มิถุนายน 25, 2024
Metadata คือข้อมูลที่ใช้ในการอธิบายหรือให้ข้อมูลเกี่ยวกับข้อมูลอื่น ๆ (Data About Data) เป็นข้อมูลเสริมที่ช่วยให้เราสามารถเข้าใจ บริหารจัดการ และใช้ข้อมูลหลักได้ดียิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น ในไฟล์ภาพถ่าย Metadata อาจรวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับวันที่และเวลาที่ถ่ายภาพ, การตั้งค่ากล้อง (เช่น ความละเอียด, ค่า ISO), สถานที่ที่ถ่ายภาพ (ถ้ามีการเปิดใช้งาน GPS) เป็นต้น ในโลกบล็อกเชน Metadata คือข้อมูลที่ใช้ในการอธิบายและให้บริบทเพิ่มเติมเกี่ยวกับธุรกรรมหรือสินทรัพย์ดิจิทัลที่อยู่บนบล็อกเชน ข้อมูลเหล่านี้สามารถช่วยในการระบุและจัดการข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น คำอธิบายเพิ่มเติมของ 2 ประเภทหลัก ดังนี้
On-chain Metadata: การจัดเก็บ Metadata บนบล็อกเชนโดยตรง ซึ่งรวมถึงข้อมูลเช่น Hash ของธุรกรรม, ที่อยู่ของผู้ส่งและผู้รับ, จำนวนเงินที่ถูกโอน และรายละเอียดของสัญญาอัจฉริยะ (Smart Contract) ข้อดีของการจัดเก็บแบบออนเชนคือมีความปลอดภัยสูงและไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ เนื่องจากข้อมูลทั้งหมดได้รับการบันทึกลงในบล็อกเชนซึ่งมีความโปร่งใสและตรวจสอบได้ แต่มีข้อจำกัดในเรื่องของขนาดข้อมูลและค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าการจัดเก็บแบบออฟเชน เนื่องจากพื้นที่บล็อกเชนมีจำกัดและการเขียนข้อมูลบนบล็อกเชนต้องเสียค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรม
Off-chain Metadata: การจัดเก็บ Metadata นอกบล็อกเชน เช่น ในระบบคลาวด์หรือระบบไฟล์แบบกระจาย (Distributed File Systems) การเก็บข้อมูลแบบนี้สามารถเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ได้และมีค่าใช้จ่ายต่ำกว่าการจัดเก็บแบบออนเชน ข้อมูลที่จัดเก็บออฟเชนยังคงสามารถเข้าถึงได้ผ่านลิงก์หรือการอ้างอิงที่บันทึกอยู่บนบล็อกเชน ข้อดีคือความยืดหยุ่นในการจัดการข้อมูลและการลดค่าใช้จ่ายในการทำธุรกรรมบนบล็อกเชน แต่มีความปลอดภัยน้อยกว่าและต้องพึ่งพาระบบภายนอกในการจัดเก็บข้อมูล หากระบบภายนอกมีปัญหาหรือถูกโจมตี ข้อมูลก็อาจสูญหายหรือถูกแก้ไขได้
ทั้งสองวิธีมีข้อดีและข้อเสียของตนเอง และการเลือกใช้ขึ้นอยู่กับลักษณะและความต้องการของข้อมูลที่ต้องการจัดเก็บในบล็อกเชน
จากคำอธิบายด้านบนเราจะเห็นได้ว่ามีการจัดเก็บ Metadata ทั้งแบบออนเชนและแบบออฟเชน ที่จริงแล้วบล็อกเชนไม่ได้ต่างกับการเก็บข้อมูลของ Database หรือออฟเชน เป็นเทคโนโลยีเก็บข้อมูลเหมือนกัน แต่มีการจัดเรียงและความปลอดภัยที่แตกต่างกันเท่านั้นเอง
การจัดเก็บ Metadata แบบออนเชน (On-chain) ลักษณะการจัดเก็บคือ Metadata ถูกบันทึกลงในบล็อกเชนโดยตรง ซึ่งหมายความว่าข้อมูลทั้งหมดจะถูกเก็บรักษาและตรวจสอบได้ผ่านบล็อกเชน ข้อมูลนี้จะถาวรและไม่สามารถแก้ไขได้ ซึ่งสร้างความน่าเชื่อถือและความโปร่งใส
ในทางเดียวกันการจัดเก็บ Metadata แบบออฟเชน (Off-chain) ลักษณะการจัดเก็บคือ Metadata ถูกเก็บในระบบภายนอกบล็อกเชน เช่น เซิร์ฟเวอร์ส่วนตัว, ระบบคลาวด์, หรือระบบกระจายข้อมูล (Distributed File Systems) เช่น IPFS (InterPlanetary File System) บล็อกเชนจะเก็บเฉพาะลิงก์หรือข้อมูลระบุตำแหน่งที่จัดเก็บ Metadata
ทั้งสองอย่างจะมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไป เช่น (Validator Node คือสิ่งที่เก็บข้อมูลและยืนยันข้อมูลออนเชน)
อย่างไรก็ตามออนเชน มีข้อดีที่แตกต่างกับออฟเชนชัดเจนอยู่อย่างหนึ่งคือ ความไว้ใจในระบบการเก็บข้อมูล ซึ่งออฟเชนไม่สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ ทำให้ต้องมีตัวกลางที่ไว้ใจได้ขึ้นมาเพื่อป้องกันปัญหาเหล่านั้น โดยคำ้ชื่อเสียงของตัวกลางกับความไว้ใจในระบบออฟเชน แต่นั้นก็มีคำถามไปถึงความน่าเชื่อถือของตัวกลางอีก
“เราจะเชื่อใจคนเก็บข้อมูลว่าเขาจะไม่แก้ไขข้อมูลเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองได้อย่างไร ?”
จากคำถามความเชื่อใจข้างบน เรามาดูกรณีตัวอย่างของปัญหาของความเชื่อใจนี้กันดีกว่า ตัวอย่างแรกที่เรารู้จักกันดีอย่างการล่มสลายของ FTX ก็เป็นหนึ่งอย่างที่เป็นปัญหาของ Centralize Ledger ถึงแม้ตัวสินทรัพย์จะอยู่ในรูปของสินทรัพย์ดิจิทัลและอยู่บนบล็อกเชนก็ตาม แต่เงินที่ฝากไว้ใน Centralize Exchange (CEX) รวมไปถึงการทำงานหลังบ้าน CEX ก็ทำโดย Database อยู่ดี เราต้องใช้ความเชื่อใจ CEX ว่าเขาจะไม่นำสินทรัพย์ของเราไปใช้ทำอะไรต่อ ต้องเชื่อใจว่า Reserve ที่เขาบอกว่าเขามีนั้นมีจริงๆ และมีเพียงพอสำหรับทุกคนที่ต้องการจะถอน ซึ่งเราก็รู้กันว่า FTX โกหกว่า Reserve ที่ลูกค้าฝากไว้อยู่ครบ และได้นำสินทรัพย์ของเราไปหมุนที่ Alameda
ถ้าลองเปลี่ยนคำถามเป็น “เราไม่เชื่อใจใครเลยจะได้ไหม ?” คำตอบนั่นคือออนเชนที่เราไม่จำเป็นจะต้องเชื่อใจตัวกลาง แต่เปลี่ยนเป็นเชื่อใจระบบแทน
แล้วใช้อันไหนดีกว่ากันคำตอบคือขึ้นอยู่กับรูปแบบการใช้งานตัวอย่างเช่น
การเลือกว่าจะใช้การจัดเก็บ Metadata แบบออนเชนหรือออฟเชนนั้น ขึ้นอยู่กับลักษณะและความต้องการของข้อมูล รวมถึงงบประมาณและความสำคัญของความปลอดภัยและความโปร่งใสของข้อมูลนั้นๆ
บนบล็อกเชน Metadata เก็บข้อมูลต่าง ๆ ดังนี้
ตัวอย่าง Metadata ของบล็อกเชนในโลกความจริง
Metadata คือข้อมูลที่ใช้ในการอธิบายหรือให้ข้อมูลเกี่ยวกับข้อมูลอื่น ๆ (Data About Data) ซึ่งช่วยให้เราสามารถเข้าใจและจัดการข้อมูลหลักได้ดีขึ้น ในบริบทของบล็อกเชน Metadata สามารถแบ่งออกเป็นสองประเภทหลัก On-chain Metadata และ Off-chain Metadata ซึ่ง On-chain Metadata คือข้อมูลที่บันทึกลงในบล็อกเชนโดยตรง เช่น Hash ของธุรกรรม, ที่อยู่ของผู้ส่งและผู้รับ, จำนวนเงินที่ถูกโอน, และรายละเอียดของสัญญาอัจฉริยะ (Smart Contract) การจัดเก็บแบบนี้มีความปลอดภัยสูงและไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ แต่มีข้อจำกัดเรื่องขนาดและค่าใช้จ่าย ขณะที่ Off-chain Metadata คือข้อมูลที่เก็บนอกบล็อกเชน เช่น ในระบบคลาวด์หรือระบบไฟล์แบบกระจาย (Distributed File Systems) เช่น IPFS ซึ่งสามารถจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ได้และมีค่าใช้จ่ายต่ำกว่า แต่มีความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือน้อยกว่า On-chain Metadata โดยทั่วไปการเลือกใช้แบบใดจะขึ้นอยู่กับความต้องการและลักษณะเฉพาะของข้อมูลนั้นๆ
คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวนและสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยง และ ผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอนาคต โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
Disclaimer