October 02, 2024
หมายเหตุ : บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นในทุกวันจันทร์ ดังนั้นบทความบางส่วนอาจจะมีความคลาดเคลื่อนของข้อมูลได้
WEEKLY TONE: BUY WEEK
ด้วยตัวชี้วัดที่ออกมาในสัปดาห์นี้นั้นส่วนใหญ่เป็นแต่ฝั่งแรงงาน อีกทั้งตัวชี้วัดทั้งหมดยังไม่ได้มีการคาดการณ์ที่ทำให้ตลาดนั้นมีแรงขายมาก ทำให้สัปดาห์นี้เป็นอีกหนึ่งสัปดาห์ที่นักลงทุนเริ่มเปิดความเสี่ยง และด้วยการปรับขึ้นมาของราคา Digital asset ในระดับหนึ่งแต่ยังไม่เท่ากับช่วงกลางปีนี้ ทำให้จุด ๆ นี้เป็นอีกจุดนึงที่เหมาะสมในการเข้าสะสมโดยเฉพาะ Altcoins ที่มีการปรับราคาขึ้นมาแต่ยังไม่สูงมาก
ตัวเลขการสำรวจการจ้างงานทุกตำแหน่ง (ที่ยังว่างอยู่) ในทุกวันสุดท้ายของเดือน เป็นส่วนหนึ่งของการสำรวจ "Job Openings and Labor Turnover Survey (JOLTS)" การสำรวจนี้จะรวบรวมข้อมูลจาก 16,400 หน่วยงานนอกภาคเกษตรกรรม ซึ่งรวมถึงร้านค้า และ โรงงาน รวมถึงหน่วยงานรัฐบาลระดับกลาง ภาครัฐ และท้องถิ่นใน 50 รัฐ และ ดิสทริคต์ออฟคอลัมเบีย
คาดการณ์จาก Tradingeconomic: JOLTs Job Opening มีแนวโน้มที่จะลดลงจาก 7.673M เหลือ 7.65M
ตีความอย่างไรต่อตลาด
ในฝั่งของ JOLTs Job Opening การมีแนวโน้มที่จะลดตัวลงของ JOLTs Job Opening เพียงเล็กน้อยไม่ได้มีผลเสียมากเท่ากับการปรับลดลงเยอะ แต่ผลเสียที่มีคือ การเพิ่มขึ้นของอัตราการว่างงานและการลดความสามารถในการต่อรองเรื่องของเงินเดือนของพนักงาน อาจทำให้ผู้บริโภคมีการใช้จ่ายน้อยลง
ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม เป็นรายงานการจ้างงานที่ถูกปล่อยออกมาเป็นระยะๆ โดยทั่วไปจะออกในวันศุกร์แรกของทุกเดือน และมีผลกระทบมากต่อดอลลาร์ของสหรัฐ ตลาดหุ้น และตลาดหลักทรัพย์ Current Employment Statistics (CES) จากหน่วยงานสถิติแรงงานของกรมแรงงานของสหรัฐ ทำการสำรวจประมาณ 141,000 ธุรกิจ หน่วยงานรัฐบาล และ 486,000 ธุรกิจส่วนตัว เพื่อให้ข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับอุตสาหกรรมการจ้างงาน ชั่วโมงทำงาน และรายได้ของคนงานในกลุ่มที่ไม่ใช่ภาคเกษตร
คาดการณ์จาก Tradingeconomic: Non Farm Payrolls มีแนวโน้มที่จะลดลงจาก 142K เป็น 130K
ตีความอย่างไรต่อตลาด
การมีแนวโน้มลดลงของ Non Farm Payrolls สามารถทำให้อัตราการว่างการมีโอกาสที่จะเพิ่มสูงขึ้น และมีโอกาสที่จะลดการใช้จ่ายของผู้บริโภคลงอีกด้วย การลงทุนในตลาดแรงงานที่เป็นแบบนี้นักลงทุนอาจเลือกขายสินทรัพย์เสี่ยงมากไปถือสินทรัพย์ที่เสี่ยงน้อยกว่า
Unemployment rate คือ อัตราการว่างงานเป็นสัดส่วนจากประชาการที่อยู่ในวัยทำงานทั้งหมด ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดถึงสภาพตลาดแรงงาน และสะท้องถึงกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวม อัตราว่างงานที่สูงบ่งบอกถึงสภาวะเศรษฐกิจที่จะลอตัวลงหรือแม้กระทั้งหดตัวลง
คาดการณ์จาก Tradingeconomic: Unemployment Rate มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นจาก 4.2% เป็น 4.3%
ตีความอย่างไรต่อตลาด
การลดลงของ Unemployment Rate อาจบ่งบอกถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจ และลดการใช้จ่ายของผู้บริโภค แต่ด้วยการที่มีการคาดการณ์ว่าจะลดตัวลงเพียงนิดเดียว อาจไม่ได้มีความผันผวนที่รุนแรง
Key Event ที่น่าสนใจที่จะเกิดขึ้นในสัปดาห์และอาจจะทำให้เกิดความผันผวนกับสินทรัพย์ดิจิทัล
30 กันยายน
1 ตุลาคม
2 ตุลาคม
ในส่วนของ Funding rate สำหรับอาทิตย์นี้มีการปรับตัวขึ้นเล็กน้อย หลายเหรียญมีการปรับตัวขึ้นเป็นบวก แต่ก็ยังถือว่าเป็นระดับที่ต่ำอยู่ บ่งบอกถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนในตลาดที่เพิ่มขึ้น โดยมีการเปิดสถานะลองมากกว่าสถานะชอร์ต ประกอบกับการที่ราคาของ Bitcoin และหลายเหรียญปรับตัวขึ้น สามารถตีความได้ว่า แรงซื้อส่วนใหญ่มาจากการเปิดสถานะ Spot มากกว่า Futures ซึ่งเป็นสภาพตลาดที่ค่อนข้างดี
ในฝั่งของ Bitcoin Open Interest มีการปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย ถึงแม้จะยังไม่ได้สูงเท่ากับช่วง All Time High แต่ก็แสดงถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่เพิ่มขึ้น หลังจากการประกาศลดอัตราดอกเบี้ยของ FED ถึง 50 BPS พร้อมกับความมั่นใจว่าเศรษฐกิจยังแข็งแกร่ง และมีโอกาสที่จะเกิด Recession ต่ำ
ในส่วนของ Bitcoin ETF Flow ในสัปดาห์ที่ผ่านมามีกระแสเงินไหลเข้าจาก Spot Bitcoin ETFs รวมเป็นจำนวนทั้งสิ้น 1,106.5 ล้านเหรียญ ซึ่งนับว่าเป็นสัปดาห์ที่มีแรงซื้อเข้ามาทุกวันเป็นจำนวนมาก ประกอบกับแรงขายจาก GBTC ที่แทบจะไม่มีแล้ว แสดงถึงความมั่นใจในตลาดของนักลงทุนสถาบันที่กลับมาจากปัจจัยด้าน Macroeconomics
ในส่วนของ Ethereum ETF Flow ในสัปดาห์ที่ผ่านมามีกระแสเงินไหลเข้าทั้งสิ้น 85 ล้านเหรียญ ซึ่งนับว่าเป็นสัปดาห์ที่ดีของ Ethereum ETF เนื่องจากมีเม็ดเงินจำนวนมากแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อนจาก ETHA และ FETH เหตุการณ์นี้น่าจะมาจากการที่นักลงทุนสถาบันหลายคนเฝ้ารอให้แรงเทขายของ ETHE หมดไปก่อน เพื่อหาจุดที่ดีในการเข้าสะสม ประกอบกับความชัดเจนทางด้านเศรษฐกิจ ทำให้เป็นภาพที่ดีขึ้นของ Ethereum
เนื่องจากภาพ Macroeconomics ในเดือนกันยายนค่อนข้างเป็นบวก จากการที่ FED ปรับลดอัตราดอกเบี้ยถึง 50 BPS ส่งผลให้การดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารในประเทศอื่นผ่อนคลายลงไปด้วย โดยเฉพาะธนาคารกลางจีน ที่มีการทำนโยบายผ่อนคลายทั้งการเงินและการคลัง ทำให้สภาพคล่องของทั้งโลกเพิ่มขึ้น และกลายเป็นปัจจัยบวกต่อทุกสินทรัพย์
หลังจากตลาดที่ Sideways Down มาตลอดในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี ตลาดคริปโตเคอร์เรนซีสามารถ Rebound กลับมาได้จากปัจจัย Macroeconomics ที่ส่งเสริม นักลงทุนมีการเพิ่มความเสี่ยงทั้งใน Bitcoin และ Altcoins หากสังเกตจากค่าแก๊สบน Ethereum ที่อยู่ในระดับต่ำมายาวนาน ถึงแม้จะมีความพยายามที่จะ Rebound ของตลาดหลายต่อหลายครั้ง แต่ตัวชี้วัดนี้ก็ไม่เคยเพิ่มขึ้นเลย จนถึงสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้มีการเติบโตของค่าแก๊สบน Ethereum กว่า 498% ทะลุค่าเฉลี่ย 30 วันย้อนหลัง การเพิ่มขึ้นครั้งนี้ เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดที่นักลงทุนในตลาดกลับมาให้ความสนใจและ Risk-on อีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาประกอบกับ Sentiment ของนักลงทุนในตลาดด้วยค่า Premium ที่ผู้ถือสัญญาฝั่ง Long ต้องจ่ายให้กับฝั่ง Short ใน 30 วันที่ผ่านมานั้น มีมูลค่าอยู่ที่ $10.7M จะเห็นได้ว่า มีการเติบโตเพียงเล็กน้อย เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงที่ตลาด Rally ในเดือนมีนาคมที่พีคถึง $120M สามารถตีความได้ว่า นักลงทุนมีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย แต่ยังไม่ได้ Bullish จนเกินไป ทำให้การเปิดสัญญาฝั่ง Long ไม่ได้สูงเหมือนในช่วงที่นักลงทุนมองตลาดในแง่บวกสุดขีด และมีพื้นที่ในการเติบโตของตลาดในช่วงไตรมาสที่ 4 อีกมาก
$BTC ขึ้นมาติดแนวต้านกรอบ $66,000 - $67,000 และมีการย่อตัวลงมา โดยในระยะสั้นอาจย่อลงมาถึงบริเวณ $62,000 ได้ หากราคาหลังจากย่อลงมานั้นไม่ได้ปิดต่ำกว่า $62,000 ก็อาจเป็นเพียงการย่อเพื่อขึ้นต่อเท่านั้น โดยราคาที่ขึ้นไปอาจไปถึง $70,000 ได้ ในกรณีที่ราคามีการปรับตัวย่อลงต่ำกว่า $62,000 ก็มีแนวโน้มว่าราคาอาจจะ Sideway ออกไปก่อนในช่วงสัปดาห์ข้างหน้านี้เพื่อสร้างชุดสะสมก่อนที่จะมีการเคลื่อนที่รุนแรงต่อไป
แนวต้าน : $67,000 | $72,000 | $76,500
แนวรับ : $61,000 | $56,500 | $52,000
$ETH ได้ปรับตัวย่อลงหลังจากขึ้นไปติดแนวต้านบริเวณ $2,700 โดยมุมมองในระยะสั้นนั้น $ETH อาจย่อลงมาที่บริเวณ $2,400 อีกครั้งหนึ่งได้ ซึ่งอาจสอดคล้องกับการลงมาทดสอบแนวรับ Trendline ใน RSI โดยหากไม่หลุดแนวดังกล่าวก็อาจจะเป็นมุมมอง Momentum ขาขึ้นของ $ETH ได้ในรูปแบบการทำ Higher High ได้ แต่อย่างไรก็ตามหากยังมีการปรับตัวลดลงต่ำลงไปอีกก็อาจจะเป็นการเคลื่อนที่ Sideway Down ต่อไปในภาพใหญ่ได้
แนวต้าน : $2,870 | $3,350 | $3,700
แนวรับ : $2,400 | $2,150 | $1,880
ตลาดกำลังมองเห็นโอกาสของเกิด Soft landing ของเศรษฐกิจสหรัฐหลังจากการลดดอกเบี้ยของ FED ทำให้ตลาดเริ่มเปิดความเสี่ยงมากขึ้น ขณะที่ Bitcoin Dominance ปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงมากกว่า 50% ผนวกกับการมาของ Ethereum และ Bitcoin spot ETF / Options และมุมมองเชิงบวกมากๆต่อตลาดคริปโทโดยรวม ในสหรัฐในเชิงการเมืองที่อาจจะเห็นภาพชัดเจนในไตรมาสที่ 4 และเมื่อพิจารณาตัวเลขเศรษฐกิจที่ผันผวนในสัปดาห์นี้ จึงแนะนำให้นักลงทุนถือสัดส่วนของ Bitcoin เอาไว้เพื่อลด Drawdown โดยรวมของพอร์ต และเพิ่มสัดส่วนของ Ethereum ในพอร์ตเพิ่มขึ้น บวกกับถือสัดส่วนของ Altcoins ที่มีพื้นฐานที่ดีรับสัญญาณของ Altcoins season และเก็บ Stablecoin ที่เป็น USD เพื่อใช้เป็นไม้สำรอง
Disclaimer