Digital Asset คืออะไร ดูอย่างไรให้ถูกต้องในปี 2024

พฤษภาคม 21, 2024

thumbnail

Digital Asset คืออะไร ดูอย่างไรให้ถูกต้องในปี 2024

ในปี 2024 ถือว่าเป็นปีที่ Digital Asset คือสินทรัพย์ที่ถูกจับตามองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หลังจาก US SEC ได้ทำการอนุมัติให้เกิด Spot Bitcoin ETF ทำให้สินทรัพย์ดิจิทัลถูกจับเข้าไปอยู่ในสายตานักลงทุนทั่วโลก เม็ดเงินมหาศาลไหลทะลักเข้ามาซื้อ Bitcoin ผ่านกองทุนระดับโลกอย่าง Blackrock และ Fidelity ทำให้เป็นปัจจัยหลักที่แสดงออกมาเป็นผลลัพธ์ทางบวกต่ออุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างมาก ซึ่งในปี 2024 นี้เราจะมีการสรุปว่าภาพรวมของสินทรัพย์ Digital Asset คืออะไร มีอะไรบ้าง


สินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset) คืออะไร มีอะไรบ้าง


สินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset) คืออะไร


Digital Asset คือทรัพย์สินที่มีอยู่ในรูปแบบดิจิทัล ซึ่งสามารถถูกถ่ายทอดและจัดเก็บได้ผ่านทางคอมพิวเตอร์หรือเทคโนโลยีดิจิทัลอื่น ๆ โดยทั่วไปมักจะเกี่ยวข้องกับข้อมูลทางการเงิน (เช่นบิตคอยน์หรือสกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ) แต่ก็รวมถึงสิทธิ์ในการใช้งาน (เช่นซอฟต์แวร์) หรือทรัพย์สินทางปัญญา (เช่นภาพถ่ายหรือเพลง) และหลายประเภทของข้อมูลอื่น ๆ ที่ถูกจัดเก็บในรูปแบบดิจิทัล นอกจากนี้ digital Asset บางชนิดอาจจะเป็น "Non-Fungible" ซึ่งหมายถึงไม่สามารถแทนที่ได้โดยอีก Digital Asset อื่น ๆ ได้ (เช่น NFTs หรือ Non-Fungible Tokens) ทำให้เป็นทรัพย์สินที่มีความเฉพาะตัวและได้รับความสนใจในวงการศิลปะ สื่อ และวงการดิจิทัล


ประเภทของสินทรัพย์ดิจิทัลจะถูกจำแนกออกเป็น 3 ชนิด

  1. คริปโตเคอร์เรนซี Cryptocurrencies คือ สกุลเงินดิจิทัลที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนเพื่อรักษาความปลอดภัยและการทำธุรกรรม ยกตัวอย่างเช่น Ethereum (ETH) เป็นหนึ่งในเหรียญคริปโตเคอร์เรนซีที่มีความสำคัญและได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย โดยเหรียญ ETH เป็นเหรียญประจำบล็อกเชน Ethereum ที่เป็นบล็อกเชนสำหรับการพัฒนาแอปพลิเคชันและสัญญาอัจฉริยะ (Smart Contracts) ซึ่งเป็นโครงสร้างการทำงานที่ทำให้มีการจัดการข้อมูลและธุรกรรมต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากขึ้น ด้วยความสามารถในการสร้างสัญญาอัจฉริยะได้นี้ ทำให้ Ethereum เป็นบล็อกเชนที่เหมาะสำหรับการพัฒนาแอปพลิเคชันหรือแพลตฟอร์มที่มีลักษณะแบบกระจายศูนย์ (Decentralized Applications หรือ DApps) ได้ นอกจากนี้ Ethereum ยังเป็นบล็อกเชนที่เป็นพื้นที่สำคัญสำหรับการเปิดตัว ICOs (Initial Coin Offerings) ให้กับเหรียญอื่น ๆ และมีการใช้งาน DApps หลายตัวอย่างแพร่หลาย ณ ปัจจุบัน 
  2. โทเค็น Tokens คือ รูปแบบย่อยของสกุลเงินดิจิทัลที่สร้างขึ้นบนบล็อกเชน มักใช้เพื่อแทนสิทธิ์หรือสิทธิพิเศษทางการเงินหรือบริการต่าง ๆ ยกตัวอย่างเช่น เหรียญที่อยู่บน Ethereum Blockchain พวกเหรียญเหล่านี้ถือเป็น Tokens ทั้งหมด ซึ่งมีความสามารถในการแลกเปลี่ยนและใช้บริการบนแพลตฟอร์มที่อยู่บนบล็อกเชน ETH ได้ เช่น $UNI ที่เป็น Token ประจำแพลตฟอร์ม Uniswap ที่ทำงานอยู่บนบล็อกเชน Ethereum (เป็นหนึ่งใน Dapp ชื่อดังบน Ethereum) $UNI เป็นเหรียญดิจิทัลที่เกี่ยวข้องกับแพลตฟอร์ม Uniswap ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสำหรับการแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลและสร้าง Liquidity Pools ในรูปแบบการทำธุรกรรมแบบไม่มีคนกลาง (Decentralized Exchange) บนบล็อกเชน Ethereum การสร้าง $UNI Token เป็นการให้สิทธิให้กับผู้ใช้งานในแพลตฟอร์ม Uniswap โดย $UNI มีหลักการทำงานและคุณสมบัติดังนี้
    1. สิทธิโหวตและเพิ่มประสิทธิภาพในระบบ: ผู้ถือ $UNI มีบทบาทในการจัดการและตัดสินใจเกี่ยวกับเรื่องของโครงการ Uniswap ผู้ถือ $UNI สามารถโหวตเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงและการพัฒนาของโครงการ รวมถึงการใช้งานและการจัดสรรเงินทุนของโครงการเพื่อสนับสนุนให้มีการพัฒนาและเจริญเติบโตต่อไป
    2. การแจกจ่ายรางวัลแก่ผู้ใช้: โทเค็น $UNI ได้ถูกจัดสรรไว้สำหรับการแจกจ่ายให้กับผู้ใช้งานของ Uniswap ซึ่งอาจเป็นรางวัลในการให้ Liquidity หรือให้บริการอื่น ๆ ในแพลตฟอร์ม
    3. การเข้าร่วมในนโยบายและการพัฒนา: ผู้ถือ $UNI มีสิทธิ์ในการเข้าร่วมในนโยบายและการพัฒนาของโครงการ Uniswap โดยมีอำนาจในการตัดสินใจเกี่ยวกับทิศทางที่โครงการจะเป็นไป
  3. เอ็นเอฟที Non-Fungible Tokens (NFTs) คือ ประเภทของ Token ที่ไม่สามารถแทนที่ได้ ไม่สามารถแลกเปลี่ยนได้หรือเปรียบเทียบได้เหมือนกับเหรียญและสกุลเงินดิจิทัลทั่วไป เนื่องจากแต่ละตัวมีคุณสมบัติและความเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนกัน สิ่งที่สำคัญที่สุดของ NFT คือความเป็นเอกลักษณ์ (Uniqueness) ที่มีค่าต่อการสร้างสรรค์และการทำคอลเลคชัน โดย NFT สามารถใช้แสดงและจดทำลายข้อมูลที่ไม่ซ้ำกันเหมือนกัน เช่น งานศิลปะดิจิทัล รูปภาพ วิดีโอ และไฟล์สื่ออื่น ๆ ซึ่งทำให้สามารถติดตามและยืนยันความสมบูรณ์ของสิทธิการถือเป็นเจ้าของได้โดยใช้พื้นฐานของเทคโนโลยีบล็อกเชน 

 

อัตราผลตอบแทนของ Digital Asset และความเสี่ยง


อัตราผลตอบแทนของ Digital Asset


การลงทุนใน Digital Asset คือสินทรัพย์ที่มีอัตราผลตอบแทนและความเสี่ยงที่คล้ายกับการลงทุนในสินทรัพย์อื่น ๆ อย่างไรก็ตามความแตกต่างสำคัญคือ Digital Asset มักมีลักษณะที่เฉพาะเจาะจงและมีความเชื่อมโยงกับเทคโนโลยี Blockchain ซึ่งอาจสร้างโอกาสและความเสี่ยงที่แตกต่างจากการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีลักษณะทางการเงินแบบทั่วไป ต่อไปนี้คืออธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลตอบแทนและความเสี่ยงของ Digital Asset
ผลตอบแทนในเชิงการเพิ่มมูลค่า: บาง Digital Asset มีศักยภาพในการเพิ่มมูลค่าอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อมีการยอมรับและการนำไปใช้งานมากขึ้น ตัวอย่างเช่น Bitcoin ซึ่งมีการเพิ่มมูลค่าอย่างมากในเวลาหลายปีที่ผ่านมา
ผลตอบแทนที่ทันสมัย: บาง Digital Asset อาจมีการเพิ่มมูลค่าอย่างรวดเร็ว โดยส่วนใหญ่เกิดขึ้นในระยะเวลาสั้น ๆ ตัวอย่างเช่นเหรียญดิจิทัลใหม่ ๆ ที่มีการแข่งขันและความนิยมมากขึ้นได้อย่างรวดเร็ว เช่นเหรียญตามเทรนด์หรือเหรียญที่ขึ้นลงตามอารมณ์เช่นเหรียญมีม ใครข้อมูลไวกว่าก็จะได้กำไรเป็นกอบเป็นกำ 

ผลตอบแทนจากการทำธุรกรรม: บาง Digital Asset มีโครงสร้างการทำธุรกรรมที่ทำให้ผู้ถือสามารถรับผลตอบแทนในรูปแบบของดอกเบี้ยหรือค่าธรรมเนียมจากการทำธุรกรรมต่าง ๆ บนเครือข่าย Blockchain ได้ผ่านการ Staking นั่นเอง
ความเสี่ยงของตลาด: ตลาด Digital Asset คือตลาดที่มีความเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ราคาของ Digital Asset อาจผันผวนอย่างมากในระยะเวลาสั้น ๆ และมีความผันผวนที่สูง และตลาดเปิด 24 ชั่วโมง ไม่มีวันปิด
ความเสี่ยงทางเทคโนโลยี: การลงทุนใน Digital Asset มีความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี Blockchain อาจจะต้องมองถึงความเสี่ยงจากปัญหาด้านความปลอดภัย ความเสียหายจากโจรกรรมดิจิทัล หรือปัญหาด้านความน่าเชื่อถือในระบบ Blockchain
ความเสี่ยงทางกฎหมาย: บาง Digital Asset อาจเผชิญกับความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการกำหนดกฎหมายและกฎระเบียบในประเทศที่เกี่ยวข้อง การเปลี่ยนแปลงในกฎหมายอาจมีผลกระทบต่อมูลค่าและการซื้อขายของ Digital Asset ในบางกรณีได้เช่นกัน

จะเห็นได้ว่ามีทั้งผลตอบแทนและความเสี่ยง ดังนั้นการลงทุนใน Digital Asset เป็นกระบวนการที่ต้องมีการศึกษาและเข้าใจอย่างละเอียดก่อนที่จะลงทุน มี 7 ข้อที่นักลงทุนควรทราบสิ่งที่ควรรู้ก่อนลงทุนใน Digital Asset มีอะไรบ้าง

1. เข้าใจเกี่ยวกับ Digital Asset ที่ต้องการลงทุน: ศึกษาเกี่ยวกับ Digital Asset ที่สนใจอย่างละเอียด เรียนรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยี Blockchain วัตถุประสงค์ของ Digital Asset นั้น ๆ และวิธีการทำงานของมัน เช่น Bitcoin, Ethereum หรือ NFTs (Non-Fungible Tokens)
2. การวิเคราะห์ความเสี่ยง: ทำการวิเคราะห์ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนใน Digital Asset โดยพิจารณาความผันผวนของราคา ความเสี่ยงทางเทคโนโลยี และความเสี่ยงทางกฎหมายที่อาจมีผลต่อการลงทุน
3. การวิเคราะห์ตลาด: ศึกษาแนวโน้มของตลาด Digital Asset โดยรวมและข้อมูลเฉพาะเกี่ยวกับ Digital Asset ที่คุณสนใจ เพื่อให้คุณสามารถทำการวิเคราะห์ในการตัดสินใจลงทุนได้อย่างมั่นใจ
4.การจัดการความเสี่ยง: กำหนดวงเงินที่คุณพร้อมจะลงทุนและพร้อมสูญเสีย หลีกเลี่ยงการลงทุนเกินวงเงินที่คุณสามารถทนได้ และพิจารณาการสร้าง Portofolio ที่ดีและคงที่ในการลงทุนใน Digital Asset และสินทรัพย์อื่นให้ดี
5. การเรียนรู้จากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้: ค้นหาข้อมูลจากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้เกี่ยวกับ Digital Asset และการลงทุนใน Blockchain เช่นเว็บไซต์ข่าว บล็อก หรือชุมชนออนไลน์ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี Blockchain
6. การเข้าใจเกี่ยวกับกระบวนการซื้อ-ขาย: ทราบถึงวิธีการทำธุรกรรมในตลาด Digital Asset  รวมถึงแพลตฟอร์มการซื้อขายและวิธีการเก็บ Digital Asset อย่างปลอดภัย
7. การทบทวนและการตรวจสอบความปลอดภัย: ทราบถึงวิธีการรักษาความปลอดภัยของ Digital Asset และวิธีการป้องกันตัวเองจากการโจรกรรมด้านความปลอดภัยแบบต่าง ๆ

ข้อแตกต่างระหว่างหลักทรัพย์ vs สินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset) 


ข้อแตกต่างระหว่างหลักทรัพย์ vs สินทรัพย์ดิจิทัล


หลักทรัพย์ (Securities) และสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Assets) มีความแตกต่างกันตาม 4 ปัจจัย ได้แก่ 1. ลักษณะ 2.การควบคุมและเปลี่ยนแปลง 3.การซื้อขายและการทำธุรกรรม 4.และความปลอดภัยและความเสี่ยง ตามนี้

ในเชิงลักษณะ:

  • Security เป็นเอกสิทธิ์ทางการเงินที่ให้สิทธิ์ในการเข้าถึงทรัพย์สินหรือทรัพย์สินทางการเงินต่าง ๆ โดยมักจะมีการเป็นเจ้าของบัตรหลักทรัพย์หรือหุ้นของบริษัท อาจจะอยู่ในรูปของตราสารหนี้หรือตราสารทุนก็ได้ 
  • Digital Asset คือทรัพย์สินที่ถูกสร้างขึ้นบนเทคโนโลยี Blockchain และมักจะมีลักษณะที่เป็นสิทธิในการเข้าถึงเนื้อหาดิจิทัล แพลตฟอร์มทางการเงินบนบล็อกเชน หรือบริการอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ทรัพย์สินเพียงอย่างเดียว

การควบคุมและการเปลี่ยนแปลง:

  • Security มักมีการควบคุมและการจัดการโดยองค์กรหรือหน่วยงานทางการเงินที่รับผิดชอบ การเปลี่ยนแปลงในการจัดการบริษัทหรือองค์กรอาจมีผลต่อราคาและความคาดหวังของผู้ลงทุน
  • Digital Asset มีการควบคุมและการจัดการโดยโค้ดของโปรแกรมคอมพิวเตอร์และโครงสร้าง Blockchain การเปลี่ยนแปลงในโครงสร้าง Blockchain หรือโค้ดอาจมีผลต่อคุณลักษณะและการทำงานของสินทรัพย์ดิจิทัลนั้น

การซื้อขายและการทำธุรกรรม:

  • Security มักจะมีการซื้อขายบนตลาดหลักทรัพย์ โดยผ่านบริษัทหลักทรัพย์ โบรกเกอร์ หรือบริษัทเอง
  • Digital Asset คือการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลสามารถทำได้ในกระดานแลกเปลี่ยน (Crypto Exchange) และสามารถทำธุรกรรมได้ตลอดเวลาตามต้องการ

ความปลอดภัยและความเสี่ยง:

  • Security มักมีการควบคุมและความปลอดภัยที่เชื่อถือได้จากหน่วยงานรัฐบาลและระบบการกำกับสำนักงาน อย่างไรก็ตาม การลงทุนในหลักทรัพย์ก็มีความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับตลาดอยู่ดี 
  • Digital Asset คือสินทรัพย์มีความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยและความเสี่ยงทางเทคโนโลยี รวมถึงความผันผวนในราคาที่มากกว่าหลักทรัพย์ทั่วไปอีกเท่าตัว 

 

หลังจากรู้เกี่ยวกับข้อแตกต่างของหลักทรัพย์และสินทรัพย์ดิจิทัลแล้วมาดูข้อดีกันบ้าง

 

ข้อดีของ Security คือ:

  1. ความเสถียร: บางหลักทรัพย์มีความเสถียรและมั่นคงทางการเงิน เช่นหลักทรัพย์ของบริษัทที่มีประสิทธิภาพและรายได้เสริมที่แน่นอน
  2. การจ่ายเงินประจำ: หลักทรัพย์บางประเภทมีการจ่ายเงินประจำเป็นดอกเบี้ยหรือเงินปันผลที่เป็นที่รู้จัก เช่นหลักทรัพย์หุ้นของบริษัทที่จ่ายเงินปันผล
  3. ความคาดเดาได้: ราคาหลักทรัพย์มักมีความคงเส้นคงวา เนื่องจากมีการวิเคราะห์ที่มีระบบและข้อมูลทางการเงินที่มากมายให้เป็นตัวชี้วัด
  4. การเข้าถึงตลาด: การลงทุนในหลักทรัพย์ให้คุณสามารถเข้าถึงตลาดได้ในลักษณะที่โปร่งใสและมีความน่าเชื่อถือ
  5. การคุ้มครองกฎหมาย: หลักทรัพย์มักมีการคุ้มครองกฎหมายที่เข้มงวดและมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายและการลงทุน

ข้อดีของ Digital Asset คือ:

  1. ความเป็นอิสระและปลอดภัย: สินทรัพย์ดิจิทัลมีลักษณะเป็นเอกสิทธิ์ ทำให้เข้าถึงและทำธุรกรรมได้โดยไม่ต้องผ่านทางบัญชีธนาคารหรือองค์กรอื่น
  2. ความโปร่งใส: การทำธุรกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลบน Blockchain เป็นการโปร่งใสและถูกบันทึกไว้ในระบบที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้และตรวจสอบได้ 
  3. ความเร็วและค่าธรรมเนียมต่ำ: การทำธุรกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลมักมีความเร็วและค่าธรรมเนียมที่ต่ำกว่าการทำธุรกรรมในระบบทางการเงินแบบทั่วไป (สามารถโอนเงินข้ามซีกโลกภายในไม่กี่วินาทีและค่าธรรมเนียมถูก)
  4. ความยืดหยุ่น: สินทรัพย์ดิจิทัลมักมีการซื้อขายได้ตลอด 24 ชั่วโมง 7 วันต่อสัปดาห์ โดยไม่จำเป็นต้องรอเวลาในระบบการทำธุรกรรมปกติ หรือวันหยุด
  5. โอกาสการลงทุน: สินทรัพย์ดิจิทัลเปิดโอกาสให้กับผู้ลงทุนที่สามารถมองเห็นโอกาสและความเสี่ยงที่มีต่อรายได้และการเติบโตในอนาคต
  6. การเลือกลงทุนในหลักทรัพย์หรือสินทรัพย์ดิจิทัลขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์การลงทุนและความเข้าใจของผู้ลงทุนในทางที่เหมาะสม นักลงทุนควรพิจารณาโอกาสและความเสี่ยงทั้งสองให้ดีก่อนทำการลงทุน 

 

หมายเหตุ

คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวนและสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยง และ ผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอนาคต โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้

 

เรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

Merkle Capital คือผู้จัดการเงินทุนสินทรัพย์ดิจิทัลแห่งแรกในประเทศไทย ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานก.ล.ต. บริษัทให้การดูแลและบริหารเงินลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลแก่ลูกค้าด้วยกลยุทธ์ที่หลากหลายโดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนและการบริหารจัดการ