Lifestyle inflation ยิ่งรวย ยิ่งไม่มีเงินเก็บ ต้องบริหารการเงินยังไง

ตุลาคม 11, 2024

thumbnail

ในยุคปัจจุบันที่สังคมเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและรายได้เพิ่มขึ้นเป็นลำดับ แนวคิดที่เรียกว่า "Lifestyle Inflation" กำลังเป็นปัญหาที่หลายคนต้องเผชิญ Lifestyle Inflation คือ การที่การใช้จ่ายเพิ่มขึ้นตามรายได้ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้แม้จะมีรายได้มากขึ้น แต่ก็ไม่สามารถมีเงินเก็บได้ตามที่คาดหวัง การบริหารการเงินในสถานการณ์เช่นนี้จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง

ไม่ว่าคุณจะอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการทำงานหรืออยู่ในตำแหน่งที่มีรายได้สูง ปัญหา lifestyle Inflation สามารถเกิดขึ้นได้เสมอ ความรู้และการวางแผนทางการเงินที่ดีจะช่วยให้คุณสามารถจัดการรายจ่ายและเพิ่มเงินเก็บได้ ในบทความนี้เราจะมาสำรวจวิธีการบริหารการเงินเพื่อป้องกันและลดผลกระทบของ Lifestyle Inflation เพื่อให้คุณสามารถมีความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว

 

Lifestyle Inflation คืออะไร

 

 

Lifestyle Inflation คืออะไร

 

Lifestyle Inflation คืออะไร

 

Lifestyle Inflation คือ การเพิ่มขึ้นของการใช้จ่ายเมื่อรายได้ของคุณเพิ่มขึ้น โดยที่ความต้องการในการใช้จ่ายสูงขึ้นเป็นผลตามโดยอัตโนมัติ สภาพนี้เป็นปรากฏการณ์ที่มักจะเกิดขึ้นเมื่อผู้คนมีรายได้เพิ่มขึ้นแล้วใช้จ่ายเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ทำให้ไม่สามารถออมเงินได้หรือมีความเสี่ยงที่จะสร้างหนี้สินขึ้นมากมาย

Lifestyle Inflation มักเกิดขึ้นเมื่อผู้คนมีความต้องการที่จะเพิ่มคุณภาพชีวิต หรือเพื่อให้เข้ากับระดับชีวิตที่สูงขึ้น ตัวอย่างเช่น การเปลี่ยนแปลงรถยนต์ที่ใช้อยู่ไปเป็นรถยนต์ที่หรูหราขึ้น การเลือกทานอาหารที่ร้านอาหารราคาแพง หรือการซื้อของฟุ่มเฟือยอื่น ๆ ซึ่งเหล่านี้อาจจะส่งผลให้การใช้จ่ายเพิ่มขึ้นไปพร้อมกับรายได้ที่เพิ่มขึ้น

การที่เกิด Lifestyle Inflation ทำให้การเก็บออมเงินยากขึ้น เพราะรายได้ที่เพิ่มขึ้นถูกใช้จ่ายไปกับสิ่งที่ไม่จำเป็น หรือสิ่งที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ในระยะยาว สุดท้ายแล้วอาจจะทำให้ไม่มีเงินออมเพียงพอสำหรับอนาคต หรืออาจจะต้องเผชิญกับภาระหนี้สินที่สูงขึ้น

เพื่อป้องกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของ Lifestyle Inflation คุณควรมีการวางแผนการเงินที่ดี โดยกำหนดเป้าหมายการออมเงินที่ชัดเจน และตรวจสอบการใช้จ่ายอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ควรให้ความสำคัญกับการใช้จ่ายในสิ่งที่จำเป็นและมีคุณค่าในระยะยาวมากกว่าการใช้จ่ายในสิ่งที่เป็นเพียงแค่ความต้องการชั่วคราว

การวางแผนการเงินอย่างมีระบบสามารถช่วยลดความเสี่ยงในการเกิด Lifestyle Inflation ได้ ตัวอย่างเช่น การสร้างงบประมาณที่ชัดเจน การกำหนดเป้าหมายการออมเงิน และการตรวจสอบรายจ่ายเป็นประจำ เมื่อคุณมีการวางแผนการใช้จ่ายที่ดีและมีวินัย คุณจะสามารถเพิ่มรายได้ของคุณโดยไม่ทำให้การใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอย่างไม่จำเป็น

นอกจากนี้ การเสริมสร้างความรู้เกี่ยวกับการลงทุนและการออมเงินก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถช่วยลดผลกระทบจาก Lifestyle Inflation ได้ เมื่อคุณมีความรู้และความเข้าใจในการบริหารการเงิน คุณจะสามารถตัดสินใจเกี่ยวกับการใช้จ่ายและการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

สุดท้ายนี้ Lifestyle Inflation เป็นสิ่งที่สามารถป้องกันได้หากคุณมีความตระหนักรู้และการวางแผนการเงินที่ดี การรักษาความสมดุลระหว่างรายได้และการใช้จ่ายจะทำให้คุณสามารถออมเงินและเตรียมความพร้อมสำหรับอนาคตได้อย่างมั่นคง

 

คุณกำลังติดกับ lifestyle inflation อยู่หรือไม่

 

คุณกำลังติดกับ lifestyle inflation อยู่หรือไม่

 

การบริหารการเงินส่วนบุคคลนั้นเป็นเรื่องที่หลายคนให้ความสำคัญ เนื่องจากการจัดการเงินอย่างมีประสิทธิภาพสามารถทำให้ชีวิตมีความมั่นคงและมีความสุขมากขึ้น หนึ่งในปัญหาที่หลายคนมักจะพบเจอเมื่อรายได้เพิ่มขึ้นคือสิ่งที่เรียกว่า "Lifestyle Inflation" หรือที่เรียกในภาษาไทยว่า "อัตราเงินเฟ้อในการใช้ชีวิต" ซึ่งหมายถึงการที่ค่าใช้จ่ายในการใช้ชีวิตเพิ่มขึ้นตามรายได้ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งมักจะทำให้การออมเงินและการลงทุนเพื่ออนาคตเป็นเรื่องยากขึ้น

ลักษณะของคนที่มี Lifestyle Inflation

  1. การใช้จ่ายเกินตัว : คนที่มี Lifestyle Inflation มักจะใช้จ่ายเงินเกินกว่าที่จำเป็น เช่น การซื้อของแบรนด์เนม การทานอาหารที่ร้านอาหารหรู หรือการท่องเที่ยวต่างประเทศบ่อย ๆ
  2. การเพิ่มภาระหนี้สิน : เมื่อรายได้เพิ่มขึ้น คนที่มี Lifestyle Inflation มักจะมีแนวโน้มที่จะกู้ยืมเงินเพื่อซื้อสิ่งของหรือบริการที่ต้องการ ทำให้หนี้สินเพิ่มขึ้นและการเงินส่วนบุคคลไม่มั่นคง
  3. การขาดการวางแผนการเงิน : คนที่มี Lifestyle Inflation มักจะขาดการวางแผนการเงินระยะยาว เช่น การออมเงิน การลงทุน หรือการวางแผนเกษียณ ทำให้ไม่มีเงินสำรองในยามฉุกเฉิน
  4. การเปรียบเทียบกับคนอื่น : คนที่มี Lifestyle Inflation มักจะมีแนวโน้มที่จะเปรียบเทียบตนเองกับคนอื่นและพยายามใช้ชีวิตแบบเดียวกัน ทำให้ต้องใช้จ่ายเงินมากขึ้นเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ต้องการ
  5. ความพอใจชั่วคราว : การใช้จ่ายเพื่อความพอใจชั่วคราว เช่น การซื้อของฟุ่มเฟือยหรือการใช้บริการที่แพง อาจทำให้รู้สึกดีในระยะสั้น แต่กลับทำให้การเงินส่วนบุคคลเสียหายระยะยาว

ทำอย่างไรถึงจะหลีกเลี่ยง Lifestyle Inflation 

  1. วางแผนการเงินอย่างเป็นระบบ : การวางแผนการเงินระยะยาวสามารถช่วยลดความเสี่ยงในการติดกับ Lifestyle Inflation ได้ ควรกำหนดเป้าหมายการออม การลงทุน และการใช้จ่ายอย่างชัดเจน
  2. การใช้จ่ายอย่างมีสติ : การประเมินค่าใช้จ่ายก่อนที่จะใช้เงิน เช่น การตั้งงบประมาณรายเดือนและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด จะช่วยให้คุณควบคุมการใช้จ่ายได้ดีขึ้น
  3. การลงทุนในความรู้และทักษะ : แทนที่จะใช้จ่ายเงินเพื่อซื้อของฟุ่มเฟือย ควรลงทุนในความรู้และทักษะที่สามารถเพิ่มมูลค่าให้กับตัวคุณในระยะยาว เช่น การเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ หรือการเข้าร่วมการสัมมนาและการอบรม
  4. การประหยัดและการออมเงิน : การตั้งเป้าหมายในการออมเงิน เช่น การตั้งเป้าหมายที่จะออมเงินจำนวนหนึ่งในทุกเดือน จะช่วยให้คุณมีเงินสำรองในยามฉุกเฉินและสามารถลงทุนได้ในอนาคต
  5. การหลีกเลี่ยงการเปรียบเทียบกับคนอื่น : ควรมีความพอใจในสิ่งที่มีและไม่เปรียบเทียบตนเองกับคนอื่น การใช้จ่ายเงินเพื่อตนเองและครอบครัวอย่างมีเหตุผลจะทำให้ชีวิตมีความสุขมากขึ้น

Lifestyle Inflation คือปัญหาที่หลายคนมักพบเจอเมื่อรายได้เพิ่มขึ้น การใช้จ่ายเงินอย่างไม่มีการวางแผนและการเพิ่มภาระหนี้สินสามารถทำให้การเงินส่วนบุคคลเสื่อมถอยได้ ดังนั้น การวางแผนการเงินอย่างเป็นระบบ การใช้จ่ายอย่างมีสติ การลงทุนในความรู้และทักษะ การประหยัดและการออมเงิน และการหลีกเลี่ยงการเปรียบเทียบกับคนอื่น จะช่วยให้คุณหลีกเลี่ยง Lifestyle Inflation และมีชีวิตที่มั่นคงและมีความสุขในระยะยาว

 

ไม่อยากใช้ชีวิตแบบ lifestyle inflation ต้องทำยังไง

การเพิ่มขึ้นของรายได้มักนำพาความสุขและความสบายใจมาให้ แต่หากเราไม่ระมัดระวัง การเพิ่มขึ้นของรายได้อาจนำพาความเสี่ยงต่อการใช้ชีวิตแบบ "Lifestyle Inflation" ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการเงินในระยะยาว เพื่อป้องกันไม่ให้ Lifestyle Inflation เข้ามาครอบงำชีวิต เราสามารถใช้วิธีการดังต่อไปนี้

  1. สร้างงบประมาณและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด การสร้างงบประมาณช่วยให้เรารู้ว่ารายได้และค่าใช้จ่ายของเราเป็นอย่างไร การทำตามงบประมาณอย่างเคร่งครัดจะช่วยให้เราสามารถควบคุมการใช้เงินและหลีกเลี่ยงการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น หรือ การใช้เงินเกินตัว
  2. ตั้งเป้าหมายการออมและการลงทุน การตั้งเป้าหมายการออมเช่น การออมเงิน 20% ของรายได้ทุกเดือนจะช่วยให้เรามีเงินออมเตรียมไว้ใช้ในอนาคต การลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำและให้ผลตอบแทนระยะยาวเช่น กองทุนรวมตลาดเงินหรือพันธบัตรรัฐบาลจะช่วยให้เงินของเราเติบโตขึ้นอย่างมั่นคง
  3. ใช้จ่ายอย่างมีสติ ก่อนการใช้จ่าย ควรถามตัวเองว่า “สิ่งนี้จำเป็นจริง ๆ หรือไม่” การเลี่ยงการซื้อของที่ไม่จำเป็นจะช่วยให้เราประหยัดเงินได้มากขึ้นและไม่ต้องใช้จ่ายเกินความจำเป็น
  4. อย่าเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น การเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นในด้านการเงินจะทำให้เรารู้สึกอยากใช้จ่ายเพิ่มขึ้น การมีชีวิตที่พอเพียงและรู้จักพอใจในสิ่งที่มีจะทำให้เรามีความสุขมากขึ้น
  5. หาความสุขจากสิ่งที่ไม่ต้องใช้เงิน การหาความสุขจากกิจกรรมที่ไม่ต้องใช้เงินเช่น การอ่านหนังสือ การออกกำลังกาย การทำกิจกรรมร่วมกับครอบครัวและเพื่อนฝูงจะทำให้เรามีชีวิตที่สมบูรณ์และไม่ต้องพึ่งพาการใช้เงินในการหาความสุข
  6. ศึกษาและเรียนรู้การจัดการการเงิน การศึกษาและเรียนรู้เกี่ยวกับการจัดการการเงินจะช่วยให้เรามีความเข้าใจและสามารถจัดการเงินได้ดียิ่งขึ้น การเรียนรู้เรื่องการลงทุน การออม การจัดการหนี้สินจะทำให้เรามีความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว
  7. ระวังการใช้บัตรเครดิต การใช้บัตรเครดิตอาจทำให้เราใช้จ่ายเกินความจำเป็น การตั้งวงเงินที่จำกัดและชำระหนี้สินให้ตรงเวลาจะช่วยให้เราหลีกเลี่ยงการเป็นหนี้สะสม
  8. ลงทุนในความรู้และทักษะ การลงทุนในความรู้และทักษะของตัวเองเช่น การเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ หรือการพัฒนาตนเองจะทำให้เรามีความสามารถในการหารายได้เพิ่มขึ้นและสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในอาชีพการงานได้ดียิ่งขึ้น
  9. สร้างแผนการเกษียณ การวางแผนการเกษียณตั้งแต่อายุยังน้อยจะช่วยให้เรามีการเตรียมตัวทางการเงินที่ดี การลงทุนในกองทุนเกษียณหรือสินทรัพย์ที่มีผลตอบแทนระยะยาวจะทำให้เรามีเงินใช้เมื่อเกษียณ
  10. มีการตรวจสอบและปรับปรุงแผนการเงินอย่างสม่ำเสมอ การตรวจสอบและปรับปรุงแผนการเงินเป็นประจำจะช่วยให้เรารู้ถึงสถานการณ์ทางการเงินของเราและสามารถปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงได้

การใช้ชีวิตที่ไม่ตกอยู่ในกับดักของ Lifestyle Inflation ต้องการความตั้งใจและวินัยในการจัดการเงิน การมีเป้าหมายที่ชัดเจนและการใช้จ่ายอย่างมีสติจะช่วยให้เรามีชีวิตที่พอเพียงและมั่นคงทางการเงินในระยะยาว

 

หมายเหตุ

คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวนและสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยง และ ผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอนาคต โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้


เรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

Merkle Capital คือผู้จัดการเงินทุนสินทรัพย์ดิจิทัลแห่งแรกในประเทศไทย ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานก.ล.ต. บริษัทให้การดูแลและบริหารเงินลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลแก่ลูกค้าด้วยกลยุทธ์ที่หลากหลายโดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนและการบริหารจัดการ