพื่อ Timing ตลาดและหาจุดเข้าซื้อที่ดีในอนาคต
ตลาดคริปโตเคอร์เรนซีในปัจจุบันขึ้นอยู่กับข้อมูล Macroeconomics มากขึ้น เนื่องจากนักลงทุนมีความกังวลเรื่อง Recession ทำให้การจับตามองการดำเนินนโยบายอัตราดอกเบี้ยของ Fed ส่งผลกระทบต่อการลงทุน ดังนั้น การดูข้อมูลเศรษฐกิจมหภาครวมกับข้อมูล On-chain จึงเป็นปัจจัยสำคัญในการจับจังหวะซื้อขายที่ดี
เนื่องจากปัจจุบัน ตลาดได้มีการ Priced in ไปแล้วว่า Fed จะทำการลดอัตราดอกเบี้ยทั้งสิ้น 9 ครั้ง และไปหยุดอยู่ที่อัตราดอกเบี้ย 3% ในช่วงปลายปี 2025 ส่งผลให้ดัชนี U.S. Dollar Index (DXY) ปรับตัวลดลงจากจุดพีคในเดือนตุลาคม 2022 ที่ 112 มาอยู่ที่ 101 ในปัจจุบัน และเมื่อนำมาเปรียบเทียบกับ Global Liquidity Index จะพบว่า เริ่มมีสัญญาณการปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันหลังจากที่ DXY พีค
ทั้งสอง Index สามารถบ่งบอกถึงสภาพตลาดที่กำลังรอ Liquidity เข้ามามากขึ้นได้ เมื่อ Fed ทำการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง และมีการอัดฉีดเม็ดเงินเข้ามาในระบบมากขึ้น เม็ดเงินของนักลงทุนจะกลับมา Risk-on มากขึ้นในระยะยาว
ส่วนความกังวลในระยะสั้นเรื่องของ Recession นั้น มองว่ามีโอกาสที่จะเกิดขึ้นน้อย เนื่องจากการทำ Fiscal policy ของรัฐบาลสหรัฐที่ยังคงเป็น Budget Deficit หรือสามารถตีความได้ว่า มีการอัดฉีดเม็ดเงินเข้ามาในระบบเรื่อย ๆ ซึ่งในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา มีการอัดฉีดมากถึง $244 พันล้านเหรียญ อย่างไรก็ตาม ภาพดังกล่าวสามารถเปลี่ยนได้เสมอ ดังนั้นจึงต้องมีการติดตามอย่างใกล้ชิด
เมื่อนำภาพของ Liquidity ทั่วโลกมาประกอบกับสินทรัพย์อย่างคริปโตเคอร์เรนซี จะพบว่า ปัจจุบัน Stablecoin Supply มีปริมาณเกือบเท่ากับ All Time High เดิม ทำให้การดันราคาของ Bitcoin ให้ผ่านช่วง $73,000 ยังเป็นไปได้ยาก เนื่องจากเม็ดเงินในตลาดยังเท่ากับ Cycle ที่แล้ว อย่างไรก็ตาม การที่ Bitcoin สามารถขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่ได้ ทั้งที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 5%-5.25% นั้น เป็นเรื่องที่น่าประทับใจมาก และแนวโน้มที่จะมีการลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคตก็จะเป็นภาพที่ Bullish กับตลาดโดยรวม
จากการสังเกตพฤติกรรมของนักลงทุนระยะยาว พบว่ามีการเทขายเพื่อทำกำไรออกมาในช่วงไตรมาส 1 ปี 2024 ซึ่งสามารถบอกจุดสูงสุดได้ค่อนข้างแม่นยำ หลังจากนั้น ตลาดก็มีการ Sideways down จนถึงปัจจุบัน แต่เมื่อไม่นานมานี้ เกิดการทะยอยเข้าเก็บสะสมของนักลงทุนกลุ่มนี้ขึ้นจนเกือบเท่ากับระดับก่อนหน้า สามารถตีความทางอ้อมได้ว่า Smart Money เริ่มเก็บสะสมและคิดว่าตลาดจะสามารถไปต่อได้ในอนาคต
หากพิจารณา MVRV Z-Score หรือดัชนีชี้วัดกำไรของนักลงทุนเทียบกับต้นทุน จะสังเกตได้ว่า จุดพีคของตลาดในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา MVRV ขึ้นไปสูงสุดที่ 3 ซึ่งนับว่าเป็นจุดที่ค่อนข้างสูงและเป็นจุดเดียวกับในปี 2019 ที่หลังจากนั้นก็มีการพักตัว ก่อนที่จะเกิดตลาดกระทิงรอบใหญ่ในปี 2021 โดยในปัจจุบันได้มีการย่อตัวลงมาอยู่ที่ 1.6 ซึ่งเป็นจุดที่ค่อนข้างกึ่งกลาง ไม่ได้มีการ Overbought หรือ Oversold จนเกินไป เป็นภาพที่คล้ายคลึงกับปี 2019 ที่เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงตลาดกระทิงในอนาคต
$BTC มีการปรับตัวลดลงมาอีกครั้ง โดยในภาพรวมแล้วเป็นการทำ Lower High ซึ่งเป็นการสร้าง Momentum ขาลงให้กับ $BTC ในช่วงข้างหน้านั้นจุดสำคัญคือการที่ราคาไม่ปรับตัวลงต่ำกว่า $56,000 เพราะจะทำให้ราคามีโอกาสลงต่อสูง ถ้าหากราคาสามารถยืนอยู่เหนือแนวรับดังกล่าวได้ $BTC ก็อาจมีการทำชุดสะสม Sideway ไปก่อนในช่วงสัปดาห์ข้างหน้า
แนวต้าน : $61,000 | $67,000 | $73,500
แนวรับ : $56,500 | $52,500 | $48,000
$ETH มีการปรับตัวลงจากกรอบสะสมระยะสั้นอีกครั้ง อย่างไรก็ตามราคาได้ลงมาถึงแนวรับสำคัญบริเวณ $2,400 อีกครั้ง ซึ่งหากสามารถยืนอยู่เหนือราคานี้ได้ก็มีโอกาสที่จะะเกิดการกลับตัวของราคาได้ซึ่งอาจจะอยู่ในรูปแบบ Sideway Up อย่างไรก็ตามหากราคามีการปิดตัวต่ำกว่าแนวรับดังกล่าวก็มีโอกาสที่ $ETH จะย่อไปจนถึง $2,100 ได้เลยเช่นกัน
แนวต้าน : $2,870 | $3,350 | $3,700
แนวรับ : $2,400 | $2,125 | $1,870
“มีความเป็นไปได้สูง” ของการลดดอกเบี้ยของ FED จะมาถึงในเดือนกันยายน และ Bitcoin Dominance ปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงมากกว่า 50% และการมาของ Ethereum spot ETF และมุมมองเชิงบวกมากๆต่อตลาดคริปโทในสหรัฐในเชิงการเมืองที่อาจจะเห็นภาพชัดเจนในไตรมาสที่ 4 และเมื่อพิจารณาตัวเลขเศรษฐกิจที่ผันผวนในสัปดาห์นี้ จึงแนะนำให้นักลงทุนถือสัดส่วนของ Bitcoin เอาไว้เพื่อลด Drawdown โดยรวมของพอร์ต และเพิ่มสัดส่วนของ Ethereum ในพอร์ตเพิ่มขึ้น บวกกับถือสัดส่วนของ Altcoins ที่มีพื้นฐานที่ดีรับสัญญาณของ Altcoins season และเก็บ Stablecoin ที่เป็น USD เพื่อใช้เป็นไม้สำรอง
BITCOIN 40%
SELECTIVE ALTCOINS (ETH, LAYER 2 ,LSD) 40%
STABLECOIN 20%
Disclaimer