รู้จักกับ "ที่ปรึกษาทางการเงิน" อาชีพสายการเงินที่น่าสนใจ

กันยายน 11, 2024

thumbnail

ที่ปรึกษาทางการเงิน หรือ Financial Advisor เป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีบทบาทสำคัญในการช่วยให้บุคคลและองค์กรบรรลุเป้าหมายทางการเงิน ด้วยความรู้และทักษะที่หลากหลาย ที่ปรึกษาทางการเงินสามารถให้คำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน การวางแผนการเกษียณ การบริหารความเสี่ยง การจัดการหนี้สิน และการวางแผนภาษี ไม่ว่าคุณจะต้องการเพิ่มพูนความมั่งคั่ง วางแผนเพื่อการเกษียณที่มั่นคง หรือจัดการกับหนี้สิน รวมไปถึงการเป็น Financial Planner ที่ปรึกษาทางการเงินสามารถเป็นคู่คิดและแนวทางที่มีคุณค่าสำหรับการตัดสินใจทางการเงินที่สำคัญในชีวิตของคุณ

 

ที่ปรึกษาทางการเงินคือใคร

 

ที่ปรึกษาทางการเงินคือใคร ?

ที่ปรึกษาทางการเงินคือผู้เชี่ยวชาญที่ให้คำแนะนำและความช่วยเหลือด้านการเงินแก่บุคคลหรือองค์กร เพื่อช่วยให้พวกเขาบรรลุเป้าหมายทางการเงิน เช่น การวางแผนการลงทุน การวางแผนการเกษียณ การบริหารความเสี่ยง และการจัดการหนี้สิน โดยที่ปรึกษาทางการเงินมักจะมีความรู้และทักษะในหลายด้านที่เกี่ยวข้องกับการเงินและการลงทุน

ที่ปรึกษาทางการเงินเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีบทบาทสำคัญในการช่วยบุคคลและองค์กรวางแผนการเงินให้สอดคล้องกับเป้าหมายและความต้องการ ผ่านการให้คำแนะนำและการวางแผนที่ครอบคลุมหลายด้าน เช่น การลงทุน การเกษียณอายุ การบริหารความเสี่ยง การจัดการหนี้สิน และการวางแผนภาษี ที่ปรึกษาทางการเงินมีความรู้ ความเชี่ยวชาญ และจรรยาบรรณวิชาชีพที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถตัดสินใจทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพและมั่นใจ

เช่น นายสมชายเป็นที่ปรึกษาทางการเงินที่มีประสบการณ์และได้รับการรับรองจากสถาบันวิชาชีพด้านการเงิน (CFP - Certified Financial Planner) เขามีลูกค้าหลายรายที่มาปรึกษาเกี่ยวกับการวางแผนการเงินของตนเองและครอบครัว หนึ่งในลูกค้าของเขาคือคุณอร ซึ่งต้องการวางแผนการเงินเพื่อการเกษียณอายุ

เกี่ยวกับ CFP : Certified Financial Planner คือใบรับรองวิชาชีพที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในด้านการวางแผนการเงินส่วนบุคคล ใบรับรองนี้มอบให้โดย CFP Board หรือองค์กรที่มีความเกี่ยวข้องในแต่ละประเทศ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อยืนยันว่าผู้ที่ได้รับการรับรองมีความรู้ ความเชี่ยวชาญ และจรรยาบรรณในการให้คำปรึกษาทางการเงินอย่างมืออาชีพ โดย CFP (Certified Financial Planner) เป็นใบรับรองที่มีความสำคัญในด้านการวางแผนการเงินส่วนบุคคล โดยยืนยันว่าผู้ที่ได้รับการรับรองมีความรู้ ความเชี่ยวชาญ และจรรยาบรรณในการให้คำปรึกษาทางการเงิน ผู้ที่ได้รับการรับรอง CFP ต้องผ่านการศึกษา การสอบ ประสบการณ์การทำงาน และปฏิบัติตามหลักจรรยาบรรณที่เคร่งครัด ทำให้เป็นที่ยอมรับและเชื่อถือได้ในสายอาชีพนี้

หลังจากที่คุณอรได้รับคำปรึกษาจากนายสมชายที่เป็น Financial Advisor เธอรู้สึกมั่นใจมากขึ้นในการวางแผนการเกษียณอายุ และมีแผนการเงินที่ชัดเจนเพื่อบรรลุเป้าหมายของเธอ นอกจากนี้ เธอยังรู้สึกว่ามีการบริหารความเสี่ยงที่ดีขึ้น และมั่นใจว่าตนเองจะมีชีวิตที่มั่นคงในวัยเกษียณ

นายสมชายเป็นตัวอย่างของที่ปรึกษาทางการเงินที่มีคุณภาพ ซึ่งสามารถให้คำแนะนำที่มีประโยชน์และมีประสิทธิภาพในการช่วยให้ลูกค้าบรรลุเป้าหมายทางการเงินและมีความมั่นคงในอนาคต


*เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเพียงเหตุการณ์ตัวอย่าง

 

ที่ปรึกษาทางการเงินทำอะไร ?

ที่ปรึกษาทางการเงินมีบทบาทและหน้าที่หลากหลายเพื่อช่วยให้ลูกค้าบรรลุเป้าหมายทางการเงิน บทบาทเหล่านี้ครอบคลุมการวิเคราะห์การเงิน การวางแผนการลงทุน การจัดการหนี้สิน การวางแผนภาษี และการบริหารความเสี่ยง ที่ปรึกษาทางการเงินทำงานร่วมกับลูกค้าเพื่อพัฒนากลยุทธ์ที่เหมาะสมกับสถานการณ์ทางการเงินและความต้องการของลูกค้า ดังนี้ :

 

หน้าที่หลักของที่ปรึกษาทางการเงิน

1. การประเมินสถานะการเงินปัจจุบัน

  • รวบรวมข้อมูลทางการเงินจากลูกค้า เช่น รายได้ ค่าใช้จ่าย สินทรัพย์ หนี้สิน และเป้าหมายทางการเงิน
  • วิเคราะห์สถานะการเงินปัจจุบันของลูกค้าเพื่อประเมินความสามารถในการบรรลุเป้าหมาย

2. การวางแผนการลงทุน

  • ช่วยลูกค้าเลือกการลงทุนที่เหมาะสมกับเป้าหมายการเงินและระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
  • แนะนำผลิตภัณฑ์การลงทุนต่าง ๆ เช่น หุ้น พันธบัตร กองทุนรวม หรืออสังหาริมทรัพย์
  • จัดทำพอร์ตการลงทุนและปรับพอร์ตการลงทุนตามความเหมาะสม

3. การวางแผนการเกษียณ

  • วางแผนการออมและการลงทุนเพื่อให้มีรายได้เพียงพอในช่วงวัยเกษียณ
  • คำนวณจำนวนเงินที่ต้องการสำหรับการเกษียณอายุ และกำหนดจำนวนเงินที่ต้องออมทุกเดือน

4. การบริหารความเสี่ยงและการประกันภัย

  • วิเคราะห์ความเสี่ยงทางการเงินที่ลูกค้าอาจเผชิญ และให้คำแนะนำในการบริหารความเสี่ยงเหล่านั้น
  • แนะนำการทำประกันชีวิต ประกันสุขภาพ และประกันทรัพย์สินที่เหมาะสม

5. การวางแผนภาษี

  • วางแผนภาษีเพื่อให้ลูกค้าใช้ประโยชน์จากการหักภาษีและเครดิตภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ให้คำแนะนำเพื่อป้องกันปัญหาทางภาษีในอนาคต และช่วยในการจัดการภาษีให้มีประสิทธิภาพ

6. การจัดการหนี้สิน

  • ช่วยลูกค้าจัดการหนี้สินและวางแผนการชำระหนี้เพื่อปรับปรุงสถานะการเงิน
  • แนะนำวิธีการรีไฟแนนซ์หนี้สินเพื่อลดดอกเบี้ยและเพิ่มความสามารถในการชำระหนี้

7. การวางแผนการสืบทอดทรัพย์สิน

  • ช่วยลูกค้าวางแผนการถ่ายโอนทรัพย์สินให้แก่ทายาทหรือองค์กรการกุศลอย่างมีประสิทธิภาพ
  • แนะนำการจัดทำพินัยกรรมและการตั้งมรดกเพื่อป้องกันข้อขัดแย้งในครอบครัว

 

8. การติดตามและปรับปรุงแผนการเงิน

  • ติดตามและทบทวนแผนการเงินของลูกค้าเป็นระยะ เพื่อปรับปรุงให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงทางการเงินและเป้าหมายที่เปลี่ยนไป
  • ให้คำปรึกษาและการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองต่อสถานการณ์ใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้น

 

ที่ปรึกษาทางการเงินมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้ลูกค้าบรรลุเป้าหมายทางการเงิน โดยให้คำแนะนำและการวางแผนที่ครอบคลุมหลายด้าน เช่น การวางแผนการลงทุน การจัดการหนี้สิน การบริหารความเสี่ยง และการวางแผนภาษี ที่ปรึกษาทางการเงินทำงานร่วมกับลูกค้าเพื่อพัฒนากลยุทธ์ที่เหมาะสมกับสถานการณ์และความต้องการของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง

 

หน้าที่ของที่ปรึกษาทางการเงิน

 

กรณีตัวอย่างลูกค้าของการทำงานของที่ปรึกษาทางการเงิน : คุณวิภา

พื้นหลังของลูกค้า :

คุณวิภาเป็นพนักงานบริษัทอายุ 40 ปี มีรายได้ต่อปี 1,200,000 บาท มีเป้าหมายที่จะเกษียณอายุเมื่ออายุ 60 ปี โดยต้องการมีเงินเพียงพอสำหรับการใช้ชีวิตอย่างสบายในวัยเกษียณ นอกจากนี้เธอยังมีแผนที่จะส่งลูกสองคนเข้าเรียนมหาวิทยาลัยในอีก 10 ปีข้างหน้า

 

ขั้นตอนการให้คำปรึกษาของที่ปรึกษาทางการเงิน

1. การประเมินสถานะการเงินปัจจุบัน

  • ที่ปรึกษารวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับรายได้ ค่าใช้จ่าย สินทรัพย์ (เช่น เงินฝาก หุ้น กองทุนรวม) และหนี้สิน (เช่น สินเชื่อบ้าน) ของคุณวิภา
  • วิเคราะห์สถานะการเงินปัจจุบัน พบว่าคุณวิภามีเงินออมอยู่ประมาณ 2,000,000 บาท และลงทุนในกองทุนรวมประมาณ 1,000,000 บาท

2. การกำหนดเป้าหมายทางการเงิน

  • ที่ปรึกษาช่วยคุณวิภากำหนดเป้าหมายการเกษียณและการศึกษา โดยคำนวณจำนวนเงินที่ต้องการสำหรับการเกษียณอายุที่ 20,000,000 บาท และค่าใช้จ่ายในการศึกษาลูกสองคนประมาณ 4,000,000 บาท

3. การวางแผนการลงทุน

  • ที่ปรึกษาแนะนำให้คุณวิภาเพิ่มการลงทุนในกองทุนรวมดัชนี (Index Funds) และกองทุน ETF เพื่อกระจายความเสี่ยงและเพิ่มผลตอบแทน
  • จัดทำพอร์ตการลงทุนที่ประกอบด้วยหุ้น 60% และพันธบัตร 40% เพื่อให้สอดคล้องกับระดับความเสี่ยงที่คุณวิภายอมรับได้

4. การวางแผนการเกษียณ

  • ที่ปรึกษาแนะนำให้คุณวิภาเพิ่มการออมเงินสำหรับการเกษียณ โดยการเปิดบัญชีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (Provident Fund) และการลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (Retirement Mutual Fund - RMF) เพื่อใช้ประโยชน์จากการลดหย่อนภาษี
  • คำนวณจำนวนเงินที่คุณวิภาต้องออมทุกเดือนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการเกษียณอายุ

5. การบริหารความเสี่ยงและการประกันภัย

  • ที่ปรึกษาแนะนำให้คุณวิภาทำประกันชีวิตและประกันสุขภาพ เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
  • เลือกแผนประกันที่คุ้มค่าและเหมาะสมกับสถานการณ์ทางการเงินของคุณวิภา

6. การวางแผนภาษี

  • ที่ปรึกษาช่วยคุณวิภาวางแผนภาษีเพื่อให้ใช้ประโยชน์จากการหักภาษีและเครดิตภาษีที่เธอมีสิทธิ์ได้รับ
  • แนะนำการลงทุนในผลิตภัณฑ์การออมที่ลดหย่อนภาษีได้ เช่น กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (Provident Fund)

7. การติดตามและปรับปรุงแผนการเงิน

  • ที่ปรึกษาติดตามผลการลงทุนและทบทวนแผนการเงินของคุณวิภาเป็นระยะ
  • ปรับแผนการเงินและพอร์ตการลงทุนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ทางการเงินและเป้าหมายที่เปลี่ยนไปของคุณวิภา

 

ผลลัพธ์ของการใช้บริการ

หลังจากได้รับคำปรึกษาจากที่ปรึกษาทางการเงิน คุณวิภารู้สึกมั่นใจมากขึ้นในการจัดการเงินและการลงทุนของตนเอง เธอสามารถเพิ่มเงินออมและการลงทุนได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ นอกจากนี้ยังมีแผนการเกษียณและการศึกษาลูกที่ชัดเจน ซึ่งทำให้เธอมีความมั่นใจในการเตรียมพร้อมสำหรับอนาคตอย่างมั่นคง

ตัวอย่างนี้แสดงให้เห็นว่าที่ปรึกษาทางการเงินสามารถช่วยลูกค้าบรรลุเป้าหมายทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการวิเคราะห์สถานะการเงิน วางแผนการลงทุน จัดการความเสี่ยง และวางแผนภาษีอย่างเป็นระบบและครอบคลุม

 

คุณสมบัติของที่ปรึกษาทางการเงินมีอะไรบ้าง ?

ที่ปรึกษาทางการเงินต้องมีคุณสมบัติและทักษะหลายด้านเพื่อให้สามารถให้คำแนะนำทางการเงินที่มีคุณภาพและมีประสิทธิภาพแก่ลูกค้าได้ นี่คือคุณสมบัติที่สำคัญของที่ปรึกษาทางการเงิน

คุณสมบัติและทักษะของที่ปรึกษาทางการเงิน

1. ความรู้และความเชี่ยวชาญทางการเงิน

  • มีความรู้ลึกซึ้งในด้านการเงิน การลงทุน การวางแผนภาษี การบริหารความเสี่ยง และการวางแผนการเกษียณ
  • ผ่านการอบรมและได้รับการรับรองจากสถาบันวิชาชีพ เช่น CFP (Certified Financial Planner) หรือ CFA (Chartered Financial Analyst)

2. การศึกษาที่เหมาะสม

  • มีปริญญาตรีหรือปริญญาโทในสาขาที่เกี่ยวข้องกับการเงิน การบัญชี เศรษฐศาสตร์ หรือการบริหารธุรกิจ
  • การศึกษาต่อเนื่องและการอัปเดตความรู้เป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงในตลาดการเงินและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

3. ทักษะการวิเคราะห์

  • สามารถวิเคราะห์ข้อมูลทางการเงินและประเมินสถานการณ์ทางการเงินของลูกค้าได้อย่างแม่นยำ
  • มีความสามารถในการวิเคราะห์ความเสี่ยงและผลตอบแทนจากการลงทุน

4. ทักษะการสื่อสาร

  • มีทักษะการสื่อสารที่ดี สามารถอธิบายข้อมูลทางการเงินที่ซับซ้อนให้ลูกค้าเข้าใจได้ง่าย
  • มีทักษะการฟังที่ดีเพื่อเข้าใจความต้องการและเป้าหมายของลูกค้า

5. ความซื่อสัตย์และจรรยาบรรณวิชาชีพ

  • ปฏิบัติตามหลักจรรยาบรรณวิชาชีพ มีความซื่อสัตย์และโปร่งใสในการให้คำแนะนำทางการเงิน
  • ใส่ใจในผลประโยชน์ของลูกค้าเป็นสำคัญ และหลีกเลี่ยงความขัดแย้งทางผลประโยชน์

6. ความสามารถในการสร้างความสัมพันธ์

  • มีความสามารถในการสร้างและรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า
  • มีความเข้าใจและเห็นใจต่อความต้องการและความกังวลของลูกค้า

7. การบริหารเวลาและการจัดการงาน

  • มีทักษะในการบริหารเวลาและการจัดการงาน เพื่อให้สามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • สามารถจัดลำดับความสำคัญของงานและติดตามผลการดำเนินงานของลูกค้าได้อย่างเป็นระบบ

8. การเรียนรู้และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง

  • มีความกระตือรือร้นในการเรียนรู้และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงในตลาดการเงินและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
  • การเข้าร่วมอบรม สัมมนา และการศึกษาต่อเนื่องเป็นสิ่งสำคัญ


นอกจากนี้ยังมีที่ปรึกษาทางการเงินในโลกคริปโตฯ ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญที่ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลได้ เช่น บิตคอยน์และอีเธอเรียม บทบาทสำคัญมีดังนี้ 

1. ให้ความรู้พื้นฐาน : อธิบายเทคโนโลยีบล็อกเชนและคริปโตเคอร์เรนซี

2. วิเคราะห์ความเสี่ยง : ประเมินความเสี่ยงและผลตอบแทนจากการลงทุน

3. วางแผนการลงทุน : แนะนำกลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะสมกับเป้าหมายของลูกค้า

4. ติดตามและปรับพอร์ตการลงทุน : ปรับพอร์ตตามสถานการณ์ตลาด

5. ให้คำปรึกษาด้านกฎระเบียบและภาษี : ช่วยลูกค้าเข้าใจกฎระเบียบและการวางแผนภาษี

 

ที่ปรึกษาทางการเงินโดยรวมต้องมีความรู้และทักษะในหลายด้าน รวมถึงการศึกษาที่เหมาะสม การวิเคราะห์ทางการเงิน การสื่อสารที่ดี ความซื่อสัตย์และจรรยาบรรณวิชาชีพ ความสามารถในการสร้างความสัมพันธ์ การบริหารเวลา และการเรียนรู้และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง คุณสมบัติเหล่านี้ช่วยให้ที่ปรึกษาทางการเงินสามารถให้คำแนะนำที่มีคุณภาพและมีประสิทธิภาพแก่ลูกค้าได้

 

ดูแลสุขภาพทางการเงินด้วยที่ปรึกษาทางการเงิน

การดูแลสุขภาพทางการเงินด้วยที่ปรึกษาทางการเงินเป็นกระบวนการที่มีความสำคัญและละเอียดอ่อน โดยที่ปรึกษาทางการเงินจะช่วยวางแผนและจัดการทรัพย์สินของคุณให้เหมาะสมกับเป้าหมายและความต้องการทางการเงินในระยะยาว การทำงานร่วมกับที่ปรึกษาทางการเงินสามารถช่วยเพิ่มความมั่นคงและปลอดภัยทางการเงินของคุณได้มากขึ้น นี่คือรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับกระบวนการและประโยชน์ของการใช้บริการที่ปรึกษาทางการเงิน

 

1. การประเมินสถานะการเงินปัจจุบัน

  • รวบรวมข้อมูลทางการเงิน : ที่ปรึกษาทางการเงินจะเริ่มต้นด้วยการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสถานะการเงินของคุณ เช่น รายได้ ค่าใช้จ่าย ทรัพย์สิน (เช่น เงินฝาก หุ้น กองทุนรวม) และหนี้สิน (เช่น สินเชื่อบ้าน บัตรเครดิต)
  • วิเคราะห์สถานะการเงิน : หลังจากรวบรวมข้อมูล ที่ปรึกษาจะทำการวิเคราะห์เพื่อระบุจุดแข็งและจุดอ่อนทางการเงิน รวมถึงการประเมินว่าสถานะปัจจุบันของคุณสอดคล้องกับเป้าหมายทางการเงินในอนาคตหรือไม่

 

2. การวางแผนการเงิน

  • กำหนดเป้าหมายทางการเงิน : ที่ปรึกษาจะช่วยคุณกำหนดเป้าหมายทางการเงินที่ชัดเจน เช่น การออมเพื่อการเกษียณ การซื้อบ้าน การศึกษาบุตร หรือการสร้างทุนสำรองฉุกเฉิน
  • วางแผนการลงทุน : ที่ปรึกษาจะช่วยวางแผนการลงทุนที่เหมาะสมกับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ และเป้าหมายทางการเงิน โดยอาจแนะนำการลงทุนในสินทรัพย์หลากหลาย เช่น หุ้น พันธบัตร กองทุนรวม หรืออสังหาริมทรัพย์

 

3. การจัดการหนี้สิน

  • วิเคราะห์หนี้สิน : ที่ปรึกษาจะช่วยคุณวิเคราะห์หนี้สินที่มีอยู่ และกำหนดวิธีการชำระหนี้ที่มีประสิทธิภาพ
  • วางแผนการชำระหนี้ : ที่ปรึกษาจะช่วยจัดทำแผนการชำระหนี้เพื่อลดภาระดอกเบี้ยและปรับปรุงเครดิตสกอร์ โดยอาจแนะนำวิธีการรีไฟแนนซ์หนี้หรือการจัดการหนี้ใหม่

 

4. การบริหารความเสี่ยงและการประกันภัย

  • วิเคราะห์ความเสี่ยง : ที่ปรึกษาจะประเมินความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในชีวิตของคุณ เช่น ความเสี่ยงจากการเจ็บป่วย อุบัติเหตุ หรือการสูญเสียทรัพย์สิน
  • แนะนำการประกันภัย : ที่ปรึกษาจะแนะนำการทำประกันที่เหมาะสม เช่น ประกันชีวิต ประกันสุขภาพ และประกันทรัพย์สิน เพื่อป้องกันความเสี่ยงและให้ความคุ้มครองทางการเงินในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน

 

5. การวางแผนภาษี

  • วิเคราะห์ภาระภาษี : ที่ปรึกษาจะช่วยวิเคราะห์ภาระภาษีของคุณและระบุวิธีการลดภาระภาษี
  • วางแผนภาษี : ที่ปรึกษาจะแนะนำวิธีการจัดการภาษี เช่น การลงทุนในสินทรัพย์ที่มีการลดหย่อนภาษี การวางแผนการบริจาค หรือการใช้ประโยชน์จากเครดิตภาษี

 

6. การติดตามและปรับปรุงแผนการเงิน

  • ติดตามสถานะการเงิน : ที่ปรึกษาจะติดตามและตรวจสอบสถานะการเงินและผลการลงทุนของคุณเป็นระยะ เพื่อให้มั่นใจว่าแผนการเงินยังคงสอดคล้องกับเป้าหมายที่ตั้งไว้
  • ปรับปรุงแผนการเงิน : ที่ปรึกษาจะแนะนำการปรับปรุงแผนการเงินตามความเหมาะสม โดยคำนึงถึงการเปลี่ยนแปลงในชีวิต สถานการณ์ทางการเงิน และสภาวะตลาด

 

ตัวอย่างการทำงานกับที่ปรึกษาทางการเงิน

คุณสมชายเป็นพนักงานบริษัทอายุ 40 ปี ที่มีเป้าหมายที่จะเกษียณอายุในอีก 20 ปีข้างหน้า ที่ปรึกษาทางการเงินช่วยเขาในการวางแผนการออมและการลงทุน โดยแนะนำให้เปิดบัญชีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพและลงทุนในกองทุนรวมดัชนี เพื่อให้ผลตอบแทนที่สม่ำเสมอและมีความเสี่ยงต่ำ ที่ปรึกษายังช่วยเขาวางแผนการชำระหนี้สินและการทำประกันชีวิตเพื่อป้องกันความเสี่ยงในอนาคต

 

ผลลัพธ์

หลังจากทำงานร่วมกับที่ปรึกษาทางการเงิน คุณสมชายสามารถเพิ่มการออมและการลงทุนได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ มีแผนการเกษียณที่ชัดเจน และได้รับการป้องกันความเสี่ยงที่เหมาะสม นอกจากนี้ยังมีความมั่นใจในการจัดการเงินและการลงทุนของตนเองมากขึ้น

 

สรุป

การดูแลสุขภาพทางการเงินด้วยที่ปรึกษาทางการเงินเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการสร้างความมั่นคงทางการเงินและบรรลุเป้าหมายทางการเงิน ที่ปรึกษาทางการเงินช่วยในการวางแผน จัดการ และปรับปรุงสถานะการเงินของคุณอย่างเป็นระบบและครอบคลุม ทำให้คุณสามารถรับมือกับความท้าทายทางการเงินและมีความมั่นใจในการจัดการเงินของตนเองในระยะยาว

 

หมายเหตุ

คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวนและสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยง และ ผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอนาคต โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้

เรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

Merkle Capital คือผู้จัดการเงินทุนสินทรัพย์ดิจิทัลแห่งแรกในประเทศไทย ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานก.ล.ต. บริษัทให้การดูแลและบริหารเงินลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลแก่ลูกค้าด้วยกลยุทธ์ที่หลากหลายโดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนและการบริหารจัดการ