ค่าครองชีพสูง ทำไงดี ? ควรใช้จ่ายต่อเดือนอย่างไร

กันยายน 25, 2024

thumbnail

ค่าครองชีพใน South East Asia สูงไหม ?


ค่าครองชีพใน South East Asia สูงไหม ?

ค่าครองชีพ (Cost of Living) คือค่าใช้จ่ายต่อเดือนที่บุคคลหรือครอบครัวต้องจ่ายเพื่อรักษาระดับชีวิตที่พึงพอใจ หรือระดับที่ชีวิตที่สามารถพอยังใช้ชีวิตอยู่ได้ ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ๆ ค่าครองชีพประกอบด้วยค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ตั้งแต่ค่าใช้จ่ายกินอยู่ ค่าบ้าน ค่าเดินทาง ค่ารักษาพยาบาล หรือค่าสารธารณูปโภคต่าง ๆ ซึ่งค่าครองชีพจะแตกต่างกันไปในแต่ละเมืองหรือแต่ละประเทศขึ้นอยู่กับเศรษฐกิจ นโยบายรัฐบาล อัตราเงินเฟ้อ และความต้องการของผู้บริโภคในแต่ละพื้นที่

ค่าครองชีพในไทยช่วงต้นปี 2567 ลดลงจากปี 2566 จากดัชนีค่าครองชีพของ (Cost of Living Index) Numbeo โดยพบว่าค่าครองชีพของประเทศไทยลดลงจาก 40.7% ลงมาเหลือ 36% และเมื่อเทียบเป็นอันดับกับประเทศทั่วโลกแล้วพบว่า ลดลงมาจากลำดับที่ 79 มาอยู่ลำดับที่ 94 จาก 146 ประเทศทั่วโลก ค่าครองชีพที่ลดลงนับได้ว่าเป็นหมุดหมายที่ดีของประเทศไทยที่จะทำให้เติบโตต่อไปได้ในอนาคต

หากลองนำมาเปรียบเทียบกับประเทศในกลุ่ม South East Asia ของเราเองที่มีรูปแบบพื้นที่คล้าย ๆ กันและมีการค้าขายร่วมกันอย่าง ASEAN ประเทศไทยจะมีค่าครองชีพเป็นอย่างไร ซึ่งจากข้อมูงของ Numbeo แล้วสามารถเรียงลำดับได้ดังนี้ (เรียงจากมากไปน้อย)

  • สิงคโปร์ มีค่าครองชีพสูงที่สุดในอาเซียนที่ 81.9% (อันดับ 7 ของโลก)
  • บรูไน อยู่ที่ 50.5% (อันดับ 48 ของโลก)
  • เมียนมา อยู่ที่ 38.6% (อันดับ 87 ของโลก)
  • กัมพูชา อยู่ที่ 38.5% (อันดับ 88 ของโลก)
  • ไทย อยู่ที่ 36.0% (อันดับ 94 ของโลก)
  • ฟิลิปปินส์ อยู่ที่ 33.6% (อันดับ 104 ของโลก)
  • เวียดนาม อยู่ที่ 30.8% (อันดับ 113 ของโลก)
  • มาเลเซีย อยู่ที่ 30.5% (อันดับ 115 ของโลก)
  • อินโดนีเซีย อยู่ที่ 28.5% (อันดับ 126 ของโลก)

ประเทศไทยมีค่าครองชีพอยู่ในอันดับ 4 ของ ASEAN โดยที่มี GDP เป็นอันดับ 2 ของอาเซียนและมี GDP ต่อหัวอยู่ที่อันดับ 4 ของ ASEAN เช่นกัน หากเทียบกับขนาดของ GDP และลำดับของค่าครองชีพลำดับที่ไทยอยู่ตอนนี้ก็นับว่าสมเหตุสมผล นับว่าไม่ได้มีปัญหาอะไร

อย่างไรก็ตามจากที่เราคนไทยอยู่ในประเทศไทยได้พบปัญหาภายในกันอยู่ในปัจจุบัน ราคาบ้านที่สูงจนผู้คนไม่สามารถครอบครองได้ คนส่วนมากที่ยังใช้เงินเดือนชนเดือน และเด็กจบใหม่ที่ไม่มีทางได้รับเงินเดือนที่เพียงพอสำหรับค่าครองชีพในปัจจัจุบันได้

 

ค่าครองชีพในไทยประกอบด้วยค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง

จากค่าครองชีพ (Cost of Living) คือค่าใช้จ่ายต่อเดือนที่บุคคลหรือครอบครัวต้องจ่ายก็จะมีค่าใช้จ่ายหลัก ๆ ที่บังคับต้องจ่ายอย่างค่าอาหารการกิน ค่าการเดินทาง และค่าใช้จ่ายยิบย่อย ต่าง ๆ อย่างค่าไฟ ค่านำ้ ค่าความสุขหรือค่าสังคมต่าง ๆ ซึ่งหากเปรียบค่าใช้จ่ายทั้งหมดเป็น 100 แล้วค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ทั้งหมดแบ่งกันเป็นเปอร์เซ็นเท่าไหร่


ค่าครองชีพในไทยประกอบด้วยค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง

โดยจะเรียงจากมากไปน้อย (ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติครึ่งปีแรกปี 2566)

อาหาร เครื่องดื่ม ยาสูบ 8,575 บาท (35.2%)

ค่าที่อยู่อาศัยและเครื่องใช้ 5,295 บาท (21.7%)

ยานพาหนะ การเดินทาง3 880 บาท (15.9%)

ค่าใช้จ่ายที่ไม่เกี่ยวกับการบริโภค3100บาท (12.7)

เครื่องนุ่งห่มของใช้ส่วนบุคคล 1,446 บาท (6.0%)

ค่าใช้จ่ายการสื่อสาร864 บาท (3.6%)

ค่าใช้จ่ายการศึกษา345บาท (1.4%)

เวชภัณฑ์และค่ารักษาพยาบาล344บาท (1.4%)

ความบันเทิงและจัดงานพิธี291บาท (1.2%)

กิจกรรมทางศาสนา222บาท (0.9%)

รวม21,262บาท (100%)

อันดับหนึ่งอยู่ที่อาหารการกินที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน รองลงมาเป็นที่อยู่อาศัยซึ่งจำเป็นเช่นกัน จะเห็นได้ว่าสองอย่างนี้เป็น 2 ในปัจจัย 4 แต่ที่แปลกอย่างหนึ่งคือ ยานพาหนะและการเดินทางกินอัตราส่วนที่สูงมาก ราว 15% ของรายได้ ทั้งนี้ยังมีค่าใช้จ่ายยิบย่อยที่จำเป็นในชีวิตอย่าง ค่าใช้จ่ายการสื่อสาร ความบันเทิง กิจกรรมทางศาสนา ที่ทำให้รายจ่ายเพิ่มขึ้น จนค่าใช้จ่ายต่อเดือนรวมอยู่ที่ 21,262 บาท ซึ่งเงินเดือนเด็กปริญญาตรีจบใหม่อยู่ที่ 18,000 บาท ยังไม่ได้คิดถึงกลุ่มที่เงินเดือนตำ่กว่านั้นหรือกลุ่มที่ไม่มีงานทำ ซึ่งไม่มีทางพออย่างแน่นอน

 

คนไทยโดยเฉลี่ยมีรายได้เท่าไหร่


คนไทยโดยเฉลี่ยมีรายได้เท่าไหร่

แต่ถ้าหากเรามาดูรายได้เฉลี่ยของคนไทย อ้างอิงจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ จะอยู่ที่ 29,502 บาท โดยแบ่งออกมาได้เป็น


รายได้เฉลี่ยของคนไทย

รายได้จากการทำงาน20,799 บาท (70.5%)

รายได้ไม่เป็นตัวเงิน4,232 บาท (14.3%)

รายได้จากแหล่งอื่นและเงินช่วยเหลือ3,835 บาท (13.0%)

รายได้จากสินทรัพย์636 บาท(2.2%)

รวม29,502บาท(100%)

จะเห็นว่ารายได้ของคนไทยโดยเฉลี่ยค่อนข้างสูงอยู่และสูงกว่าค่าครองชีพเยอะมาก แต่ทำไมยังมีปัญหาค่าครองชีพในไทยอยู่ คำตอบคือปัญหาความเหลื่อมลํ้าและการกระจายรายได้ในประเทศไทย ซึ่งหากเรามาดูการกระจายรายได้แล้ว พบปัญหาความแตกต่างระหว่างรายได้ที่สูงมากถึง 5 เท่า


รายได้ของคนไทยโดยเฉลี่ย

จากรูปจะเห็นได้ว่ากลุ่มครัวเรือนที่มีรายได้อยู่ในกลุ่มแรกมีสัดส่วนรายได้ต่างจากคนที่มีรายได้กลุ่มที่ 5 ถึง 5 เท่า ที่เป็นปัญหามากกว่านั้นกลุ่มที่มีรายได้อยู่ในกลุ่มที่ 4 ที่ควรจะเทียบเท่าหรือใกล้เคียงกลุ่มที่ 5 แต่ทั้งสองกลุ่มนี้มีรายได้แตกต่างกันถึง 2 เท่า สะท้อนให้เห็นถึงการกระจายรายได้ที่มีความเหลื่อมลํ้าที่สูง

ความเหลื่อมล้ำสูงมีผลกระทบที่รุนแรงต่อสังคมและเศรษฐกิจ การกระจายรายได้ที่ไม่เท่าเทียมทำให้คนกลุ่มหนึ่งมีทรัพยากรมากเกินไป ในขณะที่คนกลุ่มใหญ่กลับมีรายได้ต่ำ ความไม่สมดุลนี้สร้างความไม่พอใจในสังคม ทำให้เกิดความขัดแย้งและความไม่สงบ อีกทั้งยังทำให้คนที่มีรายได้น้อยเข้าถึงการรักษาพยาบาลและการศึกษาน้อยลง ส่งผลกระทบต่อโอกาสในชีวิตและการทำงานของพวกเขา

นอกจากนี้ ความเหลื่อมล้ำสูงยังทำให้การพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมไม่ยั่งยืน การกระจายทรัพยากรที่ไม่เป็นธรรมส่งผลให้การเติบโตทางเศรษฐกิจช้าลงและเพิ่มปัญหาอาชญากรรมและความรุนแรงในสังคม เพื่อแก้ไขปัญหานี้ จำเป็นต้องมีนโยบายที่เข้มงวดจากรัฐบาลและองค์กรต่าง ๆ เพื่อสร้างโอกาสและการเข้าถึงทรัพยากรที่เท่าเทียมกันสำหรับทุกคนในสังคม

 

ค่าครองชีพสูง ควรทำอย่างไร

การเผชิญกับค่าครองชีพสูงเป็นความท้าทายที่หลายคนต้องประสบในปัจจุบัน การบริหารจัดการค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพและการหาทางเพิ่มรายได้จึงเป็นสิ่งที่จำเป็น การวางแผนการเงินที่ดีสามารถช่วยลดความเครียดและสร้างความมั่นคงทางการเงินได้ในระยะยาว แนวทางการจัดการค่าใช้จ่ายและการลงทุนอย่างชาญฉลาดจะเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้สามารถรับมือกับค่าครองชีพสูงและยังสามารถสร้างอนาคตทางการเงินที่มั่นคงได้ ซึ่งจะขอแบ่งการจัดการนี้เป็น 2 รูปแบบคือด้านการเงินและด้านพฤติกรรม

ด้านการเงิน

  • การวางแผนงบประมาณ : สร้างแผนการเงินรายเดือนที่แสดงรายได้และค่าใช้จ่ายทั้งหมดอย่างละเอียด เช่น รายได้จากเงินเดือน รายได้เสริม และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เช่น ค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำค่าไฟ ค่าอาหาร ค่าเดินทาง ค่าอินเทอร์เน็ต และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละเดือน จากนั้นจัดทำงบประมาณเพื่อตั้งเป้าหมายในการใช้จ่ายแต่ละประเภท เช่น ตั้งงบประมาณสำหรับการทานอาหารนอกบ้านไม่เกิน 2,000 บาทต่อเดือน และพยายามทำตามแผนที่วางไว้
  • การออมเงิน : ตั้งเป้าหมายการออมเงิน เช่น ออมเงิน 10% ของรายได้ทุกเดือน และฝากเข้าบัญชีออมทรัพย์ที่ให้ดอกเบี้ยสูง เช่น บัญชีออมทรัพย์แบบออนไลน์ที่ไม่มีค่าธรรมเนียม นอกจากนี้ลองพิจารณาการลงทุนในกองทุนรวมที่มีความเสี่ยงต่ำหรือบัญชีฝากประจำเพื่อให้ได้รับผลตอบแทนที่ดีกว่า
  • การเพิ่มรายได้ : ทำงานพิเศษ เช่น การสอนพิเศษในเวลาว่างหรือการทำงานออนไลน์ที่ได้รับค่าตอบแทน เช่น การเขียนบทความ การทำกราฟิกดีไซน์ การขายสินค้าออนไลน์ หรือการทำงานแปลภาษา ซึ่งสามารถทำในเวลาว่างหลังจากงานประจำได้ และช่วยเพิ่มรายได้ให้มากขึ้น
  • การศึกษาวิธีการจัดการเงิน : อ่านหนังสือเช่น “The Total Money Makeover” โดย Dave Ramsey หรือ “Rich Dad Poor Dad” โดย Robert Kiyosaki ที่สอนวิธีการจัดการเงินและการลงทุนให้มีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ลองเข้าร่วมการอบรมหรือสัมมนาเกี่ยวกับการจัดการเงินจากสถาบันการเงินต่าง ๆ เช่น ธนาคารพาณิชย์หรือองค์กรที่ให้ความรู้ทางการเงิน
  • การบริหารจัดการเงินในระยะยาวและการลงทุน : การวางแผนการเงินในระยะยาวมาก ๆ อย่างเงินหลังเกษียณ ระยะกลางอย่างเงินปันผลระหว่างทาง สิ่งนี้มาจากการวางแผนการลงทุนทั้งสินทั้งหุ้นรายตัว หุ้นปันผล กองทุนปันผล และอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งเงินเหล่านี้จะทำให้เรามีเงินดูแลตัวเราเองและชดเชยค่าครองชีพที่เราอาจหาได้ไม่ถึง รวมทั้งเป็นเกราะป้องกันความเสี่ยงหากมีปัญหาร้ายแรงเกิดขึ้นอย่าง โดนไล่ออกจากงาน ป่วยรุนแรงที่กินระยะเวลายาวนาน ในอนาคตระยะกลางและระยะยาวจะมีเงินก้อนนี้มีคอยช่วยสนับสนุนไม่ให้เราล้มไป 

ด้านพฤติกรรม

  • การลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น : แทนที่จะทานอาหารนอกบ้านทุกสัปดาห์ ลองทำอาหารที่บ้านมากขึ้นโดยซื้อวัตถุดิบที่ตลาดหรือซูเปอร์มาร์เก็ตแล้วทำอาหารเอง เช่น การทำอาหารง่าย ๆ อย่างผัดผัก ผัดกระเพรา หรือแกงจืด สามารถประหยัดเงินได้มากขึ้น นอกจากนี้ลองพิจารณาลดการใช้จ่ายในกิจกรรมที่ไม่จำเป็น เช่น การลดการซื้อของที่ไม่จำเป็น หรือการเลิกเป็นสมาชิกฟิตเนสหากไม่ได้ใช้บริการบ่อย ๆ
  • การหาสินค้าและบริการที่ราคาถูกกว่า : ซื้อของชำจากตลาดสดแทนการซื้อจากซูเปอร์มาร์เก็ต เพราะของบางอย่างที่ตลาดสดมักมีราคาถูกกว่า นอกจากนี้ลองใช้แอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์เปรียบเทียบราคาสินค้าก่อนซื้อ เช่น Priceza หรือ Kaidee เพื่อหาสินค้าที่มีราคาถูกกว่าและคุณภาพดี
  • ใช้โปรโมชั่นและส่วนลด : ใช้แอปพลิเคชันที่รวมรวมโปรโมชั่นและส่วนลดจากร้านค้าต่าง ๆ เช่น Shopee Lazada หรือใช้บัตรสมาชิกเพื่อรับส่วนลดในการซื้อสินค้า เช่น บัตรสมาชิกของร้านอาหารที่ให้ส่วนลดหรือโปรโมชั่นพิเศษสำหรับสมาชิก หรือบัตรสะสมแต้มที่สามารถแลกของรางวัลหรือส่วนลดได้
  • การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ : ปิดไฟและเครื่องใช้ไฟฟ้าเมื่อไม่ใช้งาน เช่น ปิดไฟในห้องที่ไม่มีคนอยู่หรือปิดเครื่องปรับอากาศเมื่อออกจากบ้าน นอกจากนี้ใช้หลอดไฟ LED ที่ประหยัดพลังงานแทนหลอดไฟธรรมดาที่กินไฟมากกว่า และเลือกใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพสูง เช่น เครื่องซักผ้า เครื่องปรับอากาศที่มีเครื่องหมายประหยัดพลังงาน
  • การเลือกซื้อสินค้าที่มีอายุการใช้งานยาวนาน : ซื้อรองเท้าคุณภาพดีที่อาจมีราคาสูงกว่า แต่สามารถใช้งานได้นานหลายปี เช่น รองเท้าหนังหรือรองเท้ากีฬาที่มีแบรนด์คุณภาพดี แทนที่จะซื้อรองเท้าราคาถูกที่ต้องเปลี่ยนบ่อย นอกจากนี้เลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากวัสดุที่ทนทานและมีคุณภาพดี เช่น โต๊ะไม้แท้หรือโซฟาที่มีโครงสร้างแข็งแรง เพื่อให้สามารถใช้งานได้นานและไม่ต้องเปลี่ยนบ่อย

การใช้ตัวอย่างเหล่านี้จะช่วยให้สามารถปรับใช้แนวทางการจัดการค่าครองชีพได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นในระยะสั้นและระยะยาว พร้อมสร้างนิสัยการออมเงินให้แก่ผู้ที่นำไปปรับใช้ด้วย

 

สรุป

ค่าครองชีพเป็นปัจจัยที่หลาย ๆ คนต้องรู้จักและคำนึงถึง เป็นเรื่องใกล้ตัวมาก ๆ บทความนี้ได้นำค่าครองชีพในประเทศไทยเปรียบเทียบกับกลุ่มอาเซียนและขุดลึกลงไปถึงปัญหายภายในที่มองไม่เห็นด้วยตัวเลขค่าครองชีพ ซึ่งกลายเป็นว่าค่าใช้จ่ายต่อเดือนในประเทศไทยสูงมากสำหรับคนชนชั้นล่าง ดังนั้นต้องมีการจัดการค่าครองชีพสูงและการวางแผนงบประมาณอย่างรอบคอบ ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น เช่น การทานอาหารนอกบ้าน หาสินค้าที่ราคาถูกและใช้โปรโมชั่นหรือส่วนลด ออมเงินอย่างสม่ำเสมอ เพิ่มรายได้จากงานพิเศษ ศึกษาวิธีการจัดการเงิน ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และเลือกซื้อสินค้าที่มีอายุการใช้งานยาวนาน ทั้งหมดนี้จะช่วยรับมือกับค่าครองชีพสูงและสร้างความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว

 

หมายเหตุ

คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวนและสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยง และ ผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอนาคต โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้

 

เรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

Merkle Capital คือผู้จัดการเงินทุนสินทรัพย์ดิจิทัลแห่งแรกในประเทศไทย ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานก.ล.ต. บริษัทให้การดูแลและบริหารเงินลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลแก่ลูกค้าด้วยกลยุทธ์ที่หลากหลายโดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนและการบริหารจัดการ