4 วิธีวางแผนภาษีอย่างไรให้ชาญฉลาด

กันยายน 10, 2024

thumbnail

การวางแผนภาษีเป็นกระบวนการที่สำคัญสำหรับทุกคนที่มีรายได้ การวางแผนให้เกิดผลประโยชน์สูงสุดไม่เพียงแต่ช่วยลดภาระภาษีเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยเพิ่มความมั่งคั่งและป้องกันทรัพย์สินอย่างมีประสิทธิภาพ

 

การวางแผนภาษีคืออะไร ?

 

การวางแผนภาษีคืออะไร

 

การวางแผนภาษีเป็นกระบวนการที่สำคัญสำหรับทุกคนที่มีรายได้ การวางแผนให้เกิดผลประโยชน์สูงสุดไม่เพียงแต่ช่วยลดภาระภาษีเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยเพิ่มความมั่งคั่งและป้องกันทรัพย์สินอย่างมีประสิทธิภาพ

 

การวางแผนภาษีคืออะไร ?

การวางแผนภาษีเป็นกระบวนการที่สำคัญในการจัดการทรัพย์สินและรายได้เพื่อลดภาระภาษีให้มากที่สุดที่เป็นไปได้ตามกฎหมาย โดยการวางแผนภาษีไม่เพียงแค่การคำนวณภาษีที่ต้องจ่าย แต่เป็นการเลือกใช้เทคนิคต่าง ๆ เพื่อลดหย่อนภาษีอย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ โดยภาษีที่วางแผนได้รวมถึงภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีธุรกิจ และภาษีอสังหาริมทรัพย์ เพื่อให้การเงินส่วนตัวหรือธุรกิจมีประสิทธิผลที่สูงสุดต่อไป

การวางแผนภาษีเพื่อลดภาระภาษี การวางแผนภาษีไม่ใช่เพียงแค่การตั้งคำถามกับตัวเอง "ภาษีที่จะจ่ายเท่าไหร่ ?" แต่เป็นการออกแบบวิธีการจัดการทรัพย์สินและรายได้ให้เกิดผลตอบแทนที่สูงสุด โดยคำนึงถึงเทคนิคการลดหย่อนภาษีอย่างถูกต้อง รวมถึงการใช้บริการที่เชี่ยวชาญเพื่อช่วยในการวางแผนเพื่อการเสียภาษีที่มีประสิทธิภาพ

 

การลงทุนและการออกแบบผลการเสียภาษี การลงทุนในทรัพย์สินที่มีการยกเว้นภาษีหรือภาษีลดหย่อนสามารถเป็นเครื่องมือสำคัญในการวางแผนภาษี การเลือกลงทุนให้เหมาะสม เช่น การลงทุนในกองทุนรวมหรือหุ้นที่มีการยกเว้นภาษี การลงทุนในบ้านหลังแรกหรือที่พักอาศัย สามารถช่วยลดหย่อนภาษีได้ตามกฎหมาย

การบริหารทรัพย์สินส่วนตัว การจัดการทรัพย์สินส่วนตัวให้มีรายได้และมีประสิทธิผลจะช่วยเพิ่มฐานะทางการเงิน การลงทุนในทรัพย์สินที่สร้างรายได้ เช่น การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่า การลงทุนในธุรกิจเสริมรายได้ เป็นต้น จะช่วยเพิ่มรายได้และลดภาระภาษี

 

การวางแผนการลดหย่อนภาษีในอนาคต การวางแผนภาษีไม่เพียงแค่ส่งมอบผลประโยชน์ในปัจจุบัน แต่ยังเป็นการมองไปในอนาคต เช่น การวางแผนการเงินส่วนตัว เพื่อปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ทางการเงินที่เปลี่ยนแปลง การวางแผนการเกษียณอายุ เพื่อสร้างกองทุนเพื่อค่าชีวิตหลังเกษียณอายุ การวางแผนการลดหย่อนภาษีที่เหมาะสมสำหรับอนาคตจะช่วยลดภาระภาษีอย่างมีประสิทธิภาพ

การวางแผนภาษีไม่ใช่เรื่องซับซ้อนและใช้เฉพาะกับคนรวยเท่านั้น แต่เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยเพิ่มความมั่งคั่ง ลดภาระภาษี และป้องกันทรัพย์สินให้กับคนที่เรารักอย่างมีประสิทธิภาพ ควรเริ่มต้นวางแผนภาษีตอนที่ยังมีโอกาสเนื่องจากเป็นขั้นตอนที่ต้องเตรียมเอกสาร ศึกษารายละเอียดและข้อมูลเพื่อไม่ให้เกิดความเสี่ยงและการผิดพลาดที่จะก่อให้เกิดความผิดทางกฎหมายตามมา โดยส่วนใหญ่แล้วนิยมเริ่มต้นวางแผนภาษีตั้งแต่ต้นปีแต่สำหรับคนที่ไม่มีเวลาในการศึกษาข้อมูล ปัจจุบันมีบริการที่ปรึกษาทางการเงินที่จะช่วยออกแบบและวางแผนภาษีให้เหมาะกับระดับรายได้และความต้องการของแต่ละบุคคล

 

การคำนวณเงินได้พึงประเมินเพื่อการวางแผนภาษี

ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ถือเป็นภาษีทางตรงที่บุคคลธรรมดาอย่างเราต้องเสีย โดยโครงสร้างในการคิดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจะคำนวณได้จากการนำเงินได้สุทธิมาคูณกับอัตราภาษีซึ่งจะแตกต่างกันในแต่ละบุคคลตามระดับรายได้

โดยที่รายได้พึงประเมินคือรายได้ทั้งหมดหักด้วย

  • ค่าใช้จ่ายที่กฏหมายกำหนด
  • ค่าลดหย่อนภาษี
  • เงินบริจากที่กฏหมายกำหนด

 

การคำนวณเงินได้พึงประเมิน

 

รายได้ที่ต้องนำมาคำนวณเพื่อเสียภาษีมีทั้งหมด 8 ประเภท แบ่งตามอาชีพและต้นทุนในการประกอบอาชีพที่แตกต่างกัน เพื่อความเป็นธรรมในการคำนวณและการจ่ายภาษีที่เกิดขึ้น แต่ในบางกรณีเงินได้ของบุคคลอาจถูกจัดเป็นเงินได้หลายประเภท ซึ่งขึ้นอยู่กับลักษณะของสัญญาการจ้างงานหรือข้อตกลงทางธุรกิจ เพื่อให้เข้าใจหลักเกณฑ์ในการจำแนกประเภทของเงินได้อย่างถูกต้อง เพื่อให้การหักค่าใช้จ่ายเป็นไปอย่างคุ้มค่าที่สุด รายได้พึงประเมินมีตัวอย่างดังนี้

1. เงินได้ประเภทที่ 1 ได้แก่ เงินได้เนื่องจากการจ้างแรงงาน ไม่ว่าจะเป็น

เงินเดือน ค่าจ้าง เบี้ยเลี้ยง โบนัส เบี้ยหวัด บำเหน็จ บำนาญ

  • เงินค่าเช่าบ้านที่ได้รับจากนายจ้าง
  • เงินที่คำนวณได้จากมูลค่าของการได้อยู่บ้าน ซึ่งนายจ้างให้อยู่โดยไม่เสียค่าเช่า
  • เงินที่นายจ้างจ่ายชำระหนี้ใด ๆ ซึ่งลูกจ้างมีหน้าที่ต้องชำระ
  • เงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์ใด ๆ บรรดาที่ได้เนื่องจากการจ้างแรงงาน เช่น มูลค่าของการได้รับประทานอาหาร เป็นต้น

2. เงินได้ประเภทที่ 2 ได้แก่ เงินได้เนื่องจากหน้าที่หรือตำแหน่งงานที่ทำ หรือจากการรับทำงานให้ ไม่ว่าจะเป็น

  • ค่าธรรมเนียม ค่านายหน้า ค่าส่วนลด
  • เงินอุดหนุนในงานที่ทำ เบี้ยประชุม บำเหน็จ โบนัส
  • เงินค่าเช่าบ้านที่ได้รับเนื่องจากหน้าที่หรือตำแหน่งงานที่ทำ หรือจากการรับทำงานให้
  • เงินที่คำนวณได้จากมูลค่าของการได้อยู่บ้าน ที่ผู้จ่ายเงินได้ให้อยู่โดยไม่เสียค่าเช่า
  • เงินที่ผู้จ่ายเงินได้จ่ายชำระหนี้ใด ๆ ซึ่งผู้มีเงินได้มีหน้าที่ต้องชำระ
  • เงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์ใด ๆ บรรดาที่ได้เนื่องจากหน้าที่หรือตำแหน่งงานที่ทำ

3. เงินได้ประเภทที่ 3 ได้แก่ ค่าความนิยม (Goodwill) ค่าลิขสิทธิ์หรือสิทธิอย่างอื่น เงินปี หรือเงินได้ที่มีลักษณะ เป็นเงินรายปีอันได้มาจากพินัยกรรม นิติกรรมอย่างอื่น หรือคำพิพากษาของศาล

4. เงินได้ประเภทที่ 4 ได้แก่ ดอกเบี้ย เงินปันผล เงินส่วนแบ่งกำไร เงินลดทุน เงินเพิ่มทุน ผลประโยชน์ที่ได้จากการโอนหุ้น เป็นต้น

5. เงินได้ประเภทที่ 5 เงินได้จากการให้เช่าทรัพย์สิน เงินหรือประโยชน์อย่างอื่น 

6. เงินได้ประเภทที่ 6 ได้แก่ เงินได้จากวิชาชีพอิสระ คือวิชากฎหมาย การประกอบโรคศิลปะ วิศวกรรม สถาปัตยกรรม การบัญชี ประณีตศิลปกรรม หรือวิชาชีพอื่น ๆ ซึ่งจะได้มีพระราชกฤษฎีกากำหนดชนิดไว้ 

7. เงินได้ประเภทที่ 7 ได้แก่ เงินได้จากการรับเหมาที่ผู้รับเหมาต้องลงทุนด้วยการจัดหาสัมภาระ ในส่วนสำคัญนอกจากเครื่องมือ 

8. เงินได้ประเภทที่ 8 ได้แก่ เงินได้จากการธุรกิจ การพาณิชย์ การเกษตร การอุตสาหกรรม การขนส่ง การขายอสังหาริมทรัพย์ หรือการอื่นนอกจากที่ระบุไว้ในประเภทที่ 1 ถึงประเภทที่ 7 

 

สิทธิลดหย่อนภาษีเพื่อการวางแผนภาษี

เมื่อพูดถึงสิ่งที่จะช่วยบริหารภาษี เพราะทุกคนที่มีรายได้ประจำตั้งแต่ 120,000 บาทต่อปีหรือมีรายได้ประเภทอื่น ๆ ตั้งแต่ 60,000 บาทต่อปี จะต้องเสียภาษีตามกฎหมาย ยิ่งรายได้สูง ภาษีก็สูงขึ้นตามไปด้วย หนึ่งในปัจจัยที่สำคัญที่สุด คือการใช้สิทธิลดหย่อนภาษีทั้งนี้สิทธิลดหย่อนภาษีที่กฎหมายได้ระบุไว้อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ ดังนั้นจึงควรหมั่นติดตามหลักเกณฑ์เงื่อนไขในทุกปี เพื่อที่จะได้วางแผนลดหย่อนภาษีได้อย่างถูกต้องเหมาะสม

สิทธิลดหย่อนภาษี คือ รายการที่กฎหมายกำหนดให้สามารถลดหย่อนจากรายได้ที่ได้รับได้หลังจากหักค่าใช้จ่ายแล้ว วิธีการคำนวณมีดังนี้ :

 

รายได้ต่อปี - ค่าใช้จ่าย - ค่าลดหย่อน = เงินได้สุทธิ

เงินได้สุทธิ x อัตราภาษี = เงินภาษีที่ต้องจ่าย

 

สิทธิลดหย่อนภาษีจึงเป็นสิทธิพื้นฐานที่คนเสียภาษีทุกคนจะได้รับ โดยปกติคือค่าลดหย่อนส่วนตัวคนละ 60,000 บาท แต่หากสามารถค้นหาวิธีเพิ่มค่าลดหย่อนภาษีเพิ่มเติมได้ จะช่วยประหยัดเงินได้มากขึ้น

 

ค่าลดหย่อนภาษีส่วนตัวและครอบครัว

  • ค่าลดหย่อนส่วนตัว 60,000 บาท
  • ค่าลดหย่อนคู่สมรส 60,000 บาท (สำหรับคู่สมรสที่ไม่มีรายได้)
  • ค่าลดหย่อนฝากครรภ์และคลอดบุตร 60,000 บาทต่อครรภ์
  • ค่าลดหย่อนภาษีบุตร 30,000 บาทต่อบุตร
  • ค่าลดหย่อนสำหรับเลี้ยงดูบิดามารดา 30,000 บาทต่อคน (สูงสุด 120,000 บาท)

 

ค่าลดหย่อนภาษีกลุ่มประกัน เงินออม และการลงทุน

  • เงินประกันสังคม สูงสุดไม่เกิน 9,000 บาท
  • เบี้ยประกันชีวิตและประกันแบบสะสมทรัพย์ สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท
  • เบี้ยประกันสุขภาพและเบี้ยประกันอุบัติเหตุ สูงสุดไม่เกิน 25,000 บาท (รวมกับเบี้ยประกันชีวิตและประกันแบบสะสมทรัพย์ไม่เกิน 100,000 บาท)
  • เบี้ยประกันสุขภาพของบิดามารดา สูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท

 

ค่าลดหย่อนภาษีกลุ่มเงินบริจาค

  • เงินบริจาคทั่วไป สูงสุดไม่เกิน 10% ของเงินได้หลังหักค่าลดหย่อนภาษี
  • เงินบริจาคเพื่อการศึกษา การกีฬา การพัฒนาสังคม สามารถลดหย่อนได้ 2 เท่าของเงินบริจาคจริง
  • เงินบริจาคให้กับพรรคการเมือง สูงสุดไม่เกิน 10,000 บาท

 

ค่าลดหย่อนกลุ่มกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ

  • Easy e-Receipt 2567 สามารถลดหย่อนได้ไม่เกิน 50,000 บาท

 

โดยสรุปการลดหย่อนภาษีนี้ช่วยให้ผู้เสียภาษีลดภาระภาษีได้มากขึ้น โดยการใช้สิทธิ์ลดหย่อนตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ด้านบนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเงินส่วนตัวและครอบครัวได้ดีขึ้น การวางแผนภาษีช่วยลดภาษีไม่เพียงทำให้เราจ่ายภาษีน้อยลง การมีเงินคงเหลือนี้สามารถใช้จ่ายในทางอื่นหรือเก็บเพื่อลงทุนเพิ่มได้เพื่อต่อยอดไปสู้เป้าหมายทางการเงินที่ได้วางไว้ในอนาคต

 

การยื่นภาษีเพื่อการวางแผนภาษี

 

การยื่นภาษีเพื่อการวางแผนภาษี

 

สำหรับวิธียื่นภาษีปัจจุบันสามารถทำได้ผ่านช่องทางออนไลน์ โดยที่สามารถแบ่งขั้นตอนแบบฉบับเข้าใจง่ายเหมาะสำหรับมือใหม่ที่อยู่ในช่วงเริ่มต้นวางแผนภาษีสามารถทำตามได้ง่าย ๆ ได้ดังนี้

เริ่มต้นจากเตรียมเอกสารสำคัญสำหรับการยื่นภาษีออนไลน์ โดยสามารถแบ่งการยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ 2 ประเภทหลัก

  • ภ.ง.ด. 91 - สำหรับผู้มีรายได้จากเงินเดือนเพียงอย่างเดียว
  • ภ.ง.ด. 90 - สำหรับผู้มีรายได้อื่นนอกเหนือจากเงินเดือน

 

เอกสารที่จำเป็นต้องเตรียม :

  • หนังสือรับรองภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย (ใบ 50 ทวิ)
  • แสดงรายได้รวมทั้งปีหลังหักชำระกองทุนหรือเงินทุนสำรองต่าง ๆ

 

รายการลดหย่อนภาษีประจำปี : 

  • ค่าเลี้ยงดูบิดา-มารดา ค่าเลี้ยงดูบุตร

 

เอกสารประกอบการลดหย่อนภาษี :

  • ยอดเงินซื้อกองทุน
  • เบี้ยประกันชีวิตและสุขภาพ
  • ค่าใช้จ่ายในการซื้อสินค้าหรือบริการที่ได้รับสิทธิลดหย่อน

 

ขั้นตอนการยื่นภาษีออนไลน์สามารถเริ่มต้นได้จากการเข้าเว็บไซต์กรมสรรพากร

  • ไปที่ https://efiling.rd.go.th/
  • เลือก "ยื่นแบบออนไลน์" หากไม่มีบัญชี ให้ "สมัครสมาชิก" ก่อน
  • เข้าสู่ระบบ E-filing
  • กรอกเลขบัตรประชาชนและรหัสผ่าน
  • ยืนยันตัวตนด้วย OTP

 

เลือกแบบภาษี

  • ยอมรับข้อตกลงและเงื่อนไข เลือก "ยื่นแบบ" ภ.ง.ด. 90/91

 

กรอกข้อมูลผู้เสียภาษี

  • ตรวจสอบและยืนยันข้อมูลส่วนตัว
  • กรอกข้อมูลเงินได้
  • ใช้ข้อมูลจากหนังสือรับรองภาษี (50 ทวิ)
  • กรอกรายได้อื่น ๆ (ถ้ามี)

 

กรอกค่าลดหย่อน

  • ระบุค่าลดหย่อนทั้งหมดที่มีสิทธิ์

 

ตรวจสอบข้อมูล

  • ทบทวนข้อมูลทั้งหมด
  • ดูผลการคำนวณภาษี

 

ยืนยันการยื่นแบบ

  • กด "ยืนยันการยื่นแบบ" เพื่อเสร็จสิ้นกระบวนการ

จากนั้นเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบข้อมูลของกรมสรรพากรเพื่อพิจารณาผลการยื่นแบบภาษีเมื่อทางสรรพากรทำการตรวจสอบข้อมูลแล้วจะเข้าสู่ขั้นตอนถัดไปคือการแจ้งผลการยื่นแบบภาษีซึ่งจะสามารถเข้าไปติดตามผลการประเมินได้ผ่านทางเว็บไซต์ โดยจะมีผลการยืนแบบทั้งหมด 2 ประเภท

 

ผลการยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

  • กรณีไม่มีภาษีต้องชำระ หรือมีภาษีชำระไว้เกิน ระบบแจ้งผลการยื่นแบบและหมายเลขอ้างอิงออกเอกสารแบบแสดงรายการและใบเสร็จรับเงิน กรณีชำระเกิน กรมสรรพากรจะอนุมัติคืนภาษีโดยเลือกรับคืนผ่านพร้อมเพย์หรือบัญชีธนาคารกรุงไทย โดยสามารถติดตามสถานะที่ https://www.rd.go.th/
  • กรณีมีภาษีต้องชำระเพิ่มเติม สามารถเลือกชำระผ่านช่องทาง QR Code, E-Payment, Internet Credit Card, ATM on Internet, บัตรภาษี และ Pay-In Slip (Counter Service, Tele-Banking)

ทั้งนี้การยื่นแบบภาษีประจำปี จะมีรายละเอียดที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาจากการออกนโยบายเพื่อสนับสนุนผู้เสียภาษีจากทางรัฐบาลผ่านโครงการต่าง ๆ ผู้ที่จำเป็นต้องยื่นแบบภาษีควรศึกษาข้อมูลรายละเอียดจากเว็บไซต์กรมสรรพากรเพื่อให้ไม่พลาดสิทธิในการลดหย่อนภาษี

 

หมายเหตุ

คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวนและสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยง และ ผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอนาคต โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้

 

เรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

Merkle Capital คือผู้จัดการเงินทุนสินทรัพย์ดิจิทัลแห่งแรกในประเทศไทย ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานก.ล.ต. บริษัทให้การดูแลและบริหารเงินลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลแก่ลูกค้าด้วยกลยุทธ์ที่หลากหลายโดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนและการบริหารจัดการ