Ethereum 2.0 คืออะไร และทำไมจึงมีความสำคัญ?

มิถุนายน 24, 2024

thumbnail


Ethereum 2.0 คือการอัปเกรดครั้งสำคัญของ Ethereum Blockchain ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และความสามารถในการรองรับธุรกรรมของเครือข่าย การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะนำ Ethereum ไปสู่การใช้กลไกฉันทามติแบบ Proof of Stake (PoS) แทนที่ Proof of Work (PoW) ซึ่งมีผลกระทบสำคัญต่อการลดการใช้พลังงานและเพิ่มความเร็วในการประมวลผลธุรกรรม การปรับปรุงเหล่านี้ไม่เพียงแค่ช่วยให้ Ethereum Blockchain สามารถรองรับการเติบโตของแอปพลิเคชันแบบกระจายศูนย์ (dApps) และระบบสมาร์ทคอนแทค (Smart Contracts) ได้ดีขึ้น แต่ยังมีบทบาทสำคัญในการผลักดันการนำบล็อกเชนเข้าสู่กระแสหลักอีกด้วย


Ethereum 2.0 คืออะไร?


Ethereum 2.0 คืออะไร

Ethereum 2.0 คือการอัปเกรดครั้งใหญ่ของ Ethereum Blockchain ซึ่งออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และความยั่งยืนของเครือข่ายให้ดียิ่งขึ้น การอัปเกรดนี้มีจุดประสงค์หลักในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นกับ Ethereum Blockchain ในปัจจุบัน ซึ่งได้แก่ ความสามารถในการรองรับธุรกรรมในปริมาณมาก (Scalability), ความปลอดภัย (Security), และการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ (Energy Efficiency) โดย Ethereum 2.0 จะนำเสนอการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญอย่าง Proof of Stake (PoS), การแบ่งเครือข่ายออกเป็นหลายส่วน (Sharding), และการปรับปรุงการทำงานของ Ethereum Virtual Machine (EVM)


การเปลี่ยนแปลงที่โดดเด่นที่สุดใน Ethereum 2.0 คือการเปลี่ยนจากระบบ Proof of Work (PoW) ไปสู่ Proof of Stake (PoS) ซึ่งจะช่วยลดการใช้พลังงานในการประมวลผลและเพิ่มความปลอดภัยให้กับเครือข่ายมากยิ่งขึ้น ในระบบ PoS นักพัฒนาจะใช้เงินตราในรูปแบบของ Ether (ETH) เพื่อเดิมพันและยืนยันธุรกรรมในเครือข่ายแทนการใช้พลังงานในการขุดเหมือนในระบบ PoW ซึ่งนอกจากจะช่วยลดปริมาณการใช้พลังงานแล้ว ยังทำให้เครือข่ายสามารถรองรับการทำธุรกรรมได้มากขึ้นและรวดเร็วขึ้นด้วย


อีกหนึ่งการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญคือการนำเทคนิคการแบ่งเครือข่ายออกเป็นหลายส่วน หรือ Sharding มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผลและการเก็บข้อมูล Sharding จะทำให้ Ethereum Blockchain สามารถประมวลผลธุรกรรมหลายๆ รายการพร้อมกันได้โดยไม่เกิดความล่าช้า นอกจากนี้ยังช่วยลดภาระการทำงานของเครือข่ายทั้งหมดและทำให้ระบบสามารถขยายตัวได้อย่างไม่มีขีดจำกัด


Ethereum Virtual Machine (EVM) ก็ได้รับการปรับปรุงใน Ethereum 2.0 เช่นกัน การปรับปรุงนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรันของ Smart Contracts และ Decentralized applications (dApps) บน Ethereum Blockchain ทำให้นักพัฒนาสามารถสร้างและทดสอบแอปพลิเคชันได้ง่ายขึ้นและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น


การอัปเกรดสู่ Ethereum 2.0 จะดำเนินการในหลายขั้นตอน โดยมีการเปิดตัว Phase 0, Phase 1 และ Phase 2 ตามลำดับ ใน Phase 0 ได้เปิดตัว Beacon Chain ซึ่งเป็นหัวใจหลักของระบบ PoS และใน Phase 1 จะมีการนำระบบ sharding มาใช้ ในขณะที่ Phase 2 จะมุ่งเน้นไปที่การปรับปรุง EVM และการรวมเชนต่าง ๆ เข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์


Ethereum 2.0 คือการพัฒนาและปรับปรุง Ethereum blockchain ครั้งใหญ่ที่มีจุดประสงค์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และความยั่งยืนของเครือข่าย โดยมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญหลายประการ เช่น การเปลี่ยนไปใช้ระบบ Proof of Stake, การนำเทคนิค Sharding มาใช้ และการปรับปรุง Ethereum Virtual Machine ทั้งนี้เพื่อทำให้ Ethereum Blockchain สามารถรองรับการทำธุรกรรมได้มากขึ้น ปลอดภัยยิ่งขึ้น และใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นในอนาคต


Ethereum 2.0 แตกต่างจาก Ethereum อย่างไร?


Ethereum 2.0 แตกต่างจาก Ethereum อย่างไร

Ethereum 2.0 คือการอัปเกรดครั้งสำคัญของ Ethereum Blockchain ที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และความสามารถในการขยายตัว โดยเปลี่ยนจากกลไกการทำงานแบบ Proof of Work (PoW) ไปสู่ Proof of Stake (PoS) ซึ่งมีประสิทธิภาพมากกว่าและใช้พลังงานน้อยกว่าอย่างมาก นอกจากนี้ Ethereum 2.0 ยังมีการนำเสนอโครงสร้างการแบ่งเครือข่าย (Sharding) ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสามารถในการประมวลผลธุรกรรมของเครือข่ายอย่างมีนัยสำคัญ โดยการแบ่งการทำงานของบล็อกเชนออกเป็นหลายสายโซ่ย่อย ทำให้สามารถประมวลผลธุรกรรมได้พร้อมกันหลายรายการ ส่งผลให้เครือข่ายมีความเร็วและประสิทธิภาพมากขึ้น


หนึ่งในความแตกต่างหลักระหว่าง Ethereum 2.0 และ Ethereum เดิมคือกลไกการทำงานพื้นฐาน Ethereum เดิมใช้ Proof of Work (PoW) ซึ่งต้องการการคำนวณที่ซับซ้อนเพื่อยืนยันธุรกรรมและสร้างบล็อกใหม่ในบล็อกเชน ซึ่งกระบวนการนี้ต้องใช้พลังงานไฟฟ้าสูงและมีการดำเนินงานที่ช้าลงเมื่อมีธุรกรรมมากขึ้น ในทางกลับกัน Ethereum 2.0 ใช้ Proof of Stake (PoS) ซึ่งผู้ถือเหรียญ Ether (ETH) จะต้องล็อกเหรียญของตนไว้ในเครือข่าย (Staking) เพื่อมีสิทธิ์ในการตรวจสอบธุรกรรมและสร้างบล็อกใหม่ ซึ่งวิธีนี้ใช้พลังงานน้อยกว่าและสามารถประมวลผลธุรกรรมได้รวดเร็วกว่ามาก นอกจากนี้ PoS ยังช่วยกระจายความเสี่ยงในการโจมตีเครือข่าย เนื่องจากผู้โจมตีจะต้องถือครองเหรียญจำนวนมากเพื่อควบคุมเครือข่าย ทำให้เครือข่ายมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น


อีกหนึ่งความแตกต่างที่สำคัญคือการนำเสนอ Sharding ใน Ethereum 2.0 ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาความแออัดของเครือข่ายใน Ethereum เดิม ด้วยการแบ่งบล็อกเชนออกเป็นหลายส่วนย่อย (Shard Chains) ที่สามารถประมวลผลธุรกรรมได้พร้อมกัน หลายส่วนนี้จะถูกเชื่อมโยงกันผ่าน Beacon Chain ซึ่งทำหน้าที่เป็นหัวใจหลักของ Ethereum 2.0 โดย Beacon Chain จะประสานการทำงานระหว่าง shard chains ทั้งหมด ทำให้สามารถเพิ่มปริมาณการทำธุรกรรมต่อวินาที (TPS) ได้อย่างมหาศาล และลดความหน่วงในการทำธุรกรรมลง

นอกจากประสิทธิภาพที่ดีขึ้นแล้ว Ethereum 2.0 ยังมุ่งเน้นไปที่ความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้น การใช้ Proof of Stake ทำให้การโจมตีแบบ 51% ที่เคยเป็นไปได้ในระบบ Proof of Work ยากขึ้นมาก เนื่องจากต้องใช้ทุนทรัพย์จำนวนมหาศาลในการถือครองเหรียญเพื่อควบคุมเครือข่าย นอกจากนี้ การรวมระบบตรวจสอบและการลงโทษผู้ที่พยายามโจมตีเครือข่ายผ่านกลไก PoS ยังเสริมความแข็งแกร่งให้กับความปลอดภัยโดยรวมของ Ethereum Blockchain


Ethereum 2.0 คือการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญและจำเป็นสำหรับ Ethereum Blockchain ในการตอบสนองต่อการขยายตัวและการใช้งานที่เพิ่มขึ้น ด้วยการปรับปรุงทั้งในด้านประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และความสามารถในการขยายตัว ทำให้ Ethereum 2.0 เป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาและเตรียมพร้อมสำหรับอนาคตของเทคโนโลยีบล็อกเชน


Ethereum 2.0 จะปลอดภัยมากขึ้นได้อย่างไร?

Ethereum 2.0 คือการอัปเกรดครั้งใหญ่ของ Ethereum Blockchain ที่มุ่งเน้นการเพิ่มความปลอดภัยและประสิทธิภาพของระบบผ่านการเปลี่ยนกลไกการตรวจสอบความถูกต้องจาก Proof of Work (PoW) มาเป็น Proof of Stake (PoS) การเปลี่ยนแปลงนี้ช่วยลดปัญหาการใช้พลังงานสูงและเพิ่มความปลอดภัยให้กับเครือข่าย เนื่องจากการโจมตีระบบจะต้องใช้ทรัพยากรและเงินทุนมหาศาล การตรวจสอบธุรกรรมใน Ethereum 2.0 จะดำเนินการโดยผู้ถือเหรียญ ETH ที่เลือกเข้าร่วมเป็น validator ซึ่งจะได้รับรางวัลเป็นค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมและเหรียญใหม่ที่ถูกสร้างขึ้น นอกจากนี้ Ethereum 2.0 ยังได้เพิ่มการแบ่งส่วนข้อมูล (Sharding) เพื่อเพิ่มความสามารถในการรองรับธุรกรรมและลดความแออัดของเครือข่าย


กลไกการรักษาความปลอดภัยใน Ethereum 2.0 ถูกพัฒนาขึ้นอย่างมากมาย รวมถึงการใช้ Beacon Chain ที่มีบทบาทสำคัญในการประสานงาน validator และการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล ซึ่งช่วยให้การดำเนินงานของเครือข่ายมีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ การพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ และการปรับปรุงสถาปัตยกรรมของ Ethereum Blockchain ยังช่วยลดช่องโหว่ที่อาจถูกโจมตีได้ ทั้งนี้ Ethereum 2.0 ยังคงพัฒนาและปรับปรุงต่อเนื่องเพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ใช้งานและชุมชนคริปโตเคอร์เรนซีในอนาคตอย่างยั่งยืน


แผนการพัฒนาของ Ethereum 2.0 ในอนาคต


แผนการพัฒนาของ Ethereum 2.0 ในอนาคต

Ethereum 2.0 คือการปรับปรุงและพัฒนาครั้งใหญ่ของ Ethereum blockchain ที่มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และความยืดหยุ่นในการใช้งาน โดยแผนการพัฒนานี้จะแบ่งออกเป็นหลายระยะ ซึ่งระยะที่สำคัญที่สุดคือการเปลี่ยนแปลงจาก Proof of Work (PoW) มาเป็น Proof of Stake (PoS) ซึ่งจะช่วยลดการใช้พลังงานและเพิ่มความสามารถในการขยายตัวของเครือข่ายได้มากขึ้น


ในระยะต่อไป Ethereum 2.0 จะเน้นที่การพัฒนา Shard Chains ซึ่งเป็นการแบ่งเครือข่ายออกเป็นส่วนย่อยๆ หลายๆ ส่วน ทำให้สามารถประมวลผลธุรกรรมและข้อมูลพร้อมกันได้หลายรายการ เพิ่มความเร็วและประสิทธิภาพของ Ethereum Blockchain อย่างมีนัยสำคัญ การนำเสนอระบบ Beacon Chain ที่เป็นหัวใจหลักของ Ethereum 2.0 ช่วยให้เครือข่ายสามารถประสานงานระหว่าง Shard Chains ได้อย่างมีประสิทธิภาพ


นอกจากนี้ Ethereum 2.0 ยังมีการพัฒนาในด้านการปรับปรุงความปลอดภัย โดยการเพิ่มความซับซ้อนของการตรวจสอบข้อมูล และการเพิ่มประสิทธิภาพของการกระจายข้อมูลบนเครือข่าย เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลทั้งหมดที่ถูกบันทึกบน Ethereum Blockchain นั้นปลอดภัยและน่าเชื่อถือ


อีกแผนการที่สำคัญคือการพัฒนา Layer 2 Solutions ที่จะช่วยลดภาระของเครือข่ายหลัก โดยการนำเสนอวิธีการต่างๆ เช่น Plasma และ Rollups ที่ช่วยให้การประมวลผลธุรกรรมสามารถทำได้รวดเร็วและมีค่าใช้จ่ายต่ำลง โดยที่ยังคงความปลอดภัยและความถูกต้องของข้อมูลทั้งหมด


Ethereum 2.0 จึงเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยพัฒนา Ethereum blockchain ให้ดียิ่งขึ้น ทั้งในด้านประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และความยั่งยืน ซึ่งจะมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเทคโนโลยีบล็อกเชนและการใช้งานในอนาคต

 

หมายเหตุ

คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวนและสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยง และ ผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอนาคต โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้

เรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

Merkle Capital คือผู้จัดการเงินทุนสินทรัพย์ดิจิทัลแห่งแรกในประเทศไทย ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานก.ล.ต. บริษัทให้การดูแลและบริหารเงินลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลแก่ลูกค้าด้วยกลยุทธ์ที่หลากหลายโดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนและการบริหารจัดการ