กันยายน 05, 2024
บัตรเครดิตถือเป็นตัวช่วยทางการเงินที่ดี ทำให้เราสามารถใช้จ่ายซื้อสินค้าต่าง ๆ ได้โดยไม่ต้องใช้เงินก้อนเพื่อจ่ายภายในงวดเดียว และอำนวยความสะดวกต่าง ๆ สามารถสะสมคะแนนเพื่อแลกสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ได้
การใช้บัตรเครดิตเกินความสามารถในการผ่อนชำระ ก่อให้เกิดการติดหนี้บัตรเครดิตได้ โดยหนี้บัตรเครดิตถือเป็นภาระทางการเงินที่หลาย ๆ คนต้องเผชิญในปัจจุบัน โดยเฉพาะ First Jobber ที่พึ่งเข้าสู่โลกการทำงาน มักจะมีความต้องการที่จะซื้อสินค้าต่าง ๆ โดยขาดการนึกถึงความสามารถในการชำระคืนอาจทำให้เกินหนี้บัตรเครดิตสะสมได้
เมื่อผู้ถือบัตรเครดิตใช้จ่ายเกินความสามารถในการชำระคืน นำไปสู่ดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมที่สะสมไปเรื่อย ๆ ทำให้เกิดหนี้ที่เพิ่มขึ้น เปรียบเสมือนดินพอกหางหมู ทำให้การแก้หนี้บัตรเครดิตทำได้ยากมากขึ้น ซึ่งหนี้บัตรเครดิตจะส่งผลต่อสภาพคล่องทางการเงินในอนาคต
ตัวอย่างการคำณวนการใช้บัตรเครดิตและหนี้บัตรเครดิต นางสาว A ซื้อโทรศัพท์มือถือ ราคา 50,000 บาท ด้วยบัตรเครดิตเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2567 โดยปกติบัตรเครดิตจะเริ่มคิดดอกเบี้ยตั้งแต่วันที่ทำรายการซื้อสินค้า (Transaction Date) ไม่ใช่วันครบกำหนดชำระ (Due Date) โดยคิดอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่ 16%
นางสาว A มีกำหนดชำระหนี้วันที่ 25 เมษายน 2567 แต่เธอชำระล่าช้าไปจนถึงวันที่ 5 พฤษภาคม 2567
การคำนวณ
จำนวนวันที่ชำระล่าช้า = วันที่ชำระจริง - วันครบกำหนดชำระ
จำนวนวันที่ชำระล่าช้า = 5 พฤษภาคม 2567 - 25 เมษายน 2567 = 10 วัน
ดังนั้น นางสาวสมใจต้องจ่ายดอกเบี้ยล่าช้าเป็นเวลา 10 วัน
คำนวณดอกเบี้ยรายวัน
ดอกเบี้ยรายวัน = (ยอดหนี้คงเหลือ x อัตราดอกเบี้ยต่อปี) / 365
ดอกเบี้ยรายวัน = (50,000 บาท x 16% / 365) = 21.92 บาท/วัน
คำนวณดอกเบี้ยรวม
ดอกเบี้ยรวม = ดอกเบี้ยรายวัน x จำนวนวันที่ชำระล่าช้า
ดอกเบี้ยรวม = 21.92 บาท/วัน x 10 วัน = 219.2 บาท
สรุปแล้วนางสาว A ต้องชำระดอกเบี้ยจากการชำระล่าช้า 219.2 บาท
หมายเหตุ
การจ่ายหนี้บัตรเครดิตล่าช้า ส่งผลเสียหลายประการ ดังนี้
1. เสียค่าดอกเบี้ยเพิ่มเติม
หนี้บัตรเครดิตคิดดอกเบี้ยย้อนหลังตั้งแต่วันที่ทำรายการซื้อ ไม่ใช่วันครบกำหนดชำระ ยิ่งชำระล่าช้า ดอกเบี้ยจะยิ่งทวีคูณสูงขึ้น
ตัวอย่าง ซื้อสินค้า 50,000 บาท จ่ายล่าช้า 10 วัน เสียดอกเบี้ย 219.2 บาท (อัตราดอกเบี้ย 16% ต่อปี)
2. เสียประวัติเครดิต
ข้อมูลการชำระล่าช้าจะถูกส่งไปยังเครดิตบูโร ซึ่งส่งผลต่อโอกาสในการขอสินเชื่ออื่น ๆ ในอนาคต เช่น กู้บ้าน กู้รถ ทำให้อาจถูกเสนออัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น หรือถูกปฏิเสธสินเชื่อจากการเกิดหนี้บัตรเครดิตและชำระเงินไม่ตรงกับเงื่อนไข
3. เสียค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม
ธนาคารอาจเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการชำระล่าช้า ส่งผลต่อยอดหนี้บัตรเครดิตที่เพิ่มสูงขึ้น
4. เสี่ยงต่อการถูกทวงหนี้ และเสี่ยงต่อการดำเนินคดีทางกฎหมาย
กรณีชำระหนี้บัตรเครดิตล่าช้ามาก ๆ ธนาคารอาจส่งทวงหนี้ และในกรณีที่ไม่ชำระหนี้บัตรเครดิต ธนาคารมีสิทธิ์ฟ้องร้องดำเนินคดีทางกฎหมาย
โดยการแก้ปัญหาหนี้บัตรเครดิตสามารถทำได้หลากหลายวิธี โดยเราสรุปแต่ละวิธีและขั้นตอนดังนี้
เริ่มต้นด้วยการรวมหนี้บัตรเครดิตทุกใบที่คุณมีอยู่ในครอบครอง รวมถึงบัตรเครดิตหลัก บัตรเสริม บัตรเครดิตห้างสรรพสินค้า และบัตรเครดิตที่ไม่ค่อยได้ใช้ โดยแบ่งประเภทเป็นบัตรที่ใช้เป็นประจำ และคาดว่าจะมียอดค้างชำระที่สูง กับกลุ่มบัตรเครดิตที่ไม่ค่อยได้นำมาใช้เพื่อใช้ในการรวมรวมเพื่อวางแผนการปิดยอดหนี้บัตรเครดิต
รวมยอดหนี้บัตรเครดิตคงเหลือจากบัตรเครดิตทั้งหมด รวมไปถึงยอดดอกเบี้ย และยอดค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ของบัตรแต่ละใบ เพื่อวางแผนทางด้านการเงินในการเคลียร์หนี้บัตรเครดิตแต่ละใบ
ปิดบัตรเครดิตที่ไม่ได้ใช้งาน โดยการปิดบัตรที่ไม่ได้ใช้จะช่วยลดยอดหนี้บัตรเครดิต ดอกเบี้ย และค่าธรรมเนียมต่าง ๆ การมีบัตรเครดิตหลายใบอาจนำไปสู่การใช้จ่ายเกินความจำเป็น และทำให้การรวมยอดหนี้ยุ่งยาก การปิดบัตรเครดิตที่ไม่ได้ใช้สามารถช่วยให้การจัดการทำได้ง่ายขึ้น ลดโอกาสในสร้างหนี้เพิ่ม
รวบรวมเอกสารที่จำเป็นทั้งหมด รวมถึงใบแจ้งยอดบัตรเครดิต รายละเอียดรายได้ และค่าใช้จ่ายเพื่อนำไปชี้แจงให้ธนาคารเจ้าของบัตรเครดิต
โทรไปที่หมายเลขบริการลูกค้า หรือติดต่อที่ธนาคารเจ้าของบัตรเครดิต
อธิบายสถานการณ์ อธิบายปัญหา และสถานการณ์ทางการเงินของคุณ รวมไปถึงแผนในการชำระหนี้บัตรเครดิตที่สามารถรับไหวให้ชัดเจน
ขอตัวเลือกต่าง ๆ กับธนาคารเจ้าของบัตรเครดิต เช่น การลดอัตราดอกเบี้ย การหยุดคิดดอกเบี้ย การยกเว้นค่าธรรมเนียม การขอลดหนี้ที่ค้างอยู่บางส่วน หรือขยายระยะเวลาในการผ่อนชำระหนี้บัตรเครดิตที่นานขึ้น เพื่อลดจำนวนเงินการชำระในแต่ละงวด
การรวมหนี้บัตรเครดิตไว้ในที่เดียว ทำให้สามารถเห็นยอดหนี้ที่คงเหลือได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น สำหรับการเช็คยอดค้างชำระ ดอกเบี้ย และค่าธรรมเนียมต่าง ๆ เพื่อให้เราสามารถประเมินความสามารถในการผ่อนชำระ วางแผนการผ่อนชำระ หรือชำระหนี้ขั้นต่ำไว้ในที่เดียว
รายการยอดคงเหลือบัตรเครดิต อัตราดอกเบี้ย และการชำระเงินรายเดือนทั้งหมดที่ยังคงเหลืออยู่
ประเมินอัตราดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียม และเงื่อนไขการชำระคืนของแต่ละบัตร โดยเลือกชำระหนี้ที่คงเหลือ หรือปิดยอดบัตรเครดิตที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงที่สุดก่อน เพื่อหยุดดอกเบี้ยที่จะเพิ่มขึ้น โดยถ้าบัตรที่คงค้างมีอัตราดอกเบี้ยเท่ากัน ให้เลือกจ่ายหนี้ของบัตรที่มียอดหนี้น้อยกว่าก่อน เพื่อลดจำนวนบัตรที่จำเป็นต้องจ่ายลง
หาตัวเลือกที่ดีที่สุดและสมัครขอสินเชื่อรวมหนี้ เพื่อให้ง่ายในการจัดการหนี้ และวางแผนอัตราดอกเบี้ยได้ ทำให้จำนวนผ่อนต่อเดือนต่ำลง และลดโอกาสการผิดนัดชำระหนี้หลายทาง
ใช้เงินจากสินเชื่อรวมหนี้เพื่อชำระยอดคงเหลือบัตรเครดิต โดยหลีกเลี่ยงการจ่ายขั้นต่ำของบัตรเครดิต เพราะจะมีอัตราดอกเบี้ยที่สูง โดยหลายคนไม่ทราบว่า การจ่ายขั้นต่ำไม่ได้หมายความว่าเราต้องจ่ายตามจำนวนที่มีการระบุมา แต่เราสามารถจ่ายมากกว่าที่ระบุ โดยขึ้นอยู่กับจำนวนที่เราสามารถรับไหว
สำหรับการวางแผนการเงินหลังจากที่เราได้มีการชำระหนี้ไปบางส่วน และรวบรวมหนี้ของเราไว้ในที่เดียวกันแล้ว จะต้องมีการสร้างวินัยทางการเงินเพิ่มขึ้น วางแผนการเงินในอนาคตเพื่อหลีกเลี่ยงการก่อหนี้ซ้ำในอนาคต
วิเคราะห์รายได้ ค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือน และยอดหนี้คงเหลือที่ต้องชำระ
กำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนและทำได้จริง สำหรับการชำระหนี้และการออมในระยะยาว เพื่อสร้างความมั่นคงทางการเงิน เพื่อไม่กลับมาเป็นหนี้ซ้ำ
จัดสรรเงินทุนไว้สำหรับค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิด และหลีกเลี่ยงการสร้างหนี้สินในอนาคตเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน
จัดลำดับความสำคัญในการชำระหนี้ที่มีดอกเบี้ยสูงก่อน ในขณะเดียวกันก็ชำระหนี้ขั้นต่ำให้กับรายอื่น ๆ เพื่อไม่ให้สถานการณ์ทางการเงินแย่ลง หรือ ค้างชำระหนี้ในส่วนอื่น
หมั่นติดตามแผนทางการเงินเป็นประจำและปรับเปลี่ยน เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ในการชำระหนี้ สร้างความมั่นคงในระยะยาว
ลองปรึกษาที่ปรึกษาทางการเงิน ธนาคาร เพื่อขอคำแนะนำในการจัดการปัญหาหนี้ สร้างความมั่นคงในระยะยาว และป้องกันสิ่งที่ไม่คาดคิด ไม่ว่าจะเป็น การออมเงิน หรือการทำประกันประเภทต่าง ๆ เช่น ประกันสุขภาพ ประกันอุบัติเหตุ เพื่อป้องกันเรื่องไม่คาดคิดที่อาจทำให้ต้องใช้เงินจำนวนมาก
จัดทำงบประมาณที่ระบุรายได้ ค่าใช้จ่ายและเป้าหมายการชำระหนี้ในแต่ละเดือนจะสามารถทำให้เราจัดการและวางแผนการใช้จ่ายในแต่ละเดือนได้
วางแผนเงินสำหรับค่าใช้จ่ายรายสัปดาห์ เช่น ค่าอาหาร ค่าเดินทาง เพื่อไม่ให้มีการใช้จ่ายที่บานปลายไปจากงบประมาณที่ได้วางไว้
การใช้บัตรเครดิตจะทำให้ยอดหนี้ที่เหลืออยู่เพิ่มขึ้น ถ้าไม่ได้มีการปรับนิสัยการใช้จ่าย โดยอาจจะใช้บัตรเครดิตได้แต่ต้องมั่นใจว่าเมื่อถึงกำหนดชำระแล้วจะสามารถจ่ายยอดหนี้ได้เต็มจำนวนเพื่อไม่ให้เกิดดอกเบี้ยเพิ่มเติม
การใช้บัตรกดเงินสด เพื่อนำเงินสดมาใช้จ่ายทำให้ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายมากกว่าเดิม และการใช้บัตรกดเงินสดมีอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าการใช้บัตรเครดิต
แยกแยะระหว่างรายจ่ายที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน และการใช้จ่ายฟุ่มเฟือยในการซื้อสิ่งของ โดยจะต้องมีการกำหนดที่ชัดเจนว่ามีงบประมาณที่สนองความต้องการของตัวเองได้เท่าไหร่ โดยที่งบนั้นจะต้องไม่ส่งผลกระทบต่อการชำระหนี้และค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน
เลี่ยงการซื้อสินค้าที่ไม่ได้วางแผนไว้ โดยยึดติดกับแผนการเงินที่ได้วางไว้ในตอนแรก กับงบประมาณการใช้จ่ายที่ชัดเจนในแต่ละเดือน
ให้รางวัลตัวเองตามงบทางการเงินที่วางไว้เป็นครั้งคราว เพื่อสร้างแรงจูงใจและลดความกดดันในตัวเอง
ทบทวนพฤติกรรมและวางแผนการใช้จ่ายเป็นประจำ รวมถึงปรับเปลี่ยนตามความจำเป็น โดยยึดเป้าหมายหลักในการชำระหนี้ไว้ให้เข้มแข็ง
หนี้บัตรเครดิตอาจดูเหมือนภูเขาสูงชัน แต่ด้วยการใช้การวางแผนที่ถูกต้องและมีวินัยทางการเงิน เราสามารถควบคุมการเงินและสร้างความมั่นคงได้อีกครั้ง วิธีการต่าง ๆ เช่น การปิดบัญชีบัตรเครดิตที่ไม่ได้ใช้ การเจรจากับธนาคารเจ้าของบัตรเครดิตเพื่อขอปรับอัตราดอกเบี้ยและขยายระยะเวลาผ่อนชำระ การรวมหนี้บัตรเครดิตไว้ในที่เดียว การใช้เงินสดแทนบัตรเครดิต และการหลีกเลี่ยงการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น ล้วนเป็นแนวทางที่สามารถนำไปใช้ได้จริงในการแก้ไขปัญหาหนี้บัตรเครดิต
การวางแผนทางการเงินที่ดีและการสร้างวินัยในการใช้จ่ายสามารถช่วยป้องกันไม่ให้เกิดหนี้ซ้ำในอนาคต การตั้งเป้าหมายทางการเงินที่ชัดเจน การสร้างกองทุนฉุกเฉินและการขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญทางการเงินเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เราสามารถจัดการกับหนี้บัตรเครดิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวนและสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยง และ ผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอนาคต โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
Disclaimer