มิถุนายน 12, 2024
Fed Fund Rate คือ เครื่องมือหรือนโยบายทางการเงินที่สำคัญของ Federal Reserve (FED) หรือธนาคารกลางสหรัฐฯ ซึ่งเป็นองค์กรที่มีบทบาทในการดูแลเสถียรภาพและปริมาณเงินที่หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ใช้ในการดูแลเศรษฐกิจ ตัวเลขนี้คือตัวเลขที่ใช้บ่งบอกถึงอัตราดอกเบี้ยเป้าหมายหรืออัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง โดยจะส่งผลกระทบต่ออัตราดอกเบี้ยทั้งหมดในตลาดไม่ว่าจะเป็นดอกเบี้ยเงินกู้ และดอกเบี้ยเงินฝาก
ตารางด้านบนคือ FED Dot Plot แสดงให้เห็นว่าสมาชิกคณะกรรมการกำหนดนโยบายของ Fed แต่ละคนคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยในปีนี้และปีข้างหน้า และจาก Dot Plot ในวันที่ 20 มีนาคม 2024 แสดงให้เห็นว่าผู้ที่มีสิทธิ์ใช้เสียงนั้นมีแรงโหวตส่วนใหญ่อยู่ที่ 4.5% - 4.75% ถึง 9 คน โดยหาก FED จะทำตาม Dot Plot จะต้องลดดอกถึง 3 ครั้งในปีนี้ แต่ในช่วงเวลานี้มีการคาดการณ์ว่า FED จะลดดอกเบี้ยเพียงครั้งเดียว
โดยในวันพฤัสบดีที่จะถึง มีการประชุมในการหารือเรื่องอัตราดอกเบี้ยและตัดสินใจว่าจะคงดอกหรือไม่โดยหากดูจากกราฟด้านบนที่แสดงถึงความน่าจะเป็นในการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ย เราจะเห็นได้ว่าโอกาสในการคงดอกเบี้ยไว้ที่ 5.50% - 5.25% นั้นสูงถึง 99.4% ซึ่งคาดการณ์ได้ว่าในเดือนนี้จะไม่มีการลดอัตราดอกเบี้ยลง
จากในตารางจะแสดงให้เห็นถึงการประชุมในแต่ละครั้งมีโอกาสมากแค่ไหนในการลดดอกและคงดอกเบี้ยของสหรัฐฯ และถ้าหากมองลึกลงไปจะเห็นได้ว่า ในเดือนมิถนายน และเดือนกรกฎาคม จะไม่มีการลดดอกเบี้ยและจะคงดอกเบี้ยไว้ที่ 5.25% - 5.50% โดยที่ทั้งสองเดือนนั้น FED มีโอกาสมากกว่า 90% ที่จะคงดอกเบี้ยไว้ และ FED มีโอกาสที่จะมาลดดอกเบี้ยอีกทีใน เดือนกันยายน โดยที่มีโอกาสถึง 48.3% ที่จะลดลงเหลือ 5.00% - 5.25% และในเดือนกันยายน FED ก็มีโอกาสที่จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ถึง 47.4%
เนื่องจากสภาวะแนวโน้มของเงินเฟ้อที่เริ่มลดลงแต่ยังไม่ได้อยู่ในกรอบเงินเฟ้อที่วางไว้ที่ 2% ทำให้มุมมองของ FED ที่มีต่ออัตราดอกเบี้ยต้องยังคงที่ไว้ที่ 5.25% - 5.50% ซึ่ง ณ ปัจจุบันนั้นทำให้มุมมองการลดอัตราดอกเบี้ยไม่สอดคล้องกับ Fed Dot Plot ซึ่งคาดการณ์ไว้ว่าในปีนี้จะมีการลดอัตราดอกเบี้ยลง 3 ครั้ง แต่ในปัจจุบันนั้นมีการคาดการณ์ว่าจะลดอัตราดอกเบี้ยลงแค่ครั้งเดียวในปีนี้ ซึ่งส่งผลให้มีโอกาสให้เกิดความผันผวนต่อสินทรัพย์ต่าง ๆ รวมถึงสินทรัพย์ดิจิทัลและผลเสียต่อภาคธุรกิจและหุ้นเนื่องจากการรับภาระทางการเงินที่สูงมาก จากการคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 5.25% - 5.50% ทำให้ต้นทุนทางการเงินนั้นสูงอย่างต่อเนื่องส่งผลให้ภาคธุรกิจนั้นมีกำไรที่น้อยหรือขาดทุนซึ่งหากคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในจุดนี้เรื่อยๆ อาจจะทำให้เกิดผลเสียในระยะยาวต่อภาคธุรกิจ
ถ้าหากมีการลดตัวของอัตราเงินเฟ้ออย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ช่วงนี้ไปจนถึงเดือนกันยายน ผู้คนมีสิทธิ์ที่จะเห็น FED นั้นลดดอกเบี้ยในเดือนกันยายน และอัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 3.4% ในเดือนเมษายน ทำให้ยังมีโอกาสที่อัตราเงินเฟ้อจะไม่ลดลงมาอยู่ในกรอบ 2% ภายในเดือนกันยายน ตามที่ FED ต้องการ หากเป็นเช่นนั้น FED ต้องคงดอกเบี้ยไว้ที่ 5.25% - 5.50% ในเดือนกันยายน และไปลด อัตราดอกเบี้ยเหลือ 5.00% - 5.25% ในเดือนพฤศจิกายนแทน
ในภาพของตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล การที่ FED ลดอัตราดอกเบี้ยสามารถส่งผลต่อตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีความผันผวนอยู่แล้วสูงขึ้นไปอีกได้ การที่ FED ลดดอกเบี้ยนั้นจะทำให้มีโอกาสที่ราคาเหรียญในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลเพิ่มขึ่้น เนื่องจากการลดอัตราดอกเบี้ยนั้นส่งผลให้นักลงทุนต้องมองหาโอกาสในการลงทุนที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเฟ้อทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่อาจย้ายเข้ามาลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลเพิ่มขึ้น
คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวนและสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยง และ ผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอนาคต โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
Disclaimer