เป้าหมายการลงทุนคืออะไร ?
เป้าหมายการลงทุนคือ วัตถุประสงค์ที่นักลงทุนตั้งไว้เพื่อกำหนดทิศทางและแนวทางในการลงทุน ซึ่งช่วยให้การวางแผนการลงทุนมีความชัดเจนและสามารถวัดผลความสำเร็จได้ การกำหนดเป้าหมายการลงทุนที่ชัดเจนจะช่วยให้นักลงทุนสามารถวางแผนการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีแนวทางในการติดตามและประเมินผลการลงทุนอย่างเป็นระบบ และสามารถปรับกลยุทธ์การลงทุนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ต่าง ๆ เป้าหมายการลงทุนอาจแตกต่างกันไปตามบุคคลและสถานการณ์ของแต่ละคน
ตัวอย่างเป้าหมายการลงทุนมีอะไรบ้าง
มุ่งเน้นการเพิ่มมูลค่าของสินทรัพย์ในระยะยาว โดยการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีโอกาสเติบโตสูง เช่น หุ้นหรือคริปโตเคอร์เรนซี ซึ่งสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว
สะสมเงินเพื่อใช้ในวัยเกษียณ โดยเน้นการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำและมีความเสถียร เช่น พันธบัตรหรือกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เพื่อให้มั่นใจว่ามีเงินเพียงพอสำหรับการใช้ชีวิตหลังเกษียณ
- การสร้างรายได้ประจำหรือรายได้เพิ่มเติม
สร้างรายได้จากการลงทุน เช่น การได้รับดอกเบี้ยจากพันธบัตร หรือการได้รับเงินปันผลจากหุ้น ซึ่งช่วยเพิ่มรายได้ประจำและเสริมสร้างฐานะทางการเงิน
ป้องกันความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อหรือการเปลี่ยนแปลงของตลาด โดยการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความมั่นคง เช่น ทองคำหรืออสังหาริมทรัพย์ เพื่อรักษามูลค่าของเงินลงทุน
ทำกำไรจากการเปลี่ยนแปลงราคาของสินทรัพย์ในระยะสั้น โดยใช้กลยุทธ์การซื้อขายที่รวดเร็ว เช่น การเทรดหุ้นหรือคริปโตเคอร์เรนซี ซึ่งต้องการการติดตามและวิเคราะห์ตลาดอย่างใกล้ชิด
การตั้งเป้าหมายการลงทุนที่ชัดเจนจะช่วยให้นักลงทุนสามารถตัดสินใจได้อย่างมีเหตุผล และมีแนวทางในการจัดการกับความเสี่ยงและโอกาสที่เกิดขึ้นในตลาด ทำให้การลงทุนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสามารถบรรลุวัตถุประสงค์ทางการเงินที่ตั้งไว้ได้ในระยะยาว
ลงทุนอย่างไรให้ปลอดภัยจนถึงเป้าหมาย
การลงทุนให้ปลอดภัยต้องคำนึงถึงหลายปัจจัย เพื่อให้สามารถลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการรักษาเงินทุนเริ่มแรก รวมถึงการสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงและยั่งยืน นี่คือสิ่งที่นักลงทุนควรพิจารณา
- การกระจายความเสี่ยง (Diversification) : การกระจายการลงทุนในสินทรัพย์หลายประเภท เช่น หุ้น พันธบัตร ทองคำ อสังหาริมทรัพย์ และเงินสด เพื่อลดความเสี่ยงที่เกิดจากการลงทุนในสินทรัพย์เดียว การลงทุนในธุรกิจที่มีความหลากหลายทางภูมิศาสตร์ เพื่อลดความเสี่ยงจากปัจจัยท้องถิ่นหรือภัยธรรมชาติ การทำแบบนี้ทำให้เวลาล้มเราจะไม่สูญเสียเงินต้นทั้งหมดไป เป็นการใส่ไข่ไว้ในตะกร้าหลายใบเหมือนที่เคยได้ยินผ่าน ๆ กันมา
- การวิเคราะห์และการวิจัย (Research and Analysis) : ศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับสินทรัพย์ที่จะลงทุน เช่น ผลประกอบการของบริษัท สภาพเศรษฐกิจ และแนวโน้มตลาด ใช้ข้อมูลจากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้และทำการวิเคราะห์อย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน หรือในฝั่งคริปโตฯ จะเรียกว่า Do Your Own Research (DYOR)
- การประเมินความเสี่ยง (Risk Assessment) : พิจารณาระดับความเสี่ยงที่สามารถยอมรับได้ และเลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่สอดคล้องกับระดับความเสี่ยงนั้น การประเมินความเสี่ยงรวมถึงการพิจารณาความผันผวนของราคาสินทรัพย์ ความเสี่ยงทางการเงินของบริษัท หรือความเสี่ยงทางภูมิศาสตร์ ที่สำคัญที่สุดคือการประเมินความเสี่ยงของตนเอง ว่ารับความเสี่ยงได้ขนาดไหน เพราะการลงทุนที่ดีคือการลงทุนแล้วไม่เครียดจนส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน หรือที่เขาว่ากันว่าการลงทุนที่ดีคือการลงทุนที่นอนหลับ
- ความสามารถในการเปลี่ยนเป็นเงินสด (Liquidity) : เลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่สามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้ง่ายและรวดเร็ว เช่น หุ้นที่มีสภาพคล่องสูง หรือพันธบัตรรัฐบาล การมีสภาพคล่องสูงช่วยให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงเงินสดได้ทันทีเมื่อต้องการ ในตลาดทุนอาจจะไม่เจอเรื่องนี้มากนัก แต่ในตลาดคริปโตเคอร์เรนซี้ที่มี Liquidity น้อย เวลาเกิดการเปลี่ยนแปลงของราคามักจะเปลี่ยนแปลงแรงมาก ๆ และบางครั้งการขายจำนวนมาก ๆ หรือน้อย ๆ ของเราก็อาจทำให้ราคาเปลี่ยนไปได้ ทำให้ไม่ได้จำนวนเงินตามจริง
- ความปลอดภัยของเงินทุน (Capital Preservation) : เลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำและมีโอกาสสูญเสียเงินลงทุนน้อย เช่น พันธบัตรรัฐบาล หุ้นกู้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือสูง หรือบัญชีเงินฝากธนาคาร การรักษาเงินทุนเริ่มแรกเป็นสิ่งสำคัญในการลงทุนแบบปลอดภัย แต่ทั้งนี้ต้องประเมินความเสี่ยงของตัวเองให้เรียบร้อย ว่ายอมสูญเสียได้เท่าใด เอาเงินไปเสี่ยงได้เท่าใด
- การตรวจสอบและปรับปรุงพอร์ตการลงทุน (Portfolio Review and Adjustment) : การตรวจสอบพอร์ตการลงทุนเป็นประจำเพื่อติดตามผลการลงทุนและปรับปรุงตามความเหมาะสม การปรับพอร์ตการลงทุนเพื่อลดความเสี่ยงหรือเพิ่มผลตอบแทนตามสภาพตลาดและเป้าหมายการลงทุน หากหุ้นไม่ได้มีพื้นฐานเป็นไปตามเดิม การขายเพื่อซื้อหุ้นตัวใหม่เข้ามาอาจจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าก็ได้
- การจัดการทางการเงิน (Financial Management) : การจัดการเงินทุนและการวางแผนการเงินอย่างรอบคอบ รวมถึงการสำรองเงินฉุกเฉิน การวางแผนการลงทุนระยะยาวและการจัดการรายได้เพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายการเงินได้ การบริหารจัดการเงินไม่ได้เกี่ยวข้องกับเป้าหมายการลงทุนเพียงอย่างเดียว ยังเกี่ยวข้องกับ Work Life Balance หรืออีกแง่หนึ่งคือสภาพจิตใจของผู้จัดการ หากเข้มงวดเกินไป อาจหมดไฟไปก่อนได้ ดังนั้นการจัดการการเงินที่ดีควรทำแล้วสบายใจ
- การพิจารณาภาวะเศรษฐกิจและการเมือง (Economic and Political Consideration) : ติดตามข่าวสารและแนวโน้มทางเศรษฐกิจและการเมืองที่อาจส่งผลกระทบต่อการลงทุน พิจารณาการลงทุนในสินทรัพย์ที่สามารถรับมือกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมืองได้ ตลาดทุนในโลกนี้ ขยับขึ้นลงตามอารมณ์ของนักลงทุน และการกระทำของธนาคารกลางและรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นขึ้นดอกเบี้ย ลงดอกเบี้ย นโยบายภาครัฐ การใช้เงินหาเสียง หรืออะไรก็ตาม ส่งผลต่อตลาดทุนทั้งสิ้น
การลงทุนอย่างปลอดภัยต้องอาศัยการวางแผนที่ดี การกระจายความเสี่ยง และการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างรอบคอบ รวมถึงการติดตามและปรับปรุงพอร์ตการลงทุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถรักษาเงินทุนเริ่มแรกและสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว
SMARTER กับการเลือกเป้าหมายการลงทุน
การตั้งเป้าหมายการลงทุนอย่าง SMARTER เป็นวิธีที่ช่วยให้นักลงทุนกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน วัดผลได้ และสามารถบรรลุได้ โดยการใช้หลักการ SMARTER ซึ่งย่อมาจาก Specific, Measurable, Achievable, Relevant, Time-bound, Evaluate, และ Re-adjust นี่คือการอธิบายรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการตั้งเป้าหมายการลงทุนตามหลักการ SMARTER
- Specific (เฉพาะเจาะจง) : การตั้งเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจงหมายถึงการกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนและมีรายละเอียด ทำให้คุณรู้ว่าเป้าหมายนั้นคืออะไร และสามารถวางแผนการดำเนินการได้ตรงจุด ตัวอย่างเช่น แทนที่จะบอกว่าต้องการเก็บเงินให้ได้เยอะ ๆ ควรระบุว่า "ต้องการเก็บเงิน 5 ล้านบาทเพื่อการเกษียณภายใน 30 ปี"
- Measurable (วัดผลได้) : เป้าหมายที่วัดผลได้หมายถึงการตั้งตัวชี้วัดที่สามารถตรวจสอบและวัดผลความก้าวหน้าได้ ทำให้คุณสามารถรู้ได้ว่าอยู่ในเส้นทางที่จะบรรลุเป้าหมายหรือไม่ ตัวอย่างเช่น วัดผลโดยการตรวจสอบยอดเงินออมทุกปี เช่น "ภายในปีที่ 1 ควรมีเงินออม 166,667 บาท หากวัดทุกเดือนต้องออมเดือนละ 13,889 บาท"
- Achievable (บรรลุได้) : เป้าหมายที่สามารถบรรลุได้หมายถึงการตั้งเป้าหมายที่เป็นไปได้จริงตามทรัพยากรและความสามารถที่มีอยู่ เพื่อไม่ให้เป็นการตั้งเป้าหมายที่สูงเกินจริงและไม่สามารถทำได้ ตัวอย่างเช่น หากรายได้ของคุณเพียงพอที่จะออมเดือนละ 13,889 บาท และมีความรู้พื้นฐานในการลงทุน เช่น การลงทุนในกองทุนรวม การออมนี้จะสามารถบรรลุได้
- Relevant (สอดคล้อง) : เป้าหมายที่สอดคล้องหมายถึงเป้าหมายที่เข้ากันได้กับแผนการเงินและแผนชีวิตโดยรวมของคุณ ซึ่งจะช่วยให้การลงทุนเป็นไปในทิศทางที่ถูกต้องและสนับสนุนเป้าหมายชีวิต ตัวอย่างเช่น เป้าหมายการเก็บเงินเพื่อการเกษียณสอดคล้องกับแผนชีวิตที่ต้องการมีความมั่นคงทางการเงินหลังเกษียณ
- Time-bound (มีกรอบเวลา) : การตั้งกรอบเวลาที่แน่นอนช่วยให้คุณสามารถติดตามความก้าวหน้าและเร่งรัดการดำเนินการเพื่อบรรลุเป้าหมายได้ ตัวอย่างเช่น "ต้องการเก็บเงิน 5 ล้านบาทภายใน 30 ปี โดยตั้งเป้าหมายที่จะเก็บเงินให้ได้ปีละ 166,667 บาท"
- Evaluate (ประเมินผล) : การประเมินผลอย่างสม่ำเสมอช่วยให้คุณสามารถปรับปรุงแผนการลงทุนและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้ทันท่วงที ตัวอย่างเช่น ตรวจสอบยอดเงินออมและการลงทุนทุกปี และเปรียบเทียบกับเป้าหมายที่ตั้งไว้ หากไม่เป็นไปตามเป้าหมายให้พิจารณาปรับแผนการออมและการลงทุน
- Re-adjust (ปรับเปลี่ยน) : การปรับเปลี่ยนแผนการเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้การลงทุนเป็นไปตามเป้าหมายในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงหรือต้องเผชิญกับปัญหาที่ไม่คาดคิด ตัวอย่างเช่น หากผลตอบแทนจากการลงทุนต่ำกว่าที่คาดไว้ ให้พิจารณาปรับเปลี่ยนการลงทุน หรือเพิ่มอัตราการออมรายเดือน เช่น เพิ่มการออมจากเดือนละ 13,889 บาท เป็น 15,000 บาท
การตั้งเป้าหมายการลงทุนโดยใช้หลักการ SMARTER ช่วยให้นักลงทุนสามารถกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน วัดผลได้ บรรลุได้ สอดคล้องกับแผนชีวิต มีกรอบเวลาแน่นอน และสามารถประเมินและปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ การใช้หลักการนี้ทำให้การลงทุนเป็นระบบและมีแนวทางที่ชัดเจนในการติดตามและบรรลุเป้าหมายทางการเงินในระยะยาว
สรุป
การตั้งเป้าหมายการลงทุนที่ชัดเจนและเป็นระบบตามหลักการ SMARTER (Specific, Measurable, Achievable, Relevant, Time-bound, Evaluate, Re-adjust) ช่วยให้นักลงทุนสามารถวางแผนการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุวัตถุประสงค์ทางการเงินในระยะยาว เช่น การสร้างความมั่งคั่ง การออมเพื่อการเกษียณ การสร้างรายได้ประจำ การป้องกันความเสี่ยง และการเก็งกำไรระยะสั้น การลงทุนอย่างปลอดภัยต้องคำนึงถึงการกระจายความเสี่ยง การวิเคราะห์ข้อมูล การประเมินความเสี่ยง ความสามารถในการเปลี่ยนเป็นเงินสด และการจัดการทางการเงินอย่างรอบคอบ รวมถึงการติดตามและปรับปรุงพอร์ตการลงทุนอย่างต่อเนื่อง
หมายเหตุ
คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวนและสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยง และ ผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอนาคต โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้