ข้อควรรู้ก่อนลงทุน ซื้อที่ดินเปล่ายังไงให้ได้กำไร

ตุลาคม 09, 2024

thumbnail

การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เป็นหนึ่งในช่องทางยอดนิยมของนักลงทุนไม่ว่าจะเป็นลงทุนซื้อที่ดินเปล่า ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง หรือการลงทุนในคอนโดเพื่อให้เช่า โดยแต่ละแบบจะมีจุดเด่นและข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกัน ผู้ที่กำลังสนใจหาซื้อที่ดินเพื่อลงทุนสามารถศึกษารายละเอียดเบื่องต้นได้จากบทความนี้


รู้จักกลยุทธ์ในการซื้อที่ดินเปล่า

รู้จักกลยุทธ์ในการซื้อที่ดินเปล่า

การลงทุนซื้อที่ดินเปล่าเป็นหนึ่งในรูปแบบการลงทุนที่มีศักยภาพในการทำกำไรสูง อย่างไรก็ตาม การลงทุนในที่ดินเปล่ามีความเสี่ยงและปัจจัยหลายประการที่ต้องพิจารณาเพื่อให้การลงทุนนี้ประสบความสำเร็จข้อดีข้อเสียของการลงทุนซื้อที่ดินเปล่าผู้ที่สนใจสามารถพิจารณาข้อดีข้อเสียได้ดังนี้

ข้อดีของการลงทุนที่ดิน

  • การเพิ่มมูลค่าของทรัพย์สิน (Appreciation of Property Value) ที่ดินมีแนวโน้มที่จะเพิ่มมูลค่าเมื่อเวลาผ่านไป โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว การซื้อที่ดินในทำเลที่ดีสามารถสร้างกำไรจากการขายในอนาคตได้
  • การลงทุนที่มีความปลอดภัย (Safe Investment) ที่ดินเป็นทรัพย์สินที่มีความมั่นคงและเสี่ยงต่ำเมื่อเทียบกับการลงทุนในหุ้นหรือสินทรัพย์ที่มีความผันผวนอื่น ๆ ที่ดินไม่สูญเสียมูลค่าได้ง่ายและมีความเสี่ยงจากการล้มละลายหรือปัญหาทางการเงินของบริษัทน้อย
  • การใช้ประโยชน์หลากหลาย (Multiple Uses) ที่ดินสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้หลากหลายรูปแบบ เช่น การพัฒนาเป็นที่อยู่อาศัย พื้นที่การเกษตร หรือการพัฒนาเป็นโครงการพาณิชย์ การใช้ประโยชน์ที่หลากหลายนี้ช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไร
  • การเป็นแหล่งรายได้ระยะยาว (Long-term Income Source) ที่ดินสามารถให้รายได้ระยะยาวได้ เช่น การให้เช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมหรือการเช่าพื้นที่เพื่อการพาณิชย์ ซึ่งสามารถสร้างรายได้อย่างต่อเนื่องให้กับนักลงทุน
  • การป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ (Inflation Hedge) มูลค่าที่ดินมักจะเพิ่มขึ้นตามอัตราเงินเฟ้อ ทำให้การลงทุนในที่ดินเป็นวิธีที่ดีในการป้องกันความเสี่ยงจากการลดมูลค่าของเงิน

ข้อเสียของการลงทุนที่ดิน

  • ต้องการทุนสูง (High Capital Requirement) การลงทุนในที่ดินต้องใช้เงินทุนสูง ไม่ว่าจะเป็นการซื้อที่ดินหรือการพัฒนาและปรับปรุงที่ดิน ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคสำหรับนักลงทุนที่มีทุนจำกัด
  • การไม่มีรายได้ทันที (Lack of Immediate Income) ที่ดินเปล่าไม่ให้รายได้ทันที ซึ่งแตกต่างจากการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่ปล่อยเช่าหรือการลงทุนในหุ้นที่มีการจ่ายเงินปันผล นักลงทุนต้องรอการเพิ่มมูลค่าของที่ดินหรือการพัฒนาโครงการก่อนที่จะได้รับกำไร
  • ค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษา (Maintenance Costs) การดูแลรักษาที่ดินมีค่าใช้จ่าย เช่น ค่าภาษีที่ดิน ค่าธรรมเนียมการจัดการ และค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงที่ดิน ค่าใช้จ่ายเหล่านี้สามารถลดกำไรจากการลงทุนได้
  • ความเสี่ยงทางกฎหมายและข้อบังคับ (Legal and Regulatory Risks) การลงทุนในที่ดินต้องเผชิญกับความเสี่ยงทางกฎหมายและข้อบังคับ เช่น การเปลี่ยนแปลงกฎหมายการใช้ที่ดิน ข้อกำหนดการพัฒนา หรือปัญหาทางกฎหมายเกี่ยวกับสิทธิ์ในที่ดิน
  • การขายที่ดินอาจใช้เวลานาน (Time-consuming to Sell) การขายที่ดินอาจใช้เวลานานกว่าจะหาผู้ซื้อที่เหมาะสม โดยเฉพาะในตลาดที่มีสภาพคล่องต่ำ นักลงทุนน้ำอาจต้องรอเป็นเวลาหลายเดือนหรือหลายปีเพื่อขายที่ดินในราคาที่ต้องการ
  • ความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอก (External Factors Risks) มูลค่าที่ดินอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอก เช่น การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ สภาพภูมิอากาศ หรือการพัฒนาของพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งนักลงทุนไม่สามารถควบคุมได้

ผู้ที่พิจารณาข้อดีข้อเสียและต้องการมองหาซื้อที่ดินเปล่าสำหรับการเริ่มต้นลงทุนสามารถทดลองเริ่มต้นได้ดังนี้


หาซื้อที่ดินเปล่า

  1. ทำความเข้าใจตลาดอสังหาริมทรัพย์ก่อนการลงทุนในที่ดินเปล่า ควรทำความเข้าใจตลาดอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่ที่สนใจเป็นอย่างดี ศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อมูลค่าของที่ดิน เช่น การเติบโตของประชากร การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และแนวโน้มทางเศรษฐกิจของพื้นที่นั้น ๆ
  1. เลือกทำเลที่ดี ทำเลเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการลงทุนซื้อที่ดินเปล่า การเลือกทำเลที่มีศักยภาพในการพัฒนา เช่น พื้นที่ใกล้กับแหล่งชุมชน สถานศึกษา โรงพยาบาล หรือโครงการพัฒนาใหม่ ๆ จะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรจากการขายที่ดินในอนาคต
  1. ตรวจสอบกฎหมายและข้อกำหนดการใช้ที่ดินก่อนการซื้อที่ดินเปล่า ควรตรวจสอบกฎหมายและข้อกำหนดการใช้ที่ดินในพื้นที่นั้น ๆ ให้แน่ใจว่าที่ดินที่สนใจสามารถนำมาใช้ได้ตามวัตถุประสงค์ที่คุณวางแผนไว้ เช่น การก่อสร้างที่พักอาศัย อาคารพาณิชย์ หรือโรงงานอุตสาหกรรม
  1. การประเมินมูลค่าที่ดินการประเมินมูลค่าที่ดินอย่างถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญในการลงทุน ควรใช้บริการจากผู้ประเมินมูลค่าทรัพย์สินที่มีความเชี่ยวชาญ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่แม่นยำและเป็นธรรมเกี่ยวกับมูลค่าของที่ดิน
  1. การพัฒนาและปรับปรุงที่ดินการปรับปรุงที่ดินเปล่าให้มีความพร้อมใช้งานมากขึ้น เช่น การถมดิน ปรับพื้นที่ หรือการสร้างโครงสร้างพื้นฐานพื้นฐาน สามารถช่วยเพิ่มมูลค่าของที่ดินและทำให้ที่ดินน่าสนใจมากขึ้นสำหรับผู้ซื้อในอนาคต
  1. การหาทุนและการจัดการการเงินการหาทุนเพื่อซื้อที่ดินเป็นขั้นตอนที่สำคัญ ควรวางแผนการจัดการการเงินอย่างรอบคอบเพื่อให้สามารถซื้อที่ดินและดำเนินการพัฒนาตามแผนที่วางไว้ นอกจากนี้ ควรพิจารณาการใช้แหล่งทุนต่าง ๆ เช่น การกู้ยืมจากธนาคาร หรือการร่วมทุนกับนักลงทุนอื่น ๆ
  1. การวิเคราะห์ความเสี่ยง การลงทุนในที่ดินเปล่ามีความเสี่ยงที่ต้องพิจารณา เช่น ความเสี่ยงทางกฎหมาย ความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ และความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของตลาด คุณควรวิเคราะห์และประเมินความเสี่ยงเหล่านี้เพื่อเตรียมการรับมือและลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
  1. การตลาดและการขาย เมื่อพัฒนาที่ดินเสร็จสิ้น ควรวางแผนการตลาดและการขายอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้สามารถขายที่ดินได้ในราคาที่ดี การใช้กลยุทธ์การตลาดต่าง ๆ เช่น การโฆษณาออนไลน์ การจัดแสดงที่ดิน และการติดต่อกับตัวแทนอสังหาริมทรัพย์มืออาชีพ จะช่วยเพิ่มโอกาสในการขายที่ดิน
  1. การพิจารณาปัจจัยทางสิ่งแวดล้อมการตรวจสอบและพิจารณาปัจจัยทางสิ่งแวดล้อมเป็นสิ่งสำคัญในการเลือกซื้อที่ดิน เช่น การตรวจสอบสภาพดิน น้ำ และการเข้าถึงแหล่งน้ำ การพิจารณาปัจจัยเหล่านี้จะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าที่ดินที่คุณซื้อมีสภาพที่ดีและเหมาะสมสำหรับการพัฒนา
  1. การพิจารณาภาษีและค่าธรรมเนียม การซื้อที่ดินเปล่ามีภาษีและค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ที่ต้องพิจารณา เช่น ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์ และภาษีเงินได้จากการขายที่ดิน การคำนวณและจัดการภาษีเหล่านี้อย่างรอบคอบจะช่วยลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มกำไรจากการลงทุน

การลงทุนในที่ดินเปล่ามีศักยภาพในการทำกำไรสูง แต่ต้องมีกลยุทธ์ที่ดีและการวางแผนอย่างรอบคอบ การศึกษาและทำความเข้าใจตลาด การเลือกทำเลที่ดี การตรวจสอบกฎหมายและข้อบังคับ การประเมินมูลค่าที่ดิน การเจรจาต่อรอง การใช้ประโยชน์จากที่ดิน การพัฒนาและปรับปรุงที่ดิน การวิเคราะห์ความเสี่ยง การจัดการการเงิน การตลาดและการขาย การพิจารณาปัจจัยทางสิ่งแวดล้อม และการจัดการภาษีและค่าธรรมเนียม เป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้การลงทุนในที่ดินเปล่าประสบความสำเร็จและได้กำไรอย่างยั่งยืน

 

อยากซื้อที่ดินเปล่า ต้องเลือกที่ดินยังไง

การประเมินมูลค่าที่ดินเป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถตัดสินใจเลือกซื้อที่เดินเปล่าได้อย่างมีประสิทธิภาพในการซื้อที่ดินเปล่า การประเมินมูลค่าที่ดินสามารถทำได้หลายวิธี เช่น การเปรียบเทียบราคาในตลาด การวิเคราะห์ราคาตลาดในอดีต และการใช้บริการจากผู้ประเมินมูลค่าทรัพย์สินที่มีความเชี่ยวชาญ สามารถดูตัวอย่างการประเมินมูลค่าที่ดินเบื่องต้นได้ดังนี้


รวบรวมข้อมูลที่ดิน

ขั้นตอนที่ 1 : รวบรวมข้อมูลที่ดิน

  • ที่ตั้ง : ที่ดินอยู่ในพื้นที่ใด เช่น ที่ดินตั้งอยู่ในย่านชานเมืองของกรุงเทพฯ
  • ขนาด : ขนาดของที่ดิน เช่น ขนาดที่ดิน 2 ไร่
  • การใช้ประโยชน์ : ศักยภาพในการใช้ประโยชน์ เช่น ที่ดินสามารถใช้ก่อสร้างบ้านพักอาศัยหรือพัฒนาที่ดินเป็นโครงการบ้านจัดสรรได้

ขั้นตอนที่ 2 : การเปรียบเทียบราคาในตลาด

  • หาข้อมูลการขายที่ดินในพื้นที่ใกล้เคียง : รวบรวมข้อมูลการขายที่ดินในพื้นที่เดียวกันหรือพื้นที่ใกล้เคียงที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน เช่น ที่ดินขนาด 1 ไร่ในพื้นที่ใกล้เคียงมีการขายในราคา 5 ล้านบาท ที่ดินขนาด 3 ไร่ในพื้นที่เดียวกันมีการขายในราคา 15 ล้านบาท
  • วิเคราะห์ข้อมูล : ใช้ข้อมูลการขายที่ดินใกล้เคียงเพื่อประมาณมูลค่าที่ดินที่ต้องการประเมิน หากที่ดินในพื้นที่เดียวกันขายในราคาเฉลี่ย 5 ล้านบาทต่อไร่ ดังนั้น ที่ดินขนาด 2 ไร่ของคุณควรมีมูลค่าเฉลี่ยประมาณ 10 ล้านบาท

ขั้นตอนที่ 3 : การวิเคราะห์ราคาตลาดในอดีต

  • รวบรวมข้อมูลการขายในอดีต : หาข้อมูลการขายที่ดินในพื้นที่เดียวกันในช่วงเวลาที่ผ่านมา เช่น ในปีที่ผ่านมา ที่ดินขนาด 1 ไร่ขายในราคา 4.5 ล้านบาท ในปีที่แล้ว ที่ดินขนาด 1 ไร่ขายในราคา 5 ล้านบาท
  • วิเคราะห์แนวโน้มราคา : วิเคราะห์แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของราคาที่ดินในพื้นที่ เช่นราคาเพิ่มขึ้นปีละประมาณ 10% 
  • ประมาณมูลค่าปัจจุบัน : ใช้แนวโน้มราคาที่เพิ่มขึ้นในการประมาณมูลค่าปัจจุบันของที่ดิน หากในปีที่แล้วที่ดินขนาด 1 ไร่มีราคา 5 ล้านบาท ปีนี้ราคาอาจเพิ่มขึ้นเป็น 5.5 ล้านบาทต่อไร่ ดังนั้น ที่ดินขนาด 2 ไร่ควรมีมูลค่าประมาณ 11 ล้านบาท

ขั้นตอนที่ 4 : ใช้บริการจากผู้ประเมินมูลค่าทรัพย์สิน

  • ติดต่อผู้ประเมินมูลค่าทรัพย์สิน : เลือกผู้ประเมินที่มีความเชี่ยวชาญและได้รับใบอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
  • ให้ข้อมูลเกี่ยวกับที่ดิน : ให้ข้อมูลที่ดินที่ต้องการประเมิน เช่น ที่ตั้ง ขนาด และการใช้ประโยชน์
  • การประเมินมูลค่า : ผู้ประเมินจะทำการวิเคราะห์และประเมินมูลค่าที่ดินโดยใช้ข้อมูลตลาด ปัจจัยทางเศรษฐกิจ และการวิเคราะห์อื่น ๆ เพื่อให้ได้มูลค่าที่เป็นธรรมและแม่นยำ

 

ตัวอย่างผลการประเมินมูลค่าที่ดิน

หลังจากที่ผ่านขั้นตอนการประเมินต่าง ๆ ผลการประเมินมูลค่าที่ดินขนาด 2 ไร่ในย่านชานเมืองของกรุงเทพฯ อาจมีรายละเอียดดังนี้

  • มูลค่าที่ประเมินจากการเปรียบเทียบราคาในตลาด : 10 ล้านบาท (5 ล้านบาทต่อไร่)
  • มูลค่าที่ประเมินจากแนวโน้มราคาตลาดในอดีต : 11 ล้านบาท (5.5 ล้านบาทต่อไร่)
  • มูลค่าที่ประเมินจากผู้ประเมินมูลค่าทรัพย์สิน : 10.5 ล้านบาท

ดังนั้น มูลค่าที่ดินที่คุณต้องการประเมินอาจอยู่ในช่วง 10-11 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับปัจจัยและวิธีการประเมินที่ใช้ 

การประเมินมูลค่าที่ดินเป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ การใช้วิธีการเปรียบเทียบราคาในตลาด การวิเคราะห์ราคาตลาดในอดีต และการใช้บริการจากผู้ประเมินมูลค่าทรัพย์สินที่มีความเชี่ยวชาญ เป็นวิธีการที่ช่วยให้การประเมินมูลค่าที่ดินมีความแม่นยำและเป็นธรรม นอกจากนี้การรวบรวมข้อมูลที่ครบถ้วนและการวิเคราะห์อย่างรอบคอบยังช่วยลดความเสี่ยงในการลงทุนและเพิ่มโอกาสในการทำกำไรจากการซื้อที่ดินเปล่า

นอกจากนั้นแล้วการเลือกที่ดินจะมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยยะหาเป็นการเลือกซื้อที่ดินเปล่าเพื่อใช้ในวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน ตัวอย่าง

  • เพื่ออยู่อาศัย
  • เพื่อลงทุน
  • เพื่อทำธุรกิจ
  • เพื่อทำการเกษตร

1.การเลือกที่ดินเพื่ออยู่อาศัยมีปัจจัยที่ต้องพิจารณา :

  • ทำเลที่ตั้ง : ต้องเลือกทำเลที่ตั้งที่สะดวกสบายในการเดินทาง ใกล้กับสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น โรงเรียน โรงพยาบาล ตลาด และห้างสรรพสินค้า และตรวจสอบความปลอดภัยของพื้นที่และสภาพแวดล้อมรอบข้าง
  • สาธารณูปโภค : ต้องมีการเข้าถึงน้ำประปา ไฟฟ้า ระบบระบายน้ำ และระบบสุขาภิบาลที่ดี
  • ขนาดและรูปทรงที่ดิน : ควรเลือกที่ดินที่มีขนาดและรูปทรงที่เหมาะสมกับการสร้างบ้านและการจัดสวนหรือพื้นที่อยู่อาศัยอื่น ๆ
  • การพัฒนาในอนาคต : ควรศึกษาข้อมูลการพัฒนาพื้นที่ในอนาคต เช่น การขยายถนน การก่อสร้างห้างสรรพสินค้า หรือโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยอื่น ๆ ที่อาจส่งผลต่อมูลค่าที่ดิน

ตัวอย่าง : ที่ดินในหมู่บ้านจัดสรรใกล้เมือง ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันและมีระบบความปลอดภัยที่ดี

2. การเลือกที่ดินเพื่อลงทุนต้องต้องพิจารณาปัจจัยดังต่อไปนี้ :

  • ทำเลที่มีศักยภาพในการเติบโต : เลือกทำเลที่มีแนวโน้มในการเพิ่มมูลค่า เช่น พื้นที่ใกล้กับโครงการพัฒนาขนาดใหญ่ หรือพื้นที่ที่มีการเติบโตของประชากรสูง
  • การเข้าถึง : ควรเลือกที่ดินที่เข้าถึงได้ง่าย มีการคมนาคมที่ดีและเชื่อมต่อกับถนนหลัก
  • การใช้ประโยชน์ที่หลากหลาย : ที่ดินที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้หลายรูปแบบ เช่น การพัฒนาเป็นที่อยู่อาศัย อาคารพาณิชย์ หรือโครงการอื่น ๆ
  • ศักยภาพในการให้เช่า : ควรพิจารณาศักยภาพในการปล่อยเช่าที่ดิน เพื่อสร้างรายได้ระหว่างรอการเพิ่มมูลค่า

ตัวอย่าง : ที่ดินเปล่าในเขตชานเมืองที่มีโครงการรถไฟฟ้าสายใหม่ที่กำลังจะเปิดให้บริการ หรือพื้นที่ใกล้แหล่งงานและโรงงานอุตสาหกรรม

3. การเลือกที่ดินเพื่อทำธุรกิจมีปัจจัยที่ต้องพิจารณา :

  • ทำเลที่ตั้ง : เลือกที่ดินในทำเลที่มีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายมาก เช่น ย่านการค้าใจกลางเมือง หรือพื้นที่ที่มีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ
  • การเข้าถึงและการจอดรถ : ต้องมีการเข้าถึงที่สะดวกสบาย และมีพื้นที่จอดรถเพียงพอสำหรับลูกค้า
  • การอนุญาตและข้อบังคับ : ตรวจสอบกฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกิจในพื้นที่นั้น ๆ เช่น การขออนุญาตก่อสร้างและการดำเนินธุรกิจ
  • การรองรับโครงสร้างพื้นฐาน : ควรมีโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับการทำธุรกิจ เช่น การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต น้ำประปา ไฟฟ้า และระบบระบายน้ำที่ดี

ตัวอย่าง : ที่ดินในย่านการค้าหรือใกล้กับแหล่งชุมชนที่มีผู้คนพลุกพล่าน และมีความสะดวกสบายในการเข้าถึง

4. การเลือกที่ดินเพื่อการเกษตรมีปัจจัยที่ต้องพิจารณา :

  • สภาพดินและน้ำ : ควรเลือกที่ดินที่มีสภาพดินดี เหมาะสมกับการปลูกพืชหรือเลี้ยงสัตว์ และมีการเข้าถึงแหล่งน้ำที่เพียงพอ
  • ทำเลที่ตั้ง : เลือกทำเลที่ตั้งที่ใกล้กับแหล่งตลาดหรือช่องทางการจัดจำหน่ายผลิตผลการเกษตร เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการขนส่ง
  • การใช้ประโยชน์จากที่ดิน : ควรพิจารณาวิธีการใช้ประโยชน์จากที่ดินให้คุ้มค่าที่สุด เช่น การทำเกษตรผสมผสาน หรือการใช้เทคโนโลยีการเกษตรสมัยใหม่
  • การเข้าถึงและการขนส่ง : ที่ดินควรมีการเข้าถึงที่สะดวกสบายและมีระบบการขนส่งที่ดี เพื่อความสะดวกในการจัดจำหน่ายผลผลิต

ตัวอย่าง : ที่ดินในชนบทที่มีสภาพดินดีและแหล่งน้ำอุดมสมบูรณ์ เหมาะสมกับการปลูกพืชหรือเลี้ยงสัตว์ และอยู่ใกล้กับแหล่งตลาด

 

การซื้อที่ดินเปล่ากับ Real World Assets (RWA)

Real World Assets (RWAs) คือสินทรัพย์ที่มีอยู่จริงในโลกทางกายภาพ แบ่งเป็นสองประเภทหลัก ได้แก่ 

  • สินทรัพย์ที่จับต้องได้ (Tangible Assets) เช่น อสังหาริมทรัพย์ ทองคำ อัญมณี ของสะสม งานศิลปะ ของเก่า และสินค้าโภคภัณฑ์ เป็นต้น
  • สินทรัพย์ที่ไม่สามารถจับต้องได้ (Intangible Assets) เช่น สิทธิบัตร เครื่องหมายการค้า หุ้น และหนี้สินของบริษัท เป็นต้น

สินทรัพย์เหล่านี้ถูกนำมา Tokenize ซึ่งหมายถึงการเปลี่ยนสินทรัพย์ให้กลายเป็นโทเคนดิจิทัล โดยสามารถซื้อขายแลกเปลี่ยนและทำธุรกรรมบนบล็อกเชนผ่าน Smart Contract ได้ วิธีนี้ช่วยเพิ่มความสะดวกและความปลอดภัยในการทำธุรกรรม รวมถึงการเข้าถึงและการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายขึ้นแล้ว Real world assets (RWA) เกี่ยวข้องกับการซื้อที่ดินเปล่าและอสังหาริมทรัพย์อย่างไร

Real World Assets (RWAs) ที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์และที่ดินคือการนำสินทรัพย์ที่มีอยู่จริง เช่น บ้าน อาคารพาณิชย์ ที่ดิน และโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ มาแปลงเป็นโทเคนดิจิทัลบนบล็อกเชน วิธีนี้เปิดโอกาสใหม่ในการลงทุนและทำธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบดิจิทัล ซึ่งมีประโยชน์และข้อได้เปรียบหลายประการ

การแปลงอสังหาริมทรัพย์และที่ดินเป็นโทเคน (Tokenization) คือการนำสินทรัพย์ที่มีอยู่จริงมาแปลงเป็นโทเคนดิจิทัลบนบล็อกเชน โดยโทเคนเหล่านี้เป็นตัวแทนของมูลค่าของสินทรัพย์นั้น ๆ และสามารถซื้อขายแลกเปลี่ยนได้เช่นเดียวกับสินทรัพย์ดิจิทัลอื่น ๆ การแปลงสินทรัพย์นี้ช่วยเพิ่มความโปร่งใสและลดความซับซ้อนในการทำธุรกรรม

ข้อดีของการแปลงอสังหาริมทรัพย์และที่ดินเป็นโทเคนฯ

  • เพิ่มความสะดวกในการลงทุน : นักลงทุนสามารถซื้อขายโทเคนที่เป็นตัวแทนของอสังหาริมทรัพย์หรือที่ดินได้อย่างง่ายดายบนแพลตฟอร์มดิจิทัล โดยไม่จำเป็นต้องผ่านขั้นตอนที่ซับซ้อนเหมือนการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์แบบดั้งเดิม
  • เพิ่มสภาพคล่อง : โทเคนดิจิทัลช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้กับสินทรัพย์ที่มีมูลค่าสูง เช่น อสังหาริมทรัพย์และที่ดิน ซึ่งโดยปกติแล้วการซื้อขายจะใช้เวลานาน การแปลงสินทรัพย์เป็นโทเคนฯ ทำให้สามารถซื้อขายได้เร็วขึ้นและง่ายขึ้น
  • การเข้าถึงการลงทุนได้ง่ายขึ้น : นักลงทุนรายย่อยสามารถเข้าถึงการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และที่ดินได้โดยการซื้อโทเคนฯ ในจำนวนที่น้อยกว่าเมื่อเทียบกับการซื้ออสังหาริมทรัพย์ทั้งแปลง ทำให้การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ไม่จำกัดอยู่เฉพาะนักลงทุนรายใหญ่
  • เพิ่มความโปร่งใสและความปลอดภัย : การทำธุรกรรมบนบล็อกเชนมีความโปร่งใสและปลอดภัยสูง ข้อมูลการทำธุรกรรมทั้งหมดจะถูกบันทึกและตรวจสอบได้ ลดความเสี่ยงในการเกิดการทุจริต

การใช้ประโยชน์จากการแปลงอสังหาริมทรัพย์และที่ดินเป็นโทเคนฯ

  • การลงทุนร่วมกัน : นักลงทุนหลายคนสามารถรวมทุนกันซื้อโทเคนฯที่เป็นตัวแทนของอสังหาริมทรัพย์หรือที่ดิน ซึ่งเป็นการกระจายความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการทำกำไร
  • การระดมทุนสำหรับโครงการพัฒนา : โครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์สามารถระดมทุนได้ง่ายขึ้นผ่านการออกโทเคนฯ นักลงทุนสามารถซื้อโทเคนฯ เพื่อร่วมลงทุนในโครงการและรับผลตอบแทนตามมูลค่าของโทเคนฯ
  • การแบ่งผลประโยชน์ : ผู้ถือโทเคนสามารถรับส่วนแบ่งผลประโยชน์จากการเช่าหรือการขายอสังหาริมทรัพย์ตามสัดส่วนการถือครองโทเคนฯ ทำให้การลงทุนมีความยืดหยุ่นและน่าสนใจยิ่งขึ้น

สรุปการแปลงอสังหาริมทรัพย์และที่ดินเป็นโทเคนดิจิทัลบนบล็อกเชนเป็นการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้เพื่อเพิ่มความสะดวก ความโปร่งใส และสภาพคล่องในการทำธุรกรรมและการลงทุน การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และที่ดินผ่านโทเคนดิจิทัลเปิดโอกาสให้กับนักลงทุนทุกระดับและเพิ่มโอกาสในการทำกำไรอย่างยั่งยืน

นอกจากนั้นแล้วสินทรัพย์ที่สามารถนำมาเข้ากระบวนการ Tokenize เพื่อเป็น Real World Assets (RWAs) ไม่ได้ถูกจำกัดแค่ที่ดินเปล่าและอสังหาริมทรัพย์เท่านั้นยังสามารถประยุกต์ใช้กับสินทรัพย์ทางการเงิน (Financial Assets) หรือ ศิลปะและของสะสม (Collectible & Arts) ดังนั้นแล้ว RWAs อาจเป็นหนึ่งในกระบวนการสำคัญที่ผลักดันให้อุตสาหกรรมการลงทุนมีรูปแบบที่หลากหลายและเข้าถึงได้ง่ายขึ้นในอนาคต

 

หมายเหตุ

คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวนและสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยง และ ผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอนาคต โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้

 

เรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

Merkle Capital คือผู้จัดการเงินทุนสินทรัพย์ดิจิทัลแห่งแรกในประเทศไทย ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานก.ล.ต. บริษัทให้การดูแลและบริหารเงินลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลแก่ลูกค้าด้วยกลยุทธ์ที่หลากหลายโดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนและการบริหารจัดการ