HENRY คืออะไร ? ทำความรู้จักกับกลุ่มคนรวยที่ไม่มีเงินเก็บ

ตุลาคม 18, 2024

thumbnail

HENRY คืออะไร ? คำนี้ไม่ได้หมายถึงชื่อคน แต่เป็นคำย่อที่มาจาก "High Earner, Not Rich Yet" หรือในภาษาไทยคือ "ผู้มีรายได้สูง แต่ยังไม่ร่ำรวย" HENRY : High Earner Not Rich Yet คือกลุ่มคนที่มีรายได้สูงกว่าคนทั่วไป แต่ยังไม่มีเงินเก็บมากมาย

คนกลุ่มนี้มักจะอยู่ในช่วงอายุ 25-40 ปี มีงานที่มีรายได้ดี เช่น แพทย์ วิศวกร ผู้บริหาร หรือผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่าง ๆ ถึงแม้จะมีรายได้สูง แต่กลับพบว่าตัวเองยังไม่มีเงินเก็บพอที่จะถือว่าร่ำรวย เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายสูงและใช้ชีวิตที่สะดวกสบาย 


HENRY คืออะไร

 

HENRY คืออะไร

HENRY คือคำย่อที่มาจาก "High Earner, Not Rich Yet" หรือแปลเป็นไทยว่า "ผู้มีรายได้สูง แต่ยังไม่ร่ำรวย" คำนี้ใช้บรรยายถึงคนที่มีรายได้สูง ซึ่งโดยทั่วไปจะอยู่ในช่วงอายุ 25-40 ปี มีงานที่มีรายได้ดี แต่ยังไม่ได้สะสมทรัพย์สินหรือเงินทุนมากพอที่จะถือว่าร่ำรวย

ลองนึกถึงคนที่ทำงานในตำแหน่งที่มีเงินเดือนสูง เช่น นักบัญชี ผู้บริหาร หรือวิศวกร แต่ต้องใช้เงินส่วนใหญ่ไปกับค่าใช้จ่ายรายเดือน เช่น ค่าที่อยู่อาศัย ค่าเดินทาง ค่าการศึกษาสำหรับบุตร หรือการชำระหนี้สิน เช่น หนี้การศึกษา หรือหนี้บัตรเครดิต คนเหล่านี้มีรายได้สูงและใช้ชีวิตแบบสะดวกสบาย แต่ยังไม่ได้มีเงินออมที่มากพอสำหรับการเกษียณหรือการลงทุนใหญ่ ๆ

อีกประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจคือ คนกลุ่มนี้มักจะมีความกดดันทางการเงินอยู่บ้าง เนื่องจากค่าใช้จ่ายสูงและการที่ยังไม่สามารถสะสมทรัพย์สินได้มากพอ ทำให้ต้องวางแผนการเงินอย่างรอบคอบเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาทางการเงินในอนาคต

การเป็น HENRY อาจดูเหมือนเป็นสถานะที่ดี แต่ในระยะยาว การบริหารการเงินและการวางแผนการออมเป็นสิ่งสำคัญที่ควรให้ความสำคัญ เพื่อที่จะสามารถเปลี่ยนสถานะจาก HENRY ไปสู่การเป็นคนที่ร่ำรวยและมั่นคงได้ในที่สุด


คนที่เป็น HENRY มีลักษณะอย่างไร


คนที่เป็น HENRY มีลักษณะอย่างไร ใช่คุณหรือเปล่า ?

คนที่เป็น HENRY มักมีลักษณะหลายอย่างที่น่าสนใจและเป็นเอกลักษณ์ มาดูรายละเอียดเพิ่มเติมเพื่อให้เข้าใจมากขึ้นว่าคนที่เป็น HENRY มีลักษณะอย่างไร และว่าใช่คุณหรือเปล่า

ลักษณะของคนที่เป็น HENRY

1. มีรายได้สูง

คนที่เป็น HENRY มักทำงานในตำแหน่งที่มีรายได้ดี มีเงินเดือนสูงกว่าค่าเฉลี่ยของคนทั่วไป ตัวอย่างเช่น ผู้บริหารในบริษัทใหญ่ นักบัญชี นักกฎหมาย แพทย์ หรือวิศวกร คนเหล่านี้มักมีรายได้สูงเนื่องจากทักษะและความรู้ที่พวกเขามี

2. มีการศึกษาและอาชีพที่ดี

คนที่เป็น HENRY ส่วนใหญ่จะมีการศึกษาสูง จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยชั้นนำ ทั้งในและนอกประเทศ การศึกษาที่ดีทำให้พวกเขามีโอกาสได้ทำงานในตำแหน่งที่ดี มีความก้าวหน้าในอาชีพ

3. มีค่าใช้จ่ายสูง

แม้จะมีรายได้สูง แต่ HENRY มักมีค่าใช้จ่ายรายเดือนที่สูงตามไปด้วย เนื่องจากต้องการรักษาวิถีชีวิตที่สะดวกสบาย เช่น ค่าที่อยู่อาศัย ค่าเดินทาง ค่าการศึกษาให้บุตร หรือการชำระหนี้สิน เช่น หนี้การศึกษา หรือหนี้บัตรเครดิต ค่าใช้จ่ายเหล่านี้มักจะสูงกว่าค่าเฉลี่ยของคนทั่วไป

4. ยังไม่สะสมทรัพย์สินมากพอ

แม้ว่า HENRY จะมีรายได้ดี แต่ส่วนใหญ่ยังไม่สามารถสะสมเงินออมได้มากพอที่จะถือว่าร่ำรวย พวกเขามักจะใช้จ่ายส่วนใหญ่ไปกับการรักษาวิถีชีวิตที่สะดวกสบาย และยังต้องใช้เงินไปกับการชำระหนี้สินต่าง ๆ ทำให้ยังไม่ได้มีเงินเก็บมากพอสำหรับการเกษียณหรือการลงทุนใหญ่ ๆ

คุณเป็น HENRY หรือเปล่า ?

ลองดูว่าคุณมีลักษณะเหล่านี้หรือไม่

  • มีงานที่มีรายได้ดี : คุณมีงานที่มีเงินเดือนสูง ทำงานในตำแหน่งที่มีความรับผิดชอบสูง และต้องใช้ทักษะเฉพาะทาง
  • จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยชั้นนำ : คุณมีการศึกษาที่ดี ซึ่งช่วยให้คุณได้ทำงานในตำแหน่งที่ดีและมีความก้าวหน้าในอาชีพ
  • มีค่าใช้จ่ายรายเดือนสูง : คุณมีค่าใช้จ่ายที่สูงตามรายได้ เช่น การเช่าบ้านหรือผ่อนบ้าน การซื้อของใช้แบรนด์เนม การท่องเที่ยว ค่าเรียนของบุตร หรือการชำระหนี้สิน
  • ยังไม่สามารถเก็บเงินออมได้มากพอ : คุณยังไม่สามารถสะสมเงินออมได้มากพอสำหรับการเกษียณหรือการลงทุนใหญ่ ๆ เนื่องจากค่าใช้จ่ายรายเดือนที่สูง

ถ้าคุณมีลักษณะเหล่านี้ คุณก็อาจจะเป็น HENRY คนหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกเลย คนหลายคนในช่วงอายุ 25-40 ปี ก็อยู่ในสถานะนี้เช่นกัน

การเป็น HENRY ไม่ได้แปลว่าเป็นเรื่องไม่ดี มันแค่บอกว่าคุณมีรายได้ดีแต่ยังต้องการการวางแผนการเงินและการออมเพื่ออนาคต ถ้าคุณสามารถจัดการกับค่าใช้จ่ายและเริ่มออมเงินได้ดีขึ้น คุณก็สามารถเปลี่ยนสถานะจาก HENRY ไปเป็นคนที่มั่งคั่งและมั่นคงได้ในอนาคต

 

 


วิธีวางแผนการเงินแบบ HENRY

วิธีวางแผนการเงินแบบ HENRY

การวางแผนการเงินสำหรับคนที่เป็น HENRY หรือ High Earner, Not Rich Yet เป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะถึงแม้จะมีรายได้สูง แต่ค่าใช้จ่ายก็สูงตามไปด้วย ดังนั้นการจัดการการเงินอย่างมีประสิทธิภาพจึงเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญ ลองมาดูวิธีวางแผนการเงินแบบ HENRY ด้วยกันนะ

1. การทำงบประมาณ (Budgeting)

เริ่มจากการทำงบประมาณรายเดือน ซึ่งจะช่วยให้คุณเห็นภาพรวมของการใช้จ่ายและสามารถจัดการเงินได้ดียิ่งขึ้น

จดบันทึกรายได้และรายจ่าย : จดบันทึกรายได้ทั้งหมดที่คุณได้รับในแต่ละเดือน และรายจ่ายทั้งหมดที่คุณจ่ายไป ไม่ว่าจะเป็นค่าที่อยู่อาศัย ค่ารถ ค่าอาหาร ค่าใช้จ่ายส่วนตัว หรือหนี้สิน

แยกประเภทของรายจ่าย : แยกประเภทของรายจ่ายออกเป็นหมวดหมู่ เช่น ค่าครองชีพ ค่าเดินทาง ค่าการศึกษา และอื่น ๆ

ตั้งงบประมาณ : กำหนดงบประมาณสำหรับแต่ละหมวดหมู่ และพยายามไม่ใช้เงินเกินกว่างบประมาณที่ตั้งไว้

2. การออมเงิน (Saving)

การออมเงินเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้คุณมีเงินสำรองในกรณีฉุกเฉินและสามารถเก็บเงินสำหรับอนาคตได้

ตั้งเป้าหมายการออม : ตั้งเป้าหมายการออมเงินในระยะสั้นและระยะยาว เช่น การเก็บเงินสำหรับการท่องเที่ยว การซื้อบ้าน หรือการเกษียณ

เปิดบัญชีออมทรัพย์ : เปิดบัญชีออมทรัพย์แยกต่างหากจากบัญชีที่ใช้จ่ายประจำ เพื่อไม่ให้ใช้เงินออมในกรณีที่ไม่จำเป็น

ออมก่อนใช้ : หักเงินส่วนหนึ่งจากรายได้ทุกเดือนมาเก็บออมก่อนที่จะใช้จ่าย

3. การลดค่าใช้จ่าย (Cutting Costs)

พิจารณาดูว่ามีค่าใช้จ่ายใดบ้างที่สามารถลดได้ เพื่อเพิ่มเงินออมและลดภาระทางการเงิน

ตรวจสอบค่าใช้จ่ายประจำ : ตรวจสอบค่าใช้จ่ายประจำที่คุณจ่ายทุกเดือน เช่น ค่าโทรศัพท์ ค่าบริการสตรีมมิ่ง และลองดูว่ามีแพ็คเกจหรือโปรโมชั่นที่ถูกกว่าหรือไม่

ลดการใช้จ่ายฟุ่มเฟือย : ลดการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น เช่น การซื้อของแบรนด์เนม การทานอาหารนอกบ้านบ่อย ๆ หรือการเดินทางที่หรูหรา

เปรียบเทียบราคาก่อนซื้อ : เปรียบเทียบราคาสินค้าก่อนที่จะซื้อ เพื่อให้ได้สินค้าที่คุณภาพดีในราคาที่เหมาะสม

4. การลงทุน (Investing)

การลงทุนเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยให้เงินของคุณเติบโตขึ้น และสามารถสร้างรายได้เพิ่มเติม

ศึกษาการลงทุน : ศึกษาเกี่ยวกับการลงทุนต่าง ๆ เช่น ตลาดหุ้น กองทุนรวม หรืออสังหาริมทรัพย์ เพื่อให้คุณเข้าใจความเสี่ยงและผลตอบแทน

เริ่มต้นลงทุน : เริ่มลงทุนในจำนวนเงินที่คุณสามารถรับความเสี่ยงได้ และค่อย ๆ เพิ่มการลงทุนเมื่อคุณมีความมั่นใจมากขึ้น

กระจายความเสี่ยง : กระจายการลงทุนในหลาย ๆ ประเภท เพื่อลดความเสี่ยงในการลงทุน

5. การจัดการหนี้สิน (Debt Management)

การจัดการหนี้สินเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณมีความมั่นคงทางการเงิน

จ่ายหนี้ที่ดอกเบี้ยสูงก่อน : จ่ายหนี้ที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงก่อน เช่น หนี้บัตรเครดิต เพื่อไม่ให้ดอกเบี้ยสะสมมากเกินไป

รีไฟแนนซ์หนี้ : พิจารณารีไฟแนนซ์หนี้เพื่อให้ได้อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลง และสามารถผ่อนชำระหนี้ได้ง่ายขึ้น

ไม่สร้างหนี้ใหม่ : พยายามไม่สร้างหนี้ใหม่โดยไม่จำเป็น และหากจำเป็นต้องกู้เงิน ควรเลือกแหล่งเงินกู้ที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำ

6. การวางแผนการเกษียณ (Retirement Planning)

การวางแผนการเกษียณเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณมีเงินเพียงพอสำหรับการใช้ชีวิตหลังเกษียณ

ตั้งเป้าหมายการเกษียณ : คำนวณว่าในอนาคตคุณต้องการเงินเท่าไหร่สำหรับการเกษียณ และตั้งเป้าหมายการออมเพื่อให้ได้ตามนั้น

ลงทุนในกองทุนเกษียณ : ลงทุนในกองทุนเกษียณที่มีผลตอบแทนดี และมีความเสี่ยงต่ำ เพื่อให้คุณมีเงินเก็บสำหรับการเกษียณ

ประเมินแผนการเกษียณเป็นระยะ : ประเมินแผนการเกษียณของคุณเป็นระยะ เพื่อให้แน่ใจว่าอยู่ในเส้นทางที่วางไว้ และปรับแผนตามความเหมาะสม

การวางแผนการเงินสไตล์ HENRY ไม่ได้ซับซ้อนเกินไป หากคุณสามารถทำตามคำแนะนำเหล่านี้ คุณก็จะสามารถจัดการการเงินของคุณได้ดีขึ้น และเปลี่ยนสถานะจาก HENRY ไปเป็นคนที่มั่งคั่งและมั่นคงในอนาคต

 

เป็น HENRY ควรลงทุนอะไร

การเป็น HENRY หรือ High Earner, Not Rich Yet หมายความว่าคุณมีรายได้สูง แต่ยังไม่ได้สะสมทรัพย์สินมากพอที่จะถือว่าร่ำรวย การลงทุนเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยให้เงินของคุณเติบโตและเพิ่มความมั่งคั่ง ลองมาดูกันว่า HENRY ควรลงทุนในอะไรบ้าง

1. กองทุนรวม (Mutual Funds)

กองทุนรวมเป็นการลงทุนที่เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีเวลาหรือความรู้ในการเลือกหุ้นแต่ละตัว

  • หลากหลายและกระจายความเสี่ยง : กองทุนรวมมีการลงทุนในหุ้นหลายตัว ทำให้ลดความเสี่ยงจากการลงทุนในหุ้นตัวเดียว
  • มีผู้จัดการกองทุนดูแล : กองทุนรวมมีผู้จัดการกองทุนมืออาชีพที่ดูแลและบริหารจัดการการลงทุนให้คุณ
  • เหมาะสำหรับมือใหม่ : สำหรับ HENRY ที่เพิ่งเริ่มลงทุน กองทุนรวมเป็นทางเลือกที่ดีเพราะง่ายต่อการเริ่มต้น

2. หุ้น (Stocks)

การลงทุนในหุ้นเป็นวิธีที่สามารถให้ผลตอบแทนสูง แต่ก็มีความเสี่ยงสูงเช่นกัน

  • การเลือกหุ้นที่ดี : หากคุณมีความรู้และประสบการณ์ การเลือกลงทุนในหุ้นของบริษัทที่มีศักยภาพเติบโตสูงสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีได้
  • กระจายการลงทุน : ไม่ควรลงทุนในหุ้นตัวเดียว ควรกระจายการลงทุนในหุ้นหลายตัวและหลายกลุ่มอุตสาหกรรมเพื่อลดความเสี่ยง
  • การศึกษาข้อมูล : การลงทุนในหุ้นต้องการการศึกษาข้อมูลและการติดตามข่าวสารเพื่อให้สามารถตัดสินใจลงทุนได้ถูกต้อง

3. อสังหาริมทรัพย์ (Real Estate)

การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถให้ผลตอบแทนในระยะยาว

  • รายได้จากค่าเช่า : การซื้อบ้านหรือคอนโดแล้วปล่อยเช่าสามารถให้รายได้ประจำทุกเดือน
  • การเพิ่มมูลค่า : มูลค่าของอสังหาริมทรัพย์มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามกาลเวลา ทำให้คุณสามารถขายทำกำไรได้ในอนาคต
  • การเลือกทำเล : การเลือกทำเลที่ดีเป็นสิ่งสำคัญ เพราะทำเลที่ดีจะมีความต้องการเช่าสูงและมูลค่าเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

4. ตราสารหนี้ (Bonds)

การลงทุนในตราสารหนี้เป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำกว่าหุ้นและเหมาะสำหรับการเก็บเงินออมในระยะยาว

  • ความเสี่ยงต่ำ : ตราสารหนี้มีความเสี่ยงต่ำกว่าหุ้นและมีความแน่นอนในการได้รับดอกเบี้ย
  • รายได้ประจำ : ตราสารหนี้จะให้ดอกเบี้ยตามที่กำหนดไว้ ช่วยให้คุณมีรายได้ประจำ
  • เหมาะสำหรับการกระจายความเสี่ยง : การลงทุนในตราสารหนี้เป็นวิธีที่ดีในการกระจายความเสี่ยงและเพิ่มความมั่นคงให้กับพอร์ตการลงทุนของคุณ

5. กองทุน REITs (Real Estate Investment Trusts)

กองทุน REITs เป็นการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ผ่านการซื้อหุ้นของกองทุนที่ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์

  • สะดวกและง่ายต่อการลงทุน : การลงทุนใน REITs ไม่ต้องการการจัดการทรัพย์สินเอง
  • รายได้จากการปันผล : กองทุน REITs มักจะจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหุ้น ทำให้คุณมีรายได้ประจำ
  • กระจายการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ : การลงทุนใน REITs ช่วยให้คุณสามารถลงทุนในอสังหาริมทรัพย์หลากหลายประเภท เช่น อาคารสำนักงาน ห้างสรรพสินค้า โรงแรม และอื่น ๆ

6. การลงทุนในกองทุน ETF (Exchange-Traded Funds)

กองทุน ETF เป็นกองทุนที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เช่นเดียวกับหุ้น

  • กระจายความเสี่ยง : กองทุน ETF ลงทุนในหุ้นหรือสินทรัพย์หลายประเภท ทำให้คุณสามารถกระจายความเสี่ยงได้
  • ค่าธรรมเนียมต่ำ : กองทุน ETF มักมีค่าธรรมเนียมการจัดการต่ำกว่ากองทุนรวม
  • ซื้อขายง่าย : คุณสามารถซื้อขายกองทุน ETF ได้ตลอดเวลาที่ตลาดหลักทรัพย์เปิด ทำให้มีความยืดหยุ่นในการลงทุน

การลงทุนในหลากหลายประเภทจะช่วยให้คุณสามารถกระจายความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการได้รับผลตอบแทนที่ดี อย่าลืมว่าการวางแผนการลงทุนต้องการความรู้และการศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจลงทุนได้ถูกต้องและเหมาะสมกับเป้าหมายทางการเงินของคุณ

 


การลงทุน

หมายเหตุ

คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวนและสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยง และ ผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอนาคต โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้

 

เรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

Merkle Capital คือผู้จัดการเงินทุนสินทรัพย์ดิจิทัลแห่งแรกในประเทศไทย ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานก.ล.ต. บริษัทให้การดูแลและบริหารเงินลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลแก่ลูกค้าด้วยกลยุทธ์ที่หลากหลายโดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนและการบริหารจัดการ