รวมวิธีดูกราฟคริปโตฯ ไม่ยากอย่างที่คิด!

มิถุนายน 21, 2024

thumbnail

ดูกราฟคริปโตฯ ไม่ได้ยากอย่างที่ทุกคนคิด ซึ่งการที่เราจะรู้จุดเข้าและจุดออกของแต่ละเหรียญก็สามารถดูได้จากกราฟเช่นเดียวกัน เมื่อเรามีความรู้พื้นฐานในการดูกราฟคริปโตฯ ก็สามารถสร้างความได้เปรียบในการลงทุนได้อย่างมาก ในบทความนี้จะมาแบ่งประเภทของกราฟ และสอนการดูกราฟพื้นฐานกัน

 

ประเภทของกราฟ Crypto มีอะไรบ้าง?

 

นักลงทุนบางประเภทในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลนั้นรู้จักแต่การลงทุนแบบใช้ปัจจัยพื้นฐานหรือ Fundamental Analysis ในการเลือกเหรียญคริปโตฯ ในการลงทุน เรามาดูกันว่ากราฟคริปโตฯ นั้นหลัก ๆ มีกี่ประเภทและมีอะไรบ้าง

 

  1. กราฟคริปโตแบบแท่งเทียน หรือ Candlesticks 
  2. กราฟคริปโตแบบแท่ง หรือ Bar Chart 
  3. กราฟคริปโตแบบเส้น หรือ Line Chart  

 

วิธีดูกราฟแท่งเทียน

กราฟคริปโตฯ แบบแท่งเทียนหรือ Candlesticks นั้นจริง ๆ แล้วไม่ได้ดูยากอย่างที่ทุกคนหรือนักลงทุนมือใหม่คิด การที่ตัวนักลงทุนเองนั้นมีพื้นฐานในด้านของการดูกราฟทำให้นักลงทุนนั้นได้เปรียบในเรื่องการเข้าซื้อและการขายที่สามารถทำกำไรได้มากที่สุดอย่างมาก 

กราฟคริปโตฯ แบบแท่งเทียนเป็นที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในหมู่นักลงทุนในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล และแม้แต่การลงทุนในหุ้นก็มีการใช้กราฟแท่งเทียนกันเยอะมาก และกราฟแท่งเทียนยังสามารถแสดงประวัติของราคาในแต่ละเหรียญได้อีกด้วย ทำให้การวิเคราะห์กราฟคริปโตฯ ในวันนี้หรือในปัจจุบันของนักลงทุนสามารถสร้างประโยชน์ได้เพิ่มมากขึ้น

 

วิธีดูกราฟแท่งเทียน

 

ตัวกราฟแท่งเทียนสีเขียวแสดงถึงราคาปิดนั้นสูงกว่าราคาเปิด และกราฟสีแดงแสดงถึงกราฟราคาปิดที่ต่ำกว่าราคาเปิด คำว่า High หมายถึงราคาสูงสุด ณ แท่งเทียนนั้น และ Low หมายถึงราคาที่ต่ำที่สุด ณ แท่งเทียนนั้น Opening หมายถึงราคาเปิด ณ แท่งเทียนอันนั้น Closing หมายถึงราคาปิด ณ แท่งเทียนแท่งนั้น โดยที่นักลงทุนสามารถเลือก Time Frame หรือเวลาในแต่ละแท่งเทียนได้ โดยที่ส่วนใหญ่นักลงทุนที่ลงทุนในระยะสั้นจะดู Time Frame ที่ 1 นาที 3 นาที 5 นาที หรือ 15 นาที และนักลงทุนที่ต้องการดูภาพที่ใหญ่กว่านี้ก็จะดู Time Frame 1 ชั่วโมง 4 ชั่วโมง หรือ 1 วัน แต่นักลงทุนบางประเภทก็เลือกใช้ Time Frame ที่ไม่ได้กล่าวไป อย่างไรก็ตามการใช้ Time Frame เวลาไหน มันขึ้นอยู่กับตัวนักลงทุนที่มีความถนัดในการดู Time Frame แบบไหน และนักลงทุนต้องการที่จะเทรดคริปโตฯ แบบระยะสั้นหรือระยะยาว

 

การที่ดูรูปแบบของกราฟคริปโตฯ แบบแท่งเทียนสามารถวิเคราะห์แนวโน้มของราคาได้เช่นเดียวกัน

 

Hammer

1. Hammer

เป็นแท่งเทียนแบบมีตัวที่สั้นแต่มีหางที่ยาว และที่สำคัญต้องเป็นสีเขียวหรือราคาปิดมากกว่าราคาเปิดนั่นเอง แท่งเทียนนี้แสดงถึงราคาของเหรียญที่มีการขายในช่วงเวลาแรกที่แท่งเทียนเปิด และมีการซื้อมากกว่าการขายจนทำให้มีราคาปิดนั้นสูงกว่าราคาเปิดนั่นเอง และหากว่ากราฟนั้นกำลังเป็นขาลง Hammer นี้อาจมีโอกาสเป็นจุดเปลี่ยนจากขาลงเป็นขาขึ้นก็เป็นได้

 

Invert Hammer

2. Invert Hammer

เปรียบเสมือนกับ Hammer แต่แตรงกันข้าม Invert Hammer คือแท่งเทียนที่มีราคาปิดสูงกว่าราคาเปิดทำให้ตัวแท่งเทียนนั้นมีสีแดงและมีหางที่อยู่ด้นนบนแท่นเทียนนี้จะแสดงถึงการที่มีแรงซื้อมากในช่วงแรกแต่แรงขายนั้นเยอะกว่าจนทำให้ราคามาปิดนั้นต่ำมาก เป็นเสมือนรูปค้อนกลับหัวนั้นเอง และแท่นเทียนแบบนี้แสดงถึงแรงขายที่สูงกว่าแรงซื้อ และมีแนวโน้มว่าราคาเหรียญนั้นจะลงต่อ

 

Bullish Engulfing

3. Bullish Engulfing

แท่งเทียนแบบนี้จะประกอบไปด้วยแท่งเทียน 2 อันด้วยกัน แท่งแรกจะต้องเป็นสีแดงและมีตัวแท่งเทียนที่ใหญ่กว่าหาง และโดยรวมแล้วแท่งเทียนอันแรกต้องมีขนาดเล็กกว่าแท่งเทียนอันที่สอง และแท่งที่สองต้องเป็นสีเขียว และราคาเปิดของแท่งที่ 2 นั้นต้องมีราคาเปิดที่ต่ำกว่าแท่งเทียนอันแรก และต้องมีราคาปิดที่สูงกว่าแท่งแรกอย่างมาก หากมีการเกิดแท่งเทียนแบบนี้ตอนราคาเหรียญเป็นขาลง อาจเกิดการปรับตัวของราคาเหรียญจากขาลงเป็นขาขึ้นได้

 

Bearish Engulfing

4. Bearish Engulfing

เหมือนกับ Bullish Engulfing แต่ว่าเป็นทางตรงกันข้าม การที่เกิด Bearish Engulfing ในขณะที่เป็นขาขึ้นของราคา การที่แท่งที่สองเปิดสูงกว่าแท่งแรกและราคาปิดต่ำกว่าแท่งแรก อาจจะเกิดการกลับตัวเป็นขาลงได้

 

Bullish Doji

Bullish Doji

คือแท่งเทียนที่มีลักษณะคล้ายเครื่องหมายบวก โดยลักษณะจะมีราคาปิดที่สูงกว่าราคาเปิดเล็กน้อยทำให้ตัวแท่งเทียนนั้นเป็นสีเขียว หากเกิดแท่งเทียนนี้ในขาลงและแท่งเทียนต่อไปมีราคาเปิดที่สูงกว่าแท่งเก่า อาจมีการกลับตัวเป็นขาขึ้นได้

 

Bearish Doji

6. Bearish Doji

คือแท่งเทียนที่มีความหมายตรงข้ามกับ Bullish Doji ที่มีแท่งเทียนเป็นสีแดง หากเกิดแท่งเทียนนี้ในขณะที่เป็นขาขึ้นและแท่งเทียนต่อไปราคาต่ำกว่าแท่งเทียนอันก่อน อาจจะทำให้ราคาปรับตัวเป็นขาลงได้

 

โดยสรุปแล้วการใช้แท่งเทียนดูแนวโน้มของราคาสามารถบ่งบอกแนวโน้มของราคาเหรียญในระยะสั้นได้ อย่างไรก็ตามนักลงทุนต้องศึกษา Indicator หรือเครื่องมือช่วยวิเคราะห์ในเชิงเทคนิคเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด

 

รูปแบบกราฟ (Chart Pattern) คืออะไร?

รูปแบบของกราฟคริปโตฯ เป็นสิ่งที่มักจะถูกนำมาใช้วิเคราะห์ราคาของเหรียญเพื่อลดความคลาดเคลื่อนของราคาซื้อหรือขายที่นักลงทุนต้องการจะลงทุน และที่สำคัญคือรูปแบบของกราฟนั้นน่าเชื่อถือมากกว่ารูปแบบของแท่งเทียน โดยทั่วไปแล้วนักลงทุนจะใช้ทั้งแท่งเทียนและรูปแบบกราฟเพื่อลดความคลาดเคลื่อนในราคาที่ตนเองต้องการซื้อหรือขาย และต่อไปจะเป็นรูปแบบของกราฟที่นิยมใช้กัน

1. Ascending/Descending Triangle

Ascending/Descending Triangle
Source: https://changelly.com/blog/crypto-chart-patterns/  

กราฟคริปโตฯ แบบนี้จะช่วยคาดการณ์แนวโน้มของราคาว่าจะลดลงหรือเพิ่มขึ้น และรวมไปถึงการกลับตัวของราคาที่อาจจะสร้างอิทธิผลการซื้อหรือขายให้นักลงทุนได้อีกด้วย โดยการตีเส้นในกราฟนี้จะแบ่งเป็นสองเส้น เส้นแรกคือเส้นนอน และเส้นที่สองคือเส้นเฉียง การตีเส้นนั้นต้องกำหนดแนวรับหรือแนวต้านซึ่งเป็นเส้นนอน และกำหนดเส้นเฉียงตามกราฟที่เป็นขาขึ้นหรือขาลง นักลงทุนสามารถดูตามภาพได้เพื่อเพิ่มเติมความเข้าใจในกราฟนี้ และหากราคาเหรียญในสินทรัพย์ดิจิทัลสามารถผ่านแนวรับหรือแนวต้านได้แล้ว ก็ถือว่าจะเป็นการยืนยันและคอนเฟิร์มแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นตามภาพด้านบน

 

2. Rising/Falling Wedge

Rising/Falling Wedge
Source: https://changelly.com/blog/crypto-chart-patterns/ 

กราฟคริปโตแบบ Rising/Falling Wedge นั้นคือรูปแบบที่คล้ายคลึงกับสามเหลี่ยม แต่จะมีเส้นที่เป็นเฉียงสองเส้นด้วยกัน และกราฟ Rising/Falling Wedge นั้นสามารถใช้ได้ทั้งขาขึ้นและขาลงอีกด้วย 

 

3. Head and Shoulders

Head and Shoulders
Source: https://changelly.com/blog/crypto-chart-patterns/ 

รูปแบบกราฟนี้นั้นอาจจะมองยากและใช้เวลานานกว่ากราฟอื่นกว่าจะเกิดกราฟนี้ขึ้นมา กราฟ Head and Shoulders มักจะบ่งบอกถึงจุดพีคที่สุดในช่วงขาขึ้น ณ เวลานั้นและจะกลับตัวเป็นขาลงอย่างรวดเร็ว โดยตัวกราฟจะมีส่วนสำคัญทั้งหมดสามส่วนคือ Left Shoulder นั้นคือด้านซ้ายมือของกราฟที่แสดงอยู่ด้านบน เป็นจุดแรกที่มีการขึ้นไปแตะ Left Shoulder และลงมา และจุดที่สองคือ Head ที่แสดงถึงราคาของเหรียญในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลที่สูงที่สุดในกราฟแบบนี้ และหลังจาก Head จะมีการปรับตัวลงของราคาต่อไปจนไปเป็นขาขึ้นที่เป็น Right Shoulder พอถึง Right Shoulder แล้วราคาของเหรียญก็จะปรับตาเป็นขาลงต่อไป โดยที่มาของคำว่า Head and Shoulder คือกราฟคริปโตฯ แบบนี้มันจะเปรียบเสมือนกับหัวและไหล่ของคนนั้นเอง ไหล่ซ้ายและไหล่ขวาจะสูงพอๆกัน และหัวก็จะสูงที่สุด และถ้าหากกราฟ Head and Shoulder เกิดในลักษณะตรงกันข้ามหรือกลับหัว กราฟแบบนี้จะหมายถึงการจบสิ้นของขาลงในเหรียญนั้น และจะเปลี่ยนเป็นขาขึ้นต่อไป

 

4. Double Bottom/Top

Double Bottom/Top
Source: https://changelly.com/blog/crypto-chart-patterns/ 

กราฟคริปโตฯ แบบ Double Bottom/Top เป็นรูปแบบกราฟที่เห็นได้ค่อนข้างที่จะบ่อยในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล กราฟแบบ Double Bottom/Top จะเป็นสัญญาณของกลับตัวของราคาเหรียญคริปโตฯ ด้วยกราฟนี้แสดงถึงราคาที่เคลื่อนที่ไปหาแนวต้านสองรอบและไม่สามารถทะลุแนวต้านได้ จึงทำให้มีโอกาสสูงในการกลับตัวของราคาไปอีกทิศทางนึงได้

 

รูปแบบของกราฟคริปโตฯ นั้นส่วนใหญ่แล้วต้องใช้คู่กับตัวช่วยเทคนิคอื่น ๆ หรือ Indicator ในการดูกราฟ ไม่เช่นนั้น นักลงทุนอาจถูกกราฟหลอกได้ หลายครั้งที่รูปแบบของกราฟเป็นไปตามที่ตัวนักลงทุนคิดแต่พอมาถึงการกลับตัวของราคาแล้วอาจไม่ได้มีการกลับตัวของราคาให้นักลงทุนได้เห็น ทำให้การดูรูปแบบกราฟเพียงอย่างเดียว อาจทำให้เกิดความเสี่ยงในการลงทุนได้ การเรียนรู้ทั้งรูปแบบกราฟแท่งเทียนและรูปแบบของกราฟถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการซื้อขายสกุลเงินดิจิตอลให้ประสบความสำเร็จ รูปแบบเหล่านี้ ที่พร้อมด้วยตัวบ่งชี้ทางเทคนิคเพิ่มเติมหรือ Technical Analysis จะแสดงให้เห็นถึงข้อมูลเชิงลึกที่เกี่ยวกับแนวโน้มของตลาด อย่างไรก็ตามนักลงทุนควรวิเคราะห์กราฟด้วยความระมัดระวัง โดยผสมผสานการบริหารความเสี่ยงและกลยุทธ์ที่หลากหลายเพื่อคาดการณ์ราคาเหรียญในตลาดอย่างมีประสิทธิภาพที่สุด

 

หมายเหตุ

 

คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวนและสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยง และ ผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอนาคต โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้

เรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

Merkle Capital คือผู้จัดการเงินทุนสินทรัพย์ดิจิทัลแห่งแรกในประเทศไทย ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานก.ล.ต. บริษัทให้การดูแลและบริหารเงินลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลแก่ลูกค้าด้วยกลยุทธ์ที่หลากหลายโดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนและการบริหารจัดการ