มิถุนายน 24, 2024
ในยุคที่เทคโนโลยีและอินเทอร์เน็ตกลายเป็นส่วนสำคัญของชีวิตประจำวันของเรา คำว่า "Cryptojacking" หรือ "การขโมยทรัพยากรคอมพิวเตอร์เพื่อขุดคริปโตฯ" เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น การขุดเหรียญคริปโตฯ (Crypto Mining) เป็นกระบวนการที่ใช้คอมพิวเตอร์ในการยืนยันการทำธุรกรรมในเครือข่ายบล็อกเชน (Blockchain) ซึ่งเป็นหัวใจหลักของการทำงานของสกุลเงินดิจิทัลต่าง ๆ เช่น Bitcoin Ethereum Cryptojacking เกิดขึ้นเมื่อแฮกเกอร์แอบใช้ทรัพยากรของคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้งานโดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อขุดคริปโตฯ แทนที่จะแฮกเกอร์จะลงทุนในฮาร์ดแวร์ที่มีค่าใช้จ่ายสูง พวกเขาเลือกที่จะใช้ทรัพยากรจากคอมพิวเตอร์ของผู้อื่น ทำให้เกิดความเสียหายต่อผู้ใช้งานทั้งในด้านประสิทธิภาพของคอมพิวเตอร์ที่ลดลง ค่าไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น และความปลอดภัยของข้อมูลที่เสี่ยงต่อการถูกละเมิด เราจะไปทำความรู้จักกับ Cryptojacking โดยละเอียด ทั้งวิธีการทำงาน สัญญาณเตือนภัยที่ควรระวัง และวิธีการป้องกันตัวเองจากภัยคุกคามนี้ เพื่อให้คุณสามารถปกป้องทรัพยากรคอมพิวเตอร์และข้อมูลส่วนตัวของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Cryptojacking คือการโจมตีทางไซเบอร์ที่มีเป้าหมายในการขโมยพลังประมวลผลของเครื่องคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ เพื่อขุดเหรียญคริปโตเคอเรนซี (Cryptocurrency) โดยผู้โจมตีจะฝังซอฟต์แวร์ขุดเหรียญคริปโตฯ ที่เรียกว่า Cryptojacking Script ลงในอุปกรณ์ของเหยื่อโดยไม่ให้เจ้าของอุปกรณ์ทราบ เมื่อซอฟต์แวร์นี้ทำงาน มันจะใช้ทรัพยากรของอุปกรณ์ในการขุดเหรียญและส่งผลให้เครื่องทำงานช้าลง เกิดความร้อนสูง และอาจทำให้อายุการใช้งานของอุปกรณ์ลดลง
Cryptojacking นับเป็นปัญหาที่ต้องการความระมัดระวังและการดูแลจากผู้ใช้งานทุกคน เนื่องจากการโจมตีแบบนี้สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อและอาจส่งผลกระทบต่อการทำงานของอุปกรณ์และค่าใช้จ่ายของเรา การรู้จักและเข้าใจวิธีการทำงานและการป้องกัน Cryptojacking จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้เราสามารถใช้งานอุปกรณ์ของเราได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
หนึ่งในภัยคุกคามที่เกิดขึ้นและกำลังแพร่หลายคือ Cryptojacking หรือการใช้ทรัพยากรของเครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นในการขุดเหมืองเงินดิจิทัลโดยไม่ได้รับอนุญาต ปัญหาของ Cryptojacking ที่แพร่หลายคือมันสามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ที่มีการใช้อินเทอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็นในบ้านหรือในองค์กรขนาดใหญ่ ทั้งนี้เพราะโค้ดขุดเหมืองสามารถฝังอยู่ในเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันที่ผู้ใช้งานปกติไม่สามารถสังเกตเห็นได้ นอกจากนี้ยังมีรายงานว่ามีการใช้สคริปต์ Cryptojacking ในโปรแกรมหรือแอปพลิเคชันที่ดูไม่มีพิษภัย ทำให้การตรวจจับและป้องกันยิ่งยากขึ้นไปอีก การแพร่หลายของ Cryptojacking ยังเป็นผลมาจากความนิยมที่เพิ่มขึ้นของเงินดิจิทัลซึ่งมีมูลค่าสูง ทำให้แฮกเกอร์เห็นโอกาสในการแสวงหากำไรจากการขุดเหมืองเงินดิจิทัลโดยไม่ต้องลงทุนทรัพยากรเครื่องของตนเอง การขุดเหมืองด้วยวิธีนี้ทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้เสียหายมีประสิทธิภาพลดลง ใช้พลังงานไฟฟ้ามากขึ้น และอาจทำให้อายุการใช้งานของเครื่องลดลง
Cryptojacking กำลังเป็นที่แพร่หลายและกลายเป็นภัยคุกคามที่สำคัญในโลกดิจิทัลในปัจจุบัน การขุดเหมืองเงินดิจิทัลโดยไม่ได้รับอนุญาตนี้เกิดขึ้นจากแฮกเกอร์ที่แฝงตัวเข้ามาในระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นเพื่อใช้ทรัพยากรของเครื่องในการขุดเหมือง โดยที่เจ้าของเครื่องไม่ทราบหรือไม่ได้ให้ความยินยอม การเพิ่มขึ้นของ Cryptojacking เป็นผลมาจากมูลค่าที่สูงขึ้นของเงินดิจิทัลและการพัฒนาเทคนิคที่ซับซ้อนขึ้นในการโจมตี ผู้ใช้จึงควรตระหนักถึงความเสี่ยงและป้องกันตนเองด้วยการใช้เครื่องมือและโปรแกรมที่เหมาะสมเพื่อลดโอกาสในการตกเป็นเหยื่อของการโจมตีดังกล่าว
วิธีการทำงานของ Cryptojacking
Cryptojacking ทำงานอย่างไร? เมื่อซอฟต์แวร์ Cryptojacking ถูกติดตั้งในคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ มันจะเริ่มทำงานโดยใช้ทรัพยากรของเครื่องนั้นในการขุดเงินดิจิทัล เช่น พลังงานจาก CPU หรือ GPU ทำให้เครื่องทำงานช้าลงและมีอุณหภูมิสูงขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถทำให้ค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้นได้เนื่องจากการประมวลผลที่ต่อเนื่องและยาวนาน ซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการทำ Cryptojacking มักถูกซ่อนอยู่ในรูปแบบของโค้ด JavaScript ที่ฝังอยู่ในเว็บไซต์ เมื่อผู้ใช้เข้าไปเยี่ยมชมเว็บไซต์ที่มีโค้ดเหล่านี้ โค้ดจะเริ่มทำงานทันทีที่เบราว์เซอร์เปิดเว็บไซต์ ทำให้ผู้ใช้งานไม่ได้สังเกตเห็นการประมวลผลที่เกิดขึ้น
กระบวนการทำงาน
การแพร่กระจายของสคริปต์ Cryptojacking อาจเกิดขึ้นผ่านการโจมตีแบบ Phishing การฝังสคริปต์ในโฆษณาออนไลน์ หรือการแฮกเว็บไซต์ที่มีผู้เข้าชมมากมาย เมื่อผู้ใช้เข้าชมเว็บไซต์ที่มีสคริปต์นี้ สคริปต์จะถูกโหลดเข้าสู่เบราว์เซอร์และเริ่มทำงานทันที
เมื่อสคริปต์เริ่มทำงาน มันจะใช้พลังงานจาก CPU และ GPU ของอุปกรณ์ในการขุดคริปโตเคอร์เรนซี กระบวนการนี้อาจทำให้คอมพิวเตอร์ทำงานช้าลงอย่างมีนัยสำคัญเนื่องจากทรัพยากรที่ถูกใช้ไป
สคริปต์จะส่งข้อมูลที่ได้จากการขุดคริปโตเคอร์เรนซีกลับไปยังผู้โจมตี ซึ่งจะได้รับประโยชน์จากคริปโตเคอร์เรนซีที่ถูกขุดขึ้นมาโดยไม่ได้เสียค่าใช้จ่ายด้านพลังงานหรืออุปกรณ์
ผลกระทบ
Cryptojacking ส่งผลกระทบอย่างมากต่อประสิทธิภาพของอุปกรณ์ ผู้ใช้จะพบว่าคอมพิวเตอร์ทำงานช้าลง พลังงานถูกใช้มากขึ้น ซึ่งอาจทำให้บิลค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้น และหากฮาร์ดแวร์ทำงานหนักเกินไป อาจทำให้เกิดความเสียหายต่ออุปกรณ์ในระยะยาว นอกจากนี้ องค์กรที่ถูกโจมตีโดย Cryptojacking อาจต้องเผชิญกับการลดลงของประสิทธิภาพในการทำงานของระบบและเครือข่ายทั้งหมด
Cryptojacking กำลังกลายเป็นภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในโลกดิจิทัลปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่การใช้สกุลเงินดิจิทัลและเทคโนโลยีบล็อกเชนได้รับความนิยมมากขึ้น Cryptojacking คือการโจมตีที่แฮกเกอร์ใช้เพื่อเข้าควบคุมเครื่องคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ต่าง ๆ ของผู้ใช้ โดยไม่ต้องการการยินยอม เพื่อทำการขุดเหมืองสกุลเงินดิจิทัล เป้าหมายของการโจมตีนี้คือการใช้ทรัพยากรของอุปกรณ์ของผู้ใช้ในการสร้างกำไรให้กับแฮกเกอร์โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ บทความนี้จะสำรวจประเภทต่าง ๆ ของ Cryptojacking และวิธีการทำงานของแต่ละประเภท
Cryptojacking สามารถแบ่งออกได้เป็นหลายประเภทตามวิธีการและเทคนิคที่ใช้ โดยหลักๆ สามารถแบ่งได้เป็นสองประเภทใหญ่ ๆ ได้แก่ Cryptojacking ผ่านเว็บเบราว์เซอร์ และ Cryptojacking ผ่านมัลแวร์
1. Cryptojacking ผ่านเว็บเบราว์เซอร์
Cryptojacking ผ่านเว็บเบราว์เซอร์หรือที่เรียกว่า “Browser-based Cryptojacking” เป็นประเภทที่แฮกเกอร์จะฝังสคริปต์ที่ออกแบบมาเพื่อขุดเหมืองสกุลเงินดิจิทัลลงในเว็บไซต์ เมื่อผู้ใช้เข้าชมเว็บไซต์ดังกล่าว สคริปต์จะทำงานและใช้ทรัพยากรของระบบ เช่น CPU ของผู้ใช้ในการขุดเหมือง สคริปต์เหล่านี้มักจะถูกฝังในโฆษณาหรือส่วนประกอบของเว็บไซต์ ทำให้ผู้ใช้ไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกโจมตี
2. Cryptojacking ผ่านมัลแวร์
Cryptojacking ผ่านมัลแวร์เป็นอีกประเภทหนึ่งที่แฮกเกอร์ใช้ซอฟต์แวร์ที่เป็นอันตรายในการเข้าควบคุมเครื่องคอมพิวเตอร์ของเหยื่อ มัลแวร์เหล่านี้สามารถแพร่กระจายผ่านอีเมลฟิชชิ่ง ดาวน์โหลดจากเว็บไซต์ที่ไม่น่าเชื่อถือ หรือแม้กระทั่งผ่านการใช้โปรแกรมที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย เมื่อมัลแวร์ติดตั้งในระบบของเหยื่อแล้ว มันจะเริ่มทำการขุดเหมืองสกุลเงินดิจิทัลโดยใช้ทรัพยากรของระบบ ทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานช้าลงและอาจเกิดความเสียหายทางด้านฮาร์ดแวร์
Cryptojacking คือภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่นับวันยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น เนื่องจากความนิยมของสกุลเงินดิจิทัลที่เพิ่มมากขึ้น การเข้าใจประเภทต่าง ๆ ของ Cryptojacking และวิธีการทำงานของมันเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันและรับมือกับภัยคุกคามนี้ ผู้ใช้ควรตระหนักถึงความเสี่ยงและหาวิธีป้องกันตัวเอง เช่น การใช้โปรแกรมป้องกันมัลแวร์ที่มีประสิทธิภาพ การอัพเดทซอฟต์แวร์เป็นประจำ และหลีกเลี่ยงการดาวน์โหลดไฟล์หรือโปรแกรมจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ เพื่อป้องกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของ Cryptojacking
การป้องกัน Cryptojacking ควรเริ่มต้นจากการอัปเดตซอฟต์แวร์และระบบปฏิบัติการให้เป็นปัจจุบัน รวมถึงการใช้โปรแกรมแอนตี้ไวรัสและแอนตี้มัลแวร์ที่สามารถตรวจจับและกำจัดสคริปต์ขุดเหรียญได้ นอกจากนี้ การใช้เบราว์เซอร์ที่มีปลั๊กอินป้องกัน Cryptojacking และการหลีกเลี่ยงการคลิกไฟล์แนบที่ไม่รู้จักก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยลดความเสี่ยงในการตกเป็นเหยื่อของการโจมตี Cryptojacking
วิธีป้องกัน Cryptojacking
การป้องกัน Cryptojacking จำเป็นต้องมีการตั้งค่าและใช้เครื่องมือรักษาความปลอดภัยหลายประการเพื่อป้องกันการติดตั้งมัลแวร์ขุดคริปโตฯ โดยมีวิธีป้องกันดังนี้:
1. ติดตั้งและอัปเดตโปรแกรมป้องกันไวรัสและมัลแวร์
2. ใช้งานส่วนขยายเบราว์เซอร์ป้องกัน Cryptojacking
3. ระมัดระวังการคลิกลิงก์ในอีเมลและเว็บไซต์
4. อัปเดตซอฟต์แวร์และระบบปฏิบัติการอย่างสม่ำเสมอ
5. ตรวจสอบการใช้งาน CPU อย่างสม่ำเสมอ
6. ใช้ระบบการกรองเครือข่าย
7. การอบรมและให้ความรู้แก่ผู้ใช้
Cryptojacking เป็นปัญหาที่เพิ่มขึ้นในวงการดิจิทัล ซึ่งเป็นกระบวนการที่แฮกเกอร์ใช้ทรัพยากรของคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อื่น ๆ เพื่อขุดเหรียญคริปโตโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของอุปกรณ์นั้น ๆ การขุดเหรียญคริปโตหรือ Cryptocurrency Mining เป็นกระบวนการที่ใช้พลังงานและทรัพยากรของคอมพิวเตอร์ในการแก้สมการทางคณิตศาสตร์ เพื่อสร้างเหรียญคริปโตฯ ใหม่และยืนยันการทำธุรกรรมบนบล็อกเชน ซึ่งในกรณีของ Cryptojacking แฮกเกอร์จะใช้ทรัพยากรเหล่านี้โดยไม่ได้รับความยินยอม ทำให้เกิดการใช้พลังงานสูงเกินปกติและอาจส่งผลให้คอมพิวเตอร์ทำงานช้าลงหรือเสียหาย
หนึ่งในตัวอย่างที่พบได้บ่อยของ Cryptojacking คือการฝังสคริปต์ลงในเว็บไซต์ที่ได้รับความนิยม เมื่อผู้ใช้เข้าเว็บไซต์นั้น สคริปต์จะทำงานทันทีและเริ่มขุดเหรียญคริปโตฯ โดยใช้ทรัพยากรของอุปกรณ์ผู้ใช้ ตัวอย่างที่ชัดเจนคือกรณีของ Coinhive ซึ่งเป็นสคริปต์ที่ถูกนำมาใช้ในเว็บไซต์หลายแห่งเพื่อขุดเหรียญ Monero โดยเจ้าของเว็บไซต์บางรายอาจตั้งใจใช้งาน Coinhive เพื่อหารายได้โดยไม่แจ้งให้ผู้ใช้ทราบ หรือแฮกเกอร์อาจแอบฝังสคริปต์นี้ลงในเว็บไซต์ที่มีการเข้าชมสูง เช่น เว็บไซต์ข่าวหรือบล็อกยอดนิยม ส่งผลให้ผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ต้องแบกรับภาระในการขุดเหรียญคริปโตฯ โดยไม่รู้ตัว
อีกตัวอย่างหนึ่งคือการใช้มัลแวร์บนอุปกรณ์มือถือ แฮกเกอร์สามารถซ่อนมัลแวร์ขุดคริปโตในแอปพลิเคชันที่ดูเหมือนไม่มีพิษมีภัย เช่น เกมหรือแอปพลิเคชันที่มีผู้ใช้งานสูง เมื่อผู้ใช้ดาวน์โหลดและติดตั้งแอปพลิเคชันดังกล่าว มัลแวร์จะเริ่มทำงานและใช้ทรัพยากรของอุปกรณ์เพื่อขุดเหรียญคริปโตฯ การโจมตีในลักษณะนี้สามารถส่งผลให้แบตเตอรี่ของอุปกรณ์หมดเร็วขึ้นและทำให้อุปกรณ์ร้อนเกินปกติ ซึ่งอาจนำไปสู่ความเสียหายต่อฮาร์ดแวร์
นอกจากนี้ยังมีกรณีของ Cryptojacking ที่เกิดขึ้นในเครือข่ายองค์กร แฮกเกอร์อาจเจาะระบบขององค์กรและฝังมัลแวร์ขุดเหรียญคริปโตฯ ลงในเซิร์ฟเวอร์หรือคอมพิวเตอร์ในเครือข่าย ส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงานของระบบลดลงและเพิ่มค่าใช้จ่ายด้านพลังงานขององค์กร กรณีที่โดดเด่นคือการโจมตีที่เกิดขึ้นกับบริษัทใหญ่หลายแห่งทั่วโลก ที่มีการใช้มัลแวร์เพื่อขุดเหรียญคริปโตฯ โดยใช้ทรัพยากรของบริษัทเหล่านั้น โดยมักจะตรวจพบได้ยากและต้องใช้เวลานานกว่าจะระบุได้ว่าเกิดจาก Cryptojacking
การโจมตีรูปแบบอื่น ๆ เช่น การแอบฝังสคริปต์ขุดเหรียญคริปโตลงในโฆษณาออนไลน์ (Malvertising) ก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่พบได้ แฮกเกอร์สามารถสร้างโฆษณาที่ดูเป็นปกติและใส่ลงในแพลตฟอร์มโฆษณา เมื่อโฆษณาถูกแสดงบนเว็บไซต์ต่าง ๆ สคริปต์ขุดเหรียญคริปโตฯ จะเริ่มทำงานและใช้ทรัพยากรของผู้ใช้ที่เห็นโฆษณานั้น ส่งผลให้เกิดการขุดเหรียญคริปโตฯ โดยไม่รู้ตัว
อีกหนึ่งตัวอย่างที่น่าสนใจคือการโจมตีผ่านระบบ IoT (Internet of Things) ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต เช่น กล้องวงจรปิด, เครื่องปรับอากาศอัจฉริยะ หรือแม้แต่ตู้เย็น แฮกเกอร์สามารถใช้ช่องโหว่ในระบบรักษาความปลอดภัยของอุปกรณ์เหล่านี้เพื่อฝังสคริปต์ขุดเหรียญคริปโตฯ ส่งผลให้ทรัพยากรของอุปกรณ์เหล่านี้ถูกใช้ไปในการขุดเหรียญคริปโตฯ ทำให้อายุการใช้งานของอุปกรณ์ลดลงและเพิ่มค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน
การโจมตี Cryptojacking สามารถทำได้ในหลายรูปแบบ ดังนั้นการป้องกันต้องมีการรับรู้และตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอ การใช้โปรแกรมป้องกันมัลแวร์ที่ทันสมัยและการอัปเดตซอฟต์แวร์อย่างต่อเนื่องสามารถช่วยลดความเสี่ยงได้ นอกจากนี้ การใช้เครื่องมือตรวจจับและป้องกันการขุดเหรียญคริปโตบนเว็บไซต์ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่สำคัญ เช่น การใช้เบราว์เซอร์ที่มีฟีเจอร์ป้องกันการขุดเหรียญคริปโตฯ หรือการติดตั้งปลั๊กอินที่สามารถบล็อกสคริปต์ขุดเหรียญคริปโตฯ
การรักษาความปลอดภัยในระบบเครือข่ายองค์กรก็เป็นสิ่งสำคัญ เช่น การตรวจสอบและควบคุมการใช้งานทรัพยากรของเครือข่ายอย่างเข้มงวด การตั้งค่าความปลอดภัยที่เหมาะสม และการให้ความรู้แก่พนักงานเกี่ยวกับการป้องกัน Cryptojacking จะช่วยลดความเสี่ยงในการถูกโจมตี นอกจากนี้ การใช้ระบบตรวจจับและตอบสนองต่อภัยคุกคามที่มีประสิทธิภาพก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม
ในทางปฏิบัติ ผู้ใช้งานทั่วไปควรระมัดระวังในการดาวน์โหลดและติดตั้งแอปพลิเคชันจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ และควรปิดการใช้งาน JavaScript บนเบราว์เซอร์เมื่อไม่ได้ใช้งาน เพื่อป้องกันการถูกฝังสคริปต์ขุดเหรียญคริปโตฯ นอกจากนี้ การติดตั้งปลั๊กอินที่สามารถบล็อกสคริปต์ขุดเหรียญคริปโตฯ และการใช้งานเบราว์เซอร์ที่มีฟีเจอร์ป้องกันการขุดเหรียญคริปโตฯ ก็เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการป้องกัน Cryptojacking
Cryptojacking เป็นปัญหาที่ซับซ้อนและหลากหลาย แฮกเกอร์สามารถใช้วิธีการหลายรูปแบบในการโจมตีและใช้ทรัพยากรของอุปกรณ์ต่าง ๆ ในการขุดเหรียญคริปโตฯ การป้องกันและตอบสนองต่อ Cryptojacking ต้องอาศัยการตรวจสอบและควบคุมระบบอย่างใกล้ชิด การเพิ่มความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับ Cryptojacking ให้แก่ผู้ใช้งานและองค์กรเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งในการลดความเสี่ยงและป้องกันการถูกโจมตีในอนาคต
การฝึกอบรมให้ผู้ใช้ทราบถึงวิธีการและภัยคุกคามของ Cryptojacking เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยลดความเสี่ยง ผู้ใช้ควรทราบถึงอาการที่เกิดขึ้นเมื่อคอมพิวเตอร์ของตนถูกใช้ในการขุดเหรียญคริปโตฯ เช่น เครื่องทำงานช้าลงอย่างผิดปกติ พัดลมทำงานเสียงดัง และอุปกรณ์มีความร้อนสูงขึ้น การปฏิบัติตามแนวทางเหล่านี้จะช่วยลดโอกาสที่คอมพิวเตอร์ของคุณจะตกเป็นเหยื่อของการโจมตี Cryptojacking และรักษาความปลอดภัยในการใช้งานคอมพิวเตอร์ของคุณในระยะยาว
การรู้จักและเข้าใจ Cryptojacking คือกุญแจสำคัญในการปกป้องตัวคุณเองและองค์กรของคุณจากภัยคุกคามในโลกดิจิทัล ปัจจุบัน การโจมตีในลักษณะนี้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเนื่องจากความนิยมและมูลค่าที่สูงขึ้นของสกุลเงินดิจิทัล ดังนั้น การรู้ทันและมีมาตรการป้องกันที่เหมาะสมจะช่วยลดความเสี่ยงและสร้างความปลอดภัยให้กับข้อมูลและอุปกรณ์ของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ
คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวนและสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยง และ ผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอนาคต โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
Disclaimer