September 18, 2024
หมายเหตุ : บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นในทุกวันจันทร์ ดังนั้นบทความบางส่วนอาจจะมีความคลาดเคลื่อนของข้อมูลได้
WEEKLY TONE: MONITOR WEEK
ด้วยสัปดาห์นี้ของเดือนกันยายนนั้น มีตัวชี้วัดที่สำคัญอย่าง Core Retail Sales และ Retail Sales ออกมา และมีแนวโน้มว่าทั้งสองตัวชี้วัดจะลดลง อีกทั้งยังมี FED Interest Rate Decision ที่ FED จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกด้วย แต่ FED จะเลือกปรับลงที่ 25 BPS หรือ 50 BPS และมีโอกาสมากกว่า 50% ที่ FED จะปรับลดลง 50 BPS และอาจทำให้ตลาดสินทรัพย์เสี่ยงได้รับผลกระทบเชิงลบอีกด้วย ฉะนั้นสัปดาห์นี้ควรรอดูตลาดคริปโตฯ เพื่อดูราคาให้ทำการลงทุนในสัปดาห์ถัด ๆ ไป
Core Retail Sales MoM หรือ ดัชนียอดค้าปลีก เป็นการวัดค่าการเปลี่ยนแปลงในมูลค่ายอดขายทั้งหมดในระดับการค้าปลีก ซึ่งเป็นดัชนีที่สำคัญมากที่สุดที่บ่งชี้ถึงการใช้จ่ายของผู้บริโภคซึ่งคิดเป็นส่วนสำคัญมากที่สุดของกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวม สำหรับ Retail Sales ที่ไม่รวมการซื้อรถ จะเรียกว่า Core Retail Sales
คาดการณ์จาก Tradingeconomic: Core Retail Sales MoM มีแนวโน้มที่จะลดลงจาก 0.4% เหลือ 0.3%
ตีความอย่างไรต่อตลาด
การที่มีแนวโน้มลดลงของ Core Retail Sales เพียงเล็กน้อย หรือมีแนวโน้มที่จะลดลงเพียง 0.1% อาจสามารถเป็นสัญญาณของการชะลอตัวของเศรษฐกิจ และหาก Core Retail Sales ลดลงจะส่งผลกระทบต่อสินทรัพย์เสี่ยงในเชิงลบเนื่องจากนักลงทุนจะไม่หลีกเลี่ยงการถือครองสินทรัพย์เสี่ยงและจะไปถือครองสินทรัพย์ที่ปลอดภัยมากกว่า
Federal Reserve (FED) หรือ ธนาคารกลางสหรัฐ จะมีการตัดสินใจในการเพิ่มลดหรือคงอัตราดอกเบี้ย ในการประชุมครั้งที่จะถึงนี้
คาดการณ์จาก: Tradingeconomic: FED มีแนวโน้มที่จะลดอัตราดอกเบี้ยลงเหลือ 5.00% - 5.25%
ตีความอย่างไรต่อตลาด
การที่ FED จะมีการลดอัตราดอกเบี้ยอย่างแน่นอนในการประชุมครั้งถัดไป แต่อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีโอกาสที่ FED จะลดอัตราดอกเบี้ยลงมากถึง 4.75% - 5.00% หมายความลดครั้งละ 50 BPS และถ้าหากลดครั้งละ 50 BPS อาจส่งผลให้ตลาดสินทรัพย์เสี่ยงมีแรงตอบโต้ในทางลบ เนื่องด้วยนักลงทุนอาจกลัวที่จะเข้าสู่สภาวะตลาดถดถอยหรือ Recession
Initial Jobless Claims หรือ Unemployment Claims คือจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานรายสัปดาห์ ซึ่งเป็นตัวเลขที่สะท้อนค่าใช้จ่ายของรัฐได้ชัดกว่าอัตราการว่างงาน เพราะยิ่งตัวเลขนี้สูงขึ้นนั่นหมายความว่าค่าใช้จ่ายของภาครัฐ หรือ Government Expenditure ถูกใช้ไปในการช่วยเหลือกลุ่มคนว่างงานมากขึ้น เศรษฐกิจมีแนวโน้มที่จะหดตัว และยังแสดงให้เห็นถึงช่องว่างความเหลื่อมล้ำในประเทศอีกด้วย โดยตัวเลขนี้จะมีประกาศทุก ๆ วันพฤหัสบดี
คาดการณ์จาก Tradingeconomic: Unemployment Claims มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นจาก 230K เป็น 234K
ตีความอย่างไรต่อตลาด
การที่มีแนวโน้มว่า Unemployment Claims จะเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย อาจไม่มีผลกระทบที่แน่ชัดต่อตลาด แต่อย่างไรก็ตาม ทุก ๆ ตัวชี้วัดนั้นจะถูกใช้เป็นเครื่องมือในการคาดการณ์การลดอัตราดอกเบี้ย และการที่ Unemployment Claims มีแนวโน้มที่จะเพิ่ืมขึ้นนั้นอาจเป็นตัวบ่งชี้ถึงเศรษฐกิจที่กำลังจะชะลอ นักลงทุนที่มีความกังวลในการลงทุนก็อาจมีการปรับเปลี่ยนสินทรัพย์ไปลงทุนในสินทรัพย์ที่ปลอดภัยกว่า
Key Event ที่น่าสนใจที่จะเกิดขึ้นในสัปดาห์และอาจจะทำให้เกิดความผันผวนกับสินทรัพย์ดิจิทัล
16 กันยายน
18 กันยายน
19 กันยายน
20 กันยายน
ในส่วนของ Funding rate สำหรับอาทิตย์นี้ยังค่อนข้างต่ำ หลายเหรียญมี Funding rate ติดลบ แสดงถึงตลาดที่นักลงทุนต่างพากันลดความเสี่ยง นักลงทุนมีมุมมองเชิงลบต่อตลาด และทำการเปิดสถานะชอร์ตมากกว่าสถานะลอง
ในฝั่งของ Bitcoin Open Interest ยังคงอยู่ในแนวโน้มขาลง แสดงให้เห็นถึงการลดความเสี่ยงของนักลงทุนอย่างเห็นได้ชัด ทั้งนี้ มาจากการที่นักลงทุนรอดู Reaction ของตลาดต่อการประกาศนโยบายอัตราดอกเบี้ยของ Fed ในสัปดาห์นี้ และต่อด้วยการประกาศนโยบายอัตราดอกเบี้ยของ BoJ ทำให้ตลาดเกิดความกังวลเรื่อง Unwind Yen carry trade อีกครั้ง
ในส่วนของ Bitcoin ETF Flow ในสัปดาห์ที่ผ่านมามีกระแสเงินไหลเข้าจาก Spot Bitcoin ETFs รวมเป็นจำนวนทั้งสิ้น 403.9 ล้านเหรียญ ถึงแม้ว่าจะเป็นสัปดาห์ที่มีแรงซื้อสุทธิเป็นบวก แต่ก็ยังไม่สามารถหักล้างกับแรงเทขายในช่วงสองสัปดาห์ก่อนได้ บ่งบอกถึงแรงเทขายที่ผ่อนลงในระยะสั้น แต่นักลงทุนสถาบันยังคงจับตามองเศรษฐกิจภาพรวมมากกว่า
ในส่วนของ Ethereum ETF Flow ในสัปดาห์ที่ผ่านมามีกระแสเงินไหลออกทั้งสิ้น 12.9 ล้านเหรียญ ซึ่งยังคงเป็นแรงเทขายจาก ETHE เป็นหลัก ประกอบกับแรงซื้อจากเจ้าอื่นที่มีเข้ามาเพียงเล็กน้อย ทำให้ภาพรวมยังคงดูแย่สำหรับ Ethereum
หลังจากการอนุมัติของ SEC ทั้ง Spot Bitcoin และ Ethereum ETF ทำให้นักลงทุนสถาบันกลายมาเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่สำคัญในตลาดคริปโตเคอร์เรนซี และเปลี่ยนโครงสร้างตลาดจากที่ครองโดยนักลงทุนรายย่อยมาเป็นนักลงทุนสถาบันแทน ทำให้การจับตามองยอดเงินเข้าออกสำคัญต่อทิศทางตลาดมาก
เนื่องจากปัจจัยทางด้าน Macroeconomics สร้างความกังวลให้กับนักลงทุน ส่งผลให้เกิดการลดความเสี่ยงอย่างเห็นได้ชัด โดยตั้งแต่ต้นเดือนกันยายน ได้มียอดไหลออกจาก Spot Bitcoin และ Ethereum ETF กว่า 302.2 ล้านเหรียญ และ 104 ล้านเหรียญตามลำดับ
หนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ยอดการไหลเข้าของ Spot ETF ทั้งสองลดลงนั้น มาจากการลดลงของ CME Basis หรือความต่างระหว่างราคา Futures และราคา Spot นั่นเอง โดยปัจจุบันมีการตกลงทำจุดต่ำสุดในรอบ 8 เดือนเลยทีเดียว เมื่อช่องว่างในการทำกำไรจากการ Arbitrage ของนักลงทุนสถาบันลดลง ทำให้ไม่มีเม็ดเงินไหลเข้ามาในตลาดคริปโตเคอร์เรนซีมากเท่าช่วงต้นปี 2024
นอกจากนี้ CME Basis อาจจะเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ Ethereum underperform ตลาด เนื่องจาก CME Basis ของ Ethereum นั้นต่ำกว่า Bitcoin ซึ่งหมายความว่า โอกาสในการทำกำไรจากส่วนต่างราคาก็น้อยลงไปด้วยนั่นเอง ปัจจัยนี้ทำให้ Spot Ethereum ETF ดูน่าดึงดูดน้อยลงไปอีก
$BTC สัปดาห์ที่ผ่านมามีการ Rebound ขึ้นมาถึงบริเวณแนวต้าน $60,000 - $61,000 ซึ่งในระยะสั้นแล้วหากราคายืนอยู่เหนือแนวดังกล่าวได้จะเป็นการกลับตัวของ Momentum ราคาเป็นขาขึ้นของ $BTC อย่างไรก็ตามจากการย่อตัวของราคาที่ลงมาหลังจากชนแนวต้าน แสดงถึงความไม่แน่นอนที่มากของตลาด ทำให้มีโอกาสให้ช่วงสัปดาห์ข้างหน้า $BTC อาจมีการ Sideway Down ออกไปก่อนอยู่ในชุดสะสม Descending Triangle เพื่อรอการ Breakout ต่อไป
แนวต้าน : $61,000 | $67,000 | $73,500
แนวรับ : $53,500 | $48,000 | $44,000
$ETH สัปดาห์ที่ผ่านมาไม่สามารถยืนราคาเหนือแนวต้าน $2,400 ได้ทำให้ราคามีการเคลื่อนที่ Sideway Down ต่อไปในช่วงข้างหน้า โดยแนวรับสำคัญที่น่าจับตามองยังคงอยู่ที่บริเวณราคา $2,100 ซึ่งอาจเป็นตัวกำหนดการเคลื่อนที่ของราคา $ETH โดยหากราคานั้นรับอยู่ก็อาจเป็นจุดกลับตัว แต่หากมีการหลุดแนวรับดังกล่าวลงไปมีโอกาสลงต่อไปยังแนวรับบริเวณ $1,850 ได้เช่นกัน
แนวต้าน : $2,400 | $2,870 | $3,350
แนวรับ : $2,125 | $1,870 | $1,550
“มีความเป็นไปได้สูง” ของการลดดอกเบี้ยของ FED จะมาถึงในเดือนกันยายน และ Bitcoin Dominance ปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงมากกว่า 50% และการมาของ Ethereum spot ETF และมุมมองเชิงบวกมากๆต่อตลาดคริปโทในสหรัฐในเชิงการเมืองที่อาจจะเห็นภาพชัดเจนในไตรมาสที่ 4 และเมื่อพิจารณาตัวเลขเศรษฐกิจที่ผันผวนในสัปดาห์นี้ จึงแนะนำให้นักลงทุนถือสัดส่วนของ Bitcoin เอาไว้เพื่อลด Drawdown โดยรวมของพอร์ต และเพิ่มสัดส่วนของ Ethereum ในพอร์ตเพิ่มขึ้น บวกกับถือสัดส่วนของ Altcoins ที่มีพื้นฐานที่ดีรับสัญญาณของ Altcoins season และเก็บ Stablecoin ที่เป็น USD เพื่อใช้เป็นไม้สำรอง
Disclaimer