กันยายน 04, 2024
การวางแผนมรดกเป็นกระบวนการที่สำคัญในการจัดการทรัพย์สินต่าง ๆ ที่ช่วยให้ครอบครัวสามารถสร้างแผนการเงินที่ดีและมั่นคงได้ เพื่อให้มั่นใจว่าทรัพย์สินที่สะสมไว้จะถูกส่งมอบตามที่ต้องการและสมควร นอกจากนี้ประเด็นสำคัญคือการวางแผนมรดกยังช่วยลดภาระภาษีที่เกิดขึ้นกับมรดกในอนาคต
การวางแผนมรดกเป็นกระบวนการที่สำคัญที่สุดในการจัดการทรัพย์สินและสิทธิมรดกของบุคคลหรือครอบครัว เป้าหมายหลักของการวางแผนมรดกคือการแบ่งปันทรัพย์สินและทรัพย์สินที่มีค่าต่าง ๆ ให้แก่ผู้รับมรดกในอนาคต โดยสอดคล้องกับความต้องการและวัตถุประสงค์ของบุคคลหรือครอบครัว
การวางแผนมรดกเป็นกระบวนการที่สำคัญที่สุดในการจัดการทรัพย์สินและสิทธิมรดกของบุคคลหรือครอบครัว เป้าหมายหลักของการวางแผนมรดกคือการแบ่งปันทรัพย์สินและทรัพย์สินที่มีค่าต่าง ๆ ให้แก่ผู้รับมรดกในอนาคต โดยสอดคล้องกับความต้องการและวัตถุประสงค์ของบุคคลหรือครอบครัว
การวางแผนมรดกเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการสร้างความมั่นคงและความมั่นใจด้านการเงินในอนาคตของครอบครัว โดยการเริ่มต้นด้วยการเรียนรู้และการทำความเข้าใจในกระบวนการนี้ คุณสามารถจัดการทรัพย์สินและสิทธิมรดกได้อย่างมีประสิทธิภาพได้
การวางแผนมรดกเป็นกระบวนการที่สำคัญและจำเป็นสำหรับทุกครอบครัวที่ต้องการความมั่นใจว่าทรัพย์สินที่สะสมไว้จะถูกแบ่งปันและส่งมอบอย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องเผชิญกับการแบ่งทรัพย์สินและการสืบทอด ความสำคัญของการวางแผนมรดกมีหลายด้าน
การวางแผนมรดกเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการสร้างความมั่นคงและความมั่นใจด้านการเงินในอนาคตของครอบครัวคุณ โดยเริ่มต้นจากการเรียนรู้และการทำความเข้าใจในกระบวนการนี้ คุณสามารถจัดการทรัพย์สินและสิทธิมรดกของคุณอย่างมีประสิทธิภาพได้
แต่ละครอบครัวมีลูกที่มีความสามารถทางการเงินที่แตกต่างกันออกไป เช่น ลูกคนโตที่ประสบความสำเร็จในการธุรกิจและมีรายได้สูง อาจจะไม่ต้องกังวลใจเกี่ยวกับเรื่องเงินและอาจต้องการเลือกที่อยู่ที่แยกตัวออกจากบ้านครอบครัวเพื่อมีการเงินแยกตัวเองได้
ในขณะเดียวกัน ลูกคนกลางที่มีธุรกิจการค้าขายอาจสามารถเลี้ยงตัวเองได้ ในขณะที่ลูกคนเล็กที่มีรายได้จากการทำงานเป็นพนักงานเงินเดือนอาจจะเป็นคนที่ต้องการการดูแลในบ้านและมีรายได้ไม่มากนัก
ในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ที่พ่อแม่เสียชีวิตไปก่อน หากไม่มีการวางแผนทรัพย์สินไว้ล่วงหน้า บางครอบครัวอาจจะเผชิญกับความจำเป็นที่จะต้องขายทรัพย์สินเพื่อแบ่งเงินให้กับลูกที่มีความสนใจในการแยกแยะและการเงินแยกตัว
การวางแผนมรดกเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการป้องกันความขัดแย้งระหว่างญาติและในการแบ่งปันทรัพย์สินตามความต้องการของเจ้าของมรดก ซึ่งมีความสำคัญยิ่งต่อการสร้างความเข้าใจและความไว้วางใจระหว่างญาติในอนาคต
จะเป็นอย่างไรหากไม่วางแผนมรดก การวางแผนมรดกเป็นกระบวนการที่สำคัญที่ช่วยให้ทรัพย์สินและมรดกถูกจัดสรรอย่างเป็นระบบ หากไม่วางแผนมรดก ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นมีหลายด้าน
นอกจากนี้ กฎหมายภาษีเกี่ยวกับมรดกและการรับมรดกที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2559 ได้ส่งผลให้การวางแผนมรดกเป็นเรื่องที่สำคัญมากขึ้น เพื่อการวางแผนภาษีที่มีประสิทธิภาพในเวลาเดียวกัน
ภาษีการรับมรดกจากพ่อแม่ที่มูลค่ามากกว่า 100 ล้านบาท มีอัตราภาษีที่ 5% ของมูลค่าทรัพย์สิน ในขณะที่การรับมรดกจากบุคคลอื่นที่มูลค่าเกิน 100 ล้านบาท จะมีอัตราภาษีที่ 10% ของมูลค่าทรัพย์สิน
สำหรับทรัพย์สินที่ต้องเสียภาษีมรดกนั้น สามารถแบ่งได้ 5 ประเภท
เมื่อมีความจำเป็นที่ต้องวางแผนมรดก เราจะต้องทำความรู้จักกับผู้ที่มีสิทธิรับมรดก โดยเฉพาะในกรณีที่มีคู่สมรสจดทะเบียน สินสมรสจะถูกแบ่งเป็นสองส่วนเท่า ๆ กัน โดยส่วนหนึ่งจะไปยังคู่สมรส และส่วนที่เหลือจะนำมารวมกับสินส่วนส่วนตัวเพื่อเป็นกองมรดก
ในกรณีที่ไม่มีการวางแผนมรดกไว้ล่วงหน้า กฎหมายมรดกจะใช้กำหนดการแบ่งมรดกโดยหลัก ซึ่งจะมีลำดับการสืบสันดานตามกฎหมายดังนี้
การวางแผนมรดกมีความสำคัญอย่างมากเนื่องจากสามารถป้องกันความขัดแย้งในครอบครัวได้ และช่วยให้ทรัพย์สินถูกแบ่งแยกตามความต้องการของเจ้าของมรดกได้อย่างเหมาะสม
หากไม่มีการวางแผนมรดกอย่างชัดเจนเมื่อเกิดเหตุการณ์เสียชีวิต อาจทำให้เกิดผลกระทบที่ไม่คาดคิดต่อทรัพย์สินและความสัมพันธ์ญาติพี่น้อง โดยมักจะเกิดความขัดแย้งในวงญาติในกรณีที่ไม่มีการระบุเจตนารมณ์ชัดเจน เช่น
การเริ่มต้นวางแผนมรดกเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่จะช่วยให้สามารถจัดการทรัพย์สินได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยสามารถแบ่งออกเป็นขั้นตอนหลักได้ดังนี้
แต่เรื่องการวางแผนการเงินส่วนบุคคลเป็นเรื่องของส่วนบุคคลทำให้หลายครั้งต้องมีการสำรวจและทดลองด้วยตัวเอง ดังนั้น ถ้าคุณยังไม่แน่ใจหรือไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร ลองเริ่มจากการรวบรวมทรัพย์สินและหนี้สินที่มีจากแหล่งต่าง ๆ มารวมไว้ในที่เดียว โดยใช้ "งบดุลส่วนบุคคล" และจดบันทึกไว้เพื่อระบุว่าคุณมีทรัพย์สินและหนี้สินประเภทใดบ้าง เป็นจำนวนเท่าไหร่ ตั้งแต่ที่อยู่อาศัยไปจนถึงสินทรัพย์ลงทุน
สิ่งสำคัญที่ไม่ควรลืม คือหนี้สิน เพราะหนี้สินก็เป็นส่วนหนึ่งที่จะถูกส่งมรดกต่อไปได้ เช่นเดียวกับทรัพย์สิน ดังนั้น ควรระบุไว้ว่า มีหนี้สินประเภทใด อยู่ที่ไหน มูลค่าเท่าไหร่ เพื่อให้สามารถนำเงินในกองมรดกมาชำระหนี้สินให้เรียบร้อยก่อนที่จะทำการแบ่งปันในอนาคต หากสามารถระบุชื่อรายการอย่างละเอียดได้ จะช่วยให้การติดตามเป็นไปได้ง่ายขึ้นอีกด้วย เช่น เงินฝากออมทรัพย์ที่ธนาคาร A เงินฝากออมทรัพย์ที่ธนาคาร B เงินลงทุนในกองทุน D E และ F เป็นต้น
วิธีทำพินัยกรรมถือเป็นขั้นตอนสุดท้ายที่สำคัญที่ต้องศึกษา เพื่อให้แน่ใจว่าทรัพย์สินจะถูกส่งต่อหรือถ่ายโอนไปยังบุคคลที่เราต้องการอย่างแน่นอนและครบถ้วน ตามกฎหมายเราสามารถระบุให้ใครหรือองค์กรใดก็ได้เป็นผู้รับมรดกได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นญาติสนิทเสมอไป แต่จำเป็นต้องทำพินัยกรรมโดยระบุข้อมูลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดอย่างครบถ้วน เพื่อให้การจัดสรรทรัพย์สินของเราเป็นไปอย่างเพียงพอได้
ข้อมูลหลักที่ต้องระบุในพินัยกรรมประกอบด้วย... ข้อมูลส่วนตัว (ชื่อ นามสกุล อายุ ฯลฯ) รายการทรัพย์สินต่าง ๆ (ที่ดิน บ้าน ใบหุ้น เงินฝาก ฯลฯ) กรมธรรม์ประกัน (ประกันชีวิต ประกันสุขภาพ ฯลฯ) รายชื่อผู้รับมรดก ผู้จัดการมรดก จำนวนทรัพย์สินที่ต้องการจัดสรรให้แต่ละคน ลายมือชื่อ และวันที่ทำพินัยกรรม
เมื่อทำพินัยกรรมแล้ว เราควรปรับปรุงแก้ไขข้อมูลในพินัยกรรมให้ทันสมัยอยู่ตลอดเวลา อย่างน้อยทุก 3-5 ปี เพื่อให้แน่ใจว่าพินัยกรรมของเราจะถูกนำไปปฏิบัติตามเจตนารมย์ของเราในขณะที่เกิดเหตุการณ์ และเพื่อปรับปรุงตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น การเพิ่มทรัพย์สิน การมีลูกเพิ่มขึ้น หรือการเปลี่ยนแปลงสถานะภาพสมรส เป็นต้น
สิ่งสำคัญอีกอย่างที่ต้องจำไว้คือ เราควรบอกให้คู่สมรสหรือบุคคลใกล้ชิดที่ไว้ใจได้ทราบว่าพินัยกรรมฉบับล่าสุดของเราจัดทำขึ้นเมื่อใด และเก็บไว้ที่ไหน รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับรหัสตู้เซฟหรือกุญแจที่เก็บเอกสารสำคัญต่าง ๆ เช่น กรมธรรม์ประกันชีวิต สมุดเงินฝาก ใบหุ้น โฉนดที่ดิน ฯลฯ เพื่อให้พวกเขาสามารถนำพินัยกรรมและเอกสารต่าง ๆ ของเรามาดำเนินการต่อได้
ปัจจุบันประเทศไทยมีการจัดเก็บภาษีมรดกตาม พระราชบัญญัติภาษีการรับมรดก พ.ศ. 2558 โดยผู้ที่มีหน้าที่เสียภาษีการรับมรดก คือ ผู้รับมรดกที่ได้มรดกสุทธิหลังหักภาระติดพันต่าง ๆ แล้ว เช่น ภาระจำนอง จากเจ้ามรดกแต่ละรายในคราวเดียวหรือหลายคราว ให้เสียภาษีเฉพาะมูลค่ามรดกสุทธิส่วนที่เกิน 100 ล้านบาท ในอัตราภาษีร้อยละ 10
แต่ถ้าผู้ได้รับมรดกเป็นบุพการีหรือผู้สืบสันดานก็ให้เสียภาษีในอัตราภาษีร้อยละ 5 ไม่คำนึงถึงจำนวนครั้ง หรือจำนวนหน่วยของทรัพย์มรดกที่ได้รับ โดยทรัพย์มรดกที่ต้องเสียภาษีต้องเป็นสิ่งของที่มีทะเบียน ได้แก่ อสังหาริมทรัพย์ หลักทรัพย์ เงินฝาก ยานพาหนะ และทรัพย์สินทางการเงินอื่น ๆ ที่กฎหมายกำหนด ดังนั้น หากจัดการวางแผนมอบมรดกได้ดี อาจช่วยให้เราไม่ต้องเสียภาษีมรดกมากเกินไป การวางแผนมรดกไม่ได้เฉพาะเจาะจงให้กับคนที่มีทรัพย์สินมากเท่านั้น แต่เป็นเรื่องสำคัญที่ทุกคนควรคิดและวางแผนล่วงหน้าเพื่อประโยชน์ของตนเองและครอบครัวในอนาคต
การวางแผนมรดกเป็นสิ่งสำคัญที่ควรพิจารณาในทุกช่วงอายุ การเริ่มต้นวางแผนมรดกตั้งแต่อายุน้อยและการวางแผนมรดกเมื่ออายุมากขึ้นมีความแตกต่างในหลายด้าน
ข้อดี
ข้อเสีย
ข้อดี
ข้อเสีย
สรุปแล้วการวางแผนมรดกเป็นหนึ่งในการส่งมอบความมั่งคั่ง (Wealth Distribution) เป็นขั้นตอนที่มีความสำคัญไม่ต่างจากขั้นตอนอื่นในการบริหารจัดการทรัพย์สิน เนื่องจากมันช่วยให้สามารถจัดสรรทรัพย์สินที่เราสร้างและอนุรักษ์ไว้ตลอดชีวิตให้แก่คนที่เรารักได้ ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว ญาติพี่น้อง หรือแม้กระทั่งการแบ่งปันให้กับผู้อื่นตามที่เราต้องการ ที่มีความสำคัญมากคือ "การวางแผนมรดก" ซึ่งเป็นหัวใจแห่งการส่งมอบความมั่งคั่ง ช่วยให้เรามั่นใจได้ว่าทรัพย์สินทั้งหมดจะถูกส่งต่อตามเจตนารมณ์ของเราอย่างมั่นคง
คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวนและสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยง และ ผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอนาคต โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
Disclaimer